23 ม.ค. 2021 เวลา 14:29 • ไลฟ์สไตล์
พลังของความเชื่อกับเรื่องเล่า
1
เมื่อวานตอนที่ฉันนั่งตัดเล็บมือเล็บเท้า ในใจก็คิดว่าฉันจะลองทำสิ่งที่ท้าทายตัวเองอย่างหนึ่ง พอตัดเล็บเสร็จ ฉันก็เดินเอาเศษเล็บไปทิ้งไว้ที่โคนต้นไม้ต้นหนึ่งในกระถางซึ่งมีใบไม้แห้งร่วงคลุมจนมองไม่เห็นดิน ฉันมองเศษเล็บของตัวเองที่ร่วงพรูลงไปตามซอกหลืบระหว่างใบไม้แห้งกรอบสีน้ำตาล พลางนึกถึงเรื่องเล่าเรื่องหนึ่งซึ่งฉันเคยได้ยินในวัยวันที่อายุเกินกว่าจะเชื่อในความลี้ลับของเรื่องที่เล่านั้น แต่ฉันก็ยังเชื่อเป็นตุเป็นตะ เก็บเอาไปจินตนาการต่ออย่างสนุกสนานหลังจากนั้นอีกนาน
เรื่องมีอยู่ว่าตอนมัธยมต้น ฉันเคยอ่านนิทานพื้นบ้านเรื่องหนึ่ง ถ้าจำไม่ผิด น่าจะเป็นนิทานจีน นิทานเรื่องนี้เล่าว่าหนูที่กินเศษเล็บของคนเข้าไป จะสามารถแปลงร่างเป็นคน ๆ นั้นได้ ความเชื่อนี้พ้องกับเรื่องเล่าของเกาหลีที่ฉันเพิ่งอ่านเจอว่าหนูสามารถแปลงร่างเป็นคนที่มันกินเศษเล็บเข้าไปได้เหมือนกัน และถ้าเวลาผ่านไปนานเข้า ร่างแปลงนั้นจะสมบูรณ์แบบขึ้นเรื่อย ๆ จนกลืนกินจิตวิญญาณเดิมของเจ้าของร่าง ทำให้เจ้าของร่างหายตัวไปในที่สุด เรื่องเล่าของเกาหลีนี่ออกจะน่ากลัวขึ้นอีกหน่อย
อันที่จริงฉันว่าลำพังนิทานพื้นบ้านที่ได้อ่าน ไม่ถึงกับน่ากลัวขนาดนั้นหรอก แต่จินตนาการของฉันที่เสริมเติมแต่งเข้าไปเอง ทำให้ฉันไม่กล้าทิ้งเศษเล็บที่ตัดแล้วของตัวเองเกลื่อนกลาด ฉันมักจะเอาเศษเล็บใส่ถุง มัดปากถุงก่อนทิ้ง อย่างชุ่ยที่สุดคือเทเศษเล็บลงถังผงที่มีถุงขยะใบใหญ่รองรับ แต่แทบไม่มีวันเสียละที่ฉันจะทิ้งเศษเล็บที่อื่นที่ไม่ใช่ถังขยะ
ด้วยความที่ตอนที่อ่านนิทานพื้นบ้านเรื่องหนูสามารถแปลงร่างเป็นคนได้นี้ ฉันโตพอที่จะเลิกเชื่อเรื่องลี้ลับอย่างที่ว่าแล้ว ฉันรู้ว่าเรื่องนี้เป็นวิธีการสอนเด็กให้มีระเบียบ ไม่สกปรกซกมก เหมือนกับหลาย ๆ เรื่องที่อาศัยเรื่องเล่าสนุก ๆ เป็นเครื่องมือในการอบรมสั่งสอน อย่างเช่นบอกว่าถ้าร้องเพลงไปกินข้าวไปด้วย จะได้สามีแก่ เรื่องเล่าลักษณะนี้อาจหาความเชื่อมโยงที่เป็นกุศโลบายสอนเด็กให้มีระเบียบ ไม่สกปรกซกมก เหมือนกับหลาย ๆ เรื่องที่อาศัยเรื่องเล่าสนุก ๆ เป็นเครื่องมือในการอบรมสั่งสอน อย่างเช่นบอกว่าถ้าร้องเพลงไปกินข้าวไปด้วย จะได้สามีแก่ เรื่องเล่าลักษณะนี้อาจหาความเชื่อมโยงที่เป็นเหตุเป็นผลอะไรไม่ได้มากนัก แต่มันได้ผลในแง่ที่ว่าอย่างน้อยก็ทำให้คนที่เชื่อชะงักและหยุดคิดได้เหมือนกัน
ถ้าเป็นแบบนี้ เท่ากับว่าเรื่องเล่าพวกนี้นอกจากจะฟังเอาเพลิน เอาสนุกแล้ว ยังทำงานกับความเขื่อของคนด้วย ทำไมฉันยังคงชะงัก หยุดคิดถึงเรื่องร่างแปลงของตัวเองจนไม่กล้าทิ้งเศษเล็บเกลื่อนกลาดในวัยที่เดินทางมาเกินครึ่งชีวิต? ถ้าคำสอนเรื่องนี้ออกมาจากปากผู้ใหญ่สักคนตอนที่ฉันยังเด็ก ฉันคงจำได้ไม่แม่นเท่านี้หรอก
หากเราสามารถใช้เรื่องเล่าสร้างความเชื่อที่สร้างสรรค์ให้ใครก็ตาม และในทางกลับกัน หากเราเชื่อในเรื่องเล่าที่เราได้ฟัง พลังของความเชื่อน่าจะสามารถผลักให้เราลงมือทำหรือไม่ทำอะไรก็ได้ทั้งนั้น
ฉันว่าความเชื่อเปลี่ยนโลกได้เลยแหละ
photo cr. internet

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา