25 ม.ค. 2021 เวลา 01:18 • การศึกษา
สตีฟ จอบส์ เป็น Perfectionism ที่ก่ำกึ่งระหว่าง Adaptive กับ Maladaptive คือ ปรับตัวได้และไม่ปรับตัว ซึ่งเขาตั้งมาตรฐานไว้สูง แล้วเรียกร้องทุกคนให้เข้ามาสู่มาตรฐานนี้
ในช่วงแรกๆ นั้น เกิดปัญหามากขนาดทำให้สุดท้าย สตีฟ จอบส์ ถูกไล่ออกจากบริษัทที่ตนเองสร้างขึ้น สตีฟ จอบส์ คิดค้นคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลแล้วตั้งบริษัทแอปเปิ้ลขึ้นมา เขาเป็นผู้ก่อตั้งบริษัทจนประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุเพียง 20 กว่าปีมีทรัพย์สินประมาณหนึ่งล้านเหรียญสหรัฐฯ และเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลทุกๆ ปี จนมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก
เขารู้ว่าตนเองยังบริหารงานไม่เก่ง แต่มีฝีมือความคิดสร้างสรรค์ ในการบริหารปกครองพนักงานเป็นพันๆ ถือว่าประสบการณ์ยังน้อย เขาจึงพยายามหาคนมาช่วยบริหารบริษัท โดยการไปชวน CEO ของบริษัทเป๊บซี่ ซึ่งใหญ่กว่าบริษัทแอปเปิ้ลในตอนนั้น
1
โดย สตีฟ จอบส์ ใช้คำชวนว่า
“คุณจะนั่งขายน้ำดำไปตลอดชีวิต หรือคุณจะมาเปลี่ยนโลกกับผม”
คำพูดนี้โดนใจ CEO เป๊บซี่มาก เขาจึงลาออกมาเป็นผู้บริหารให้แอปเปิ้ล ในที่สุดหนึ่งปีผ่านไป CEO คนใหม่จากเป๊บซี่ประชุมกรรมการบริษัท ลงมติไล่ สตีฟ จอบส์ ออกจากบริษัท เพราะเขาทำความปั่นป่วนให้บริษัทมากเกินไป
(ซ้าย) สตีฟ จ็อบส์ (ขวา) จอน สคัลลี่ อดีต ผู้บริหาร Pepsi
เนื่องจาก สตีฟ จอบส์ ค่อนข้างเชื่อมั่นในตนเองมากจนเรียกได้ว่าไม่ให้เกียรติผู้อื่นเท่าที่ควร พฤติกรรมเขาค่อนข้างแข็งกร้าวจน CEO คนใหม่ทนไม่ไหวด้วยความที่เขาเป็นผู้ใหญ่กว่าและเคยเป็น CEO ของเป๊บซี่มาก่อน
คนอื่นให้ความเชื่อถือ สตีฟ จอบส์ เพราะเขาเป็นผู้ก่อตั้งบริษัทมาก็จริง แต่พอบริษัทเติบโตขึ้น มีทุนทรัพย์มากขึ้น สตีฟ จอบส์ ไม่ได้ถือหุ้นเกิน 50% ของหุ้นทั้งหมดในบริษัท CEO และคณะกรรมการบริษัทจึงสามารถลงมติปลด สตีฟ จอบส์ ออกได้สำเร็จเขาอกหักเพราะถูกผู้บริหารที่ตนเองดึงมาร่วมงานในบริษัทที่สร้างมาเองกับมือไล่ออกจากบริษัท
แต่หลังจากนั้นไม่นาน สตีฟ จอบส์ ได้ก่อตั้งบริษัทใหม่ แล้วได้ ไปร่วมงานกับมูลนิธิการกุศลต่างๆ บ้าง 10 ปีผ่านไป จากเดิมที่เขาเป็นคนค่อนข้างหนักไปทาง Maladaptive perfectionism คือสมบูรณ์แบบอย่างไม่มีการปรับตัว ก็เริ่มได้บทเรียนครั้งใหญ่ในชีวิต เขาเริ่มเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นเพราะมีโอกาสได้ออกไปทำงาน เพื่อสังคม ได้ ไปเล่นกับเด็กๆ ไปช่วยเหลือคนลำบากยากจนและได้รู้จักชีวิตมากขึ้น
10 ปีผ่านไป แอปเปิ้ลกำลังจะเจ๊ง เพราะขาดความคิดสร้างสรรค์ที่เดิมมาจาก สตีฟ จอบส์ พอเขาไม่อยู่แอปเปิ้ลก็ได้แต่นั่งกินบุญเก่า ไม่นานบริษัทก็ค่อยๆ ขาดความก้าวหน้าและใกล้จะล้มละลาย สุดท้ายผู้บริหารต้องกลับไปเชิญ สตีฟ จอบส์ ให้มากู้วิกฤตบริษัท
พอเขาได้กลับเข้ามา ก็ยังคงมีความเป็น Perfectionism อยู่ คือทำทุกอย่างเนี้ยบแต่มีความยืดหยุ่นมากกว่าเดิม รู้จักถนอมน้ำใจคนอื่นมากขึ้น
ผลิตภัณฑ์ทุกอย่างของแอปเปิ้ลต้องเนี้ยบทุกรายละเอียดโดยเขาออกแบบ iPhone ขึ้นมาด้วยความเนี้ยบและสวยหรูทุกรายละเอียด เขาบอกว่าไม่ใช่ขายคอมพิวเตอร์ หรือโทรศัพท์มือถืออย่างเดียว แต่ขายดีไซน์ ให้เหมือนกับเป็นสินค้าแฟชั่นอย่างหนึ่ง
ซึ่งสมัยก่อนเราคิดไม่ถึงเลย แต่ สตีฟ จอบส์ ทำให้ผลิตภัณฑ์ทางเทคโนโลยีกลายเป็นสินค้าที่ต้องให้ความสำคัญกับดีไซน์ จนเป็นเทรนด์ไปทั้งโลก
แอปเปิ้ลไม่ผลิต iPhone เอง แต่จ้างที่อื่นผลิตทั้งหมดโดยตั้งมาตรฐานผลิตที่สูงมาก เช่น เคสต้องเป็นโลหะเท่านั้น เป็นต้นบริษัทผู้ผลิตที่รับงานไปต้องหาวิธีการว่า ทำอย่างไรให้ทุกรายละเอียดออกมาดีที่สุด และผลิตสินค้าให้ ได้มาตรฐานตรงตามที่เขากำหนด
ผลสุดท้าย iPhone โด่งดังไปทั่วโลก ใครได้ ใช้ก็เกิดความรู้สึกภูมิใจ แล้วผลิตภัณฑ์ของเขาก็ทนทานจริงๆ ถ้าเทียบกับสินค้าของยี่ห้ออื่นในยุคนั้น iPhone ราคาแพงกว่า แต่สวยงามกว่าทนทานกว่า ประสิทธิภาพการใช้งานก็ดีกว่า
สตีฟ จอบส์ เป็น Perfectionism จากที่ไม่ปรับตัวเลยกลายเป็นปรับตัวน้อยๆ จนกลายเป็นคนที่ปรับตัวมากขึ้นได้ แล้วนำจุดแข็งของตนเองขยายไปสู่ความสำเร็จของบริษัทได้ในที่สุด
สมมุติว่าถ้าเรามีโอกาสได้ทำงานกับคนแบบ สตีฟ จอบส์เราจะมีวิธีการรับมืออย่างไร เราควรคิดทางบวกว่าเป็นโอกาสดีที่เราจะได้พัฒนาตนเอง ถ้าอยู่กับหัวหน้าที่มีมาตรฐานสูง เราก็ต้องพยายามถีบตนเองขึ้นไป ซึ่งจะเป็นจังหวะที่เราสามารถพัฒนาตนเองได้อย่างดี แล้วให้เรามองวิกฤตเป็นโอกาส
ข้อดีของคนที่เป็น Perfectionism คือกล้าเปลี่ยนแปลงคนทั่วไปอาจจะประนีประนอมไปเรื่อยๆ อาจจะเพราะเกรงจะกระทบน้ำใจคนอื่น แต่ สตีฟ จอบส์ ใช้มาตรฐานที่สูงของตนเองเป็นที่ตั้ง
ถ้าใครเข้าสู่มาตรฐานของเขาไม่ได้ก็ไม่ยอมให้ผ่าน กล้าดุ กล้าปรับ กล้าเปลี่ยน ผลคือเขาสามารถเปลี่ยนโครงสร้างบริษัทจนนำไปสู่ความสำเร็จได้ ในที่สุด
ตอนที่ สตีฟ จอบส์ เสียชีวิต หุ้นของบริษัทแอปเปิ้ลมี มูลค่าสูงประมาณ 500,000 กว่าล้านเหรียญสหรัฐฯ ถ้าเทียบเป็นเงินไทยก็มากกว่าเงินที่คนไทย 60 กว่าล้านคนหาได้ตลอดทั้งปี ซึ่งเขาใช้เวลาในการกอบกู้บริษัทจากที่กำลังจะล้มละลายเพียง 10-15 ปี ก็กลายมาเป็นบริษัทที่มีมูลค่าหุ้นสูงที่สุดในโลกในขณะนั้น
ถ้าจะอธิบายให้เห็นภาพชัดๆ ว่าเงินที่เขาทำกำไรได้นั้นมากแค่ไหน ให้นำเงินแบงก์พันของไทยมาใส่ท้ายรถสิบล้อให้เต็ม จะต้องใช้รถสิบล้อขนประมาณ 1,000 กว่าคัน นั่นคือเงินที่เขาทำได้ในระยะเวลา 10 กว่าปี ด้วยความเป็น Perfectionism ของเขาแล้วปรับตัวจากแบบ Maladaptive เป็นแบบ Adaptive ได้ในที่สุด
ถ้าเราเป็นคนที่ชอบความสมบูรณ์แบบ ก็ขอให้เป็นคนเนี้ยบที่ยืดหยุ่นได้ รู้จักปรับตัวและเข้าใจคนรอบข้างบ้าง แข็งบ้างผ่อนบ้างตามสมควร
ตัวเราเองยังมีข้อบกพร่อง คนอื่นก็มีข้อบกพร่องเช่นกัน ถ้าเราไปหวังให้คนอื่นทำถูกต้องสมบูรณ์แบบทั้ง 100% อย่างที่เราต้องการนั้นเป็นไปไม่ได้ และย่อมเกิดปัญหาแน่นอน มนุษย์โดยทั่วไปต้องการความสมบูรณ์แบบ ทั้งเรื่องของผลงาน รวมไปถึงการกระทำต่างๆ แต่ว่า Perfectionism ก็มีทั้งข้อดีและข้อเสีย
ถ้าเราเลือกที่จะใช้มันให้อยู่ในจุดที่สมดุล ก็จะทำให้เกิดงานที่สมบูรณ์แบบได้อย่างลงตัวความสมบูรณ์แบบ นั้นไม่ควรตึงเกินไปหรือหย่อนเกินไป ควรยืดหยุ่นได้บ้าง ควรเห็นแก่ตนเอง และเห็นแก่คนรอบข้างด้วย ไม่ว่าจะเป็นผู้ร่วมงาน หรือคนในครอบครัว เราจะได้อยู่กันอย่างสดชื่น เบิกบาน และมีความสุข
เจริญพร
โฆษณา