24 ม.ค. 2021 เวลา 07:30 • ท่องเที่ยว
รีวิว ท่องเที่ยวเชียงใหม่ ฉบับ 'กันเอง'
สวัสดีค่ะทุกคนน วันนี้เราจะมารีวิวท่องเที่ยวเชียงใหม่ เป็นครั้งแรกที่เขียนรีวิวสถาที่ท่องเที่ยว ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ
จะเป็นอย่างไรบ้างจะสนุกแค่ไหน พร้อมแล้ว ไปกันโลดดดด
เรามาฝึกงานที่เชียงใหม่ช่วงเดือนมกราคม-สิ้นเดือนมีนาปี2019 คิดและวางแผนกันว่าอยากจะเที่ยวสัก 2 วันก่อนกลับบ้าน และเป็นการมาครั้งแรกจึงเป็นประสบการณ์ที่น่าจดจำเป็นอย่างมากค่ะ เพราะมาครั้งแรกจึงค่อนข้างที่จะหาข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยวอย่างละเอียด เราฝึกงานที่บริษัททัวร์จึงรู้จักสถานที่ท่องเที่ยวในเชียงใหม่ระดับนึงเลย หลังจากที่ฝึกงานแล้วก็ได้ชวนแม่และพี่สาวมาเที่ยวด้วยกันที่เชียงใหม่ เป็นการเที่ยวด้วยกันครั้งแรกอย่างเต็มตัว รู้สึกตื่นเต้นมาก เพราะเราเป็นคนคิดรายการท่องเที่ยวเอง และเราโชคดีที่ได้รู้จักกับพี่ๆในบริษัทจึงทำให้ได้เรียนรู้การเดินทางแต่ละสถานที่ทำให้การท่องเที่ยวครั้งนี้มีแต่เรื่องประทับใจ เราทำการเช่ารถตู้กับบริษัททัวร์ที่เราฝึกงาน เช่า 2วัน วันละ 2,000 บาท พี่คนขับรถเป็นคนบ้านเดียวกัน (ลูกอีสานดั้วหนิ😊) จึงค่อนข้างเข้าใจและให้อิสระในการชมสถานที่ท่องเที่ยวได้ค่อนข้างมากก เที่ยวครั้งนี้เรามีคณะทัวร์อยู่ที่ 7 คน หรือจะเรียกว่า เจ็ดสาว S7venDay นะคะ
1
วันแรก ดอยอินทนนท์-ผาช่อ-วัดดอยคำ (7 สถานที่ท่องเที่ยว)
เรานัดกัน 7 โมงเช้า พี่คนขับก็มารับ และเราแวะซื้อหมูปิ้งข้างทางเป็นอาหารเช้า เพื่อเดินทางไปดอยอินทนนท์กัน การเดินทางขึ้นดอยจากตัวเมืองก็ประมาณ 1-2 ชั่วโมงนะคะ พี่คนขับรถให้อิสระกับพวกเราค่อนข้างมาก แวะไหนก็ได้ เปิดเพลงคลอๆกันไป ส่วนเราหลับอย่างเดียวค่ะ เราเป็นคนที่เมื่อได้ขึ้นรถแล้วสามารถหลับได้ทันทีเลย😆
ที่แรกที่เราไปถึงก็คือ น้ำตกวชิรธาร
บอกไว้ก่อนนะคะทุกคน ส่วนมากทริปนี้เน้นถ่ายรูป สายเดิน สายธรรมชาติ เมื่อไปถึงก็เดินพวกเราถ่ายรูปกัน ตัวน้ำตกสูงและใหญ่มาก เดินไปถ่ายใกล้ๆ ก็จะโดนละอองน้ำ เย็นสบายเลยค่ะ😊 นักท่องเที่ยวต่างชาติก็ส่วนใหญ่ก็จะมาดูความสวยงามและถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึกของน้ำตกวชิรธาร เนื่องจากเราไปค่อนข้างเช้าจึงไม่ค่อยมีคนเยอะมาก บริเวณภายนอกก็จะมีร้านอาหาร ร้านเสื้อผ้า เครื่องดื่ม ต่างๆ ไว้บริการสำหรับนักท่องเที่ยว ถือว่าเป็นสถานที่ที่ควรค่าแก่การแวะชมธรรมชาติเลยนะคะ
น้ำตกวชิรธาร
เมื่อถ่ายรูปกันเสร็จเรียบร้อยเราก็เดินทางมาถึงสถานีเกษตรหลวงอินทนนท์ การเดินทางใช้เวลาแค่ 15 นาทีเองค่ะ ถ่ายรูปชิลๆ กับดอกไม้พืชพรรณ จากนั้นก็ไปที่จุดสูงสุดแดนสยาม ใช้เวลาประมาณ 25 นาทีค่ะ อยากจะบอกว่าอากาศกำลังพอดี เย็นสบายมากค่ะ พวกเราก็เดินตามทางเดิน จะมีป้ายที่เขียนว่า "สูงสุดแดนสยาม" ที่มีความสูงอยู่ที่ 2,565 เมตร ให้นักท่องเที่ยวได้ถ่ายรูปไว้เพื่อเก็บเป็นความทรงจำ จากนั้นเดินขึ้นไปอีกนิดจะเจอสถูปบรรจุอัฐิของเจ้าอินทวิชยานนท์ ผู้ครองนครเชียงใหม่ จะมีประวัติและป้ายที่ให้ความรู้เกี่ยวกับพืชและพรรณของต้นไม้ในบริเวณนั้น อากาศเย็นสบายมาก ใช้เวลาเดินประมาณ 5-10 นาทีเองค่ะ เดินเล่นเพื่อสูดอากาศที่สดชื่นที่แท้จริงทริปของเราในวันนี้ เดินออกมาจะมีป้ายที่บอกอุณหภูมิในแต่ละวัน เมื่อเดินออกมาจะมีนิทรรศการยอดดอย ร้านค้า ไม่ว่าจะเป็น เสื้อผ้า อาหาร เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้เลือกซื้ออีกมากมาย
สถานีเกษตรหลวงอินทนนท์
จุดสูงสุดแดนสยาม
เมื่อเลือกซื้อของเสร็จแล้ว เราก็เดินข้ามถนนไปสำรวจเส้นทางศึกษาธรรมชาติอ่างกา ทริปนี้เดินดีจริงๆค่ะ เหนื่อยมากกก สงสารคณะทัวร์ที่น่ารักจริงๆ😂 เส้นทางอ่างกาจะมีการเดินทางเป็นวงกลม และยังมีอีกเส้นทางหนึ่งที่แยกออกไปคือศาลเจ้ากรมเกิยรติ์ เข้าไปใช้เวลาประมาณ 15-20 นาที ภายในจะมีพืชตระกูลมอส เนื่องจากมีที่นี่มีน้ำท่วมขัง และมีความชื้นมาก ทำให้สมัยก่อนอีกามาเล่นน้ำ จึงเป็นที่มาของที่นี่ บรรยากาศดีมากนะคะ สดชื่นมากก😍 ความรู้และประวัติก็มีให้ได้อ่านเพิ่มความรู้ ตอนเดินลงไปนี้เดินได้สบายๆ แต่ตอนเดินกลับขึ้นไปนี้เหนื่อยขาแทบลากเลยนะคะ😅 แนะนำสำหรับคนที่ขี้เกียจเดินแนะนำไปแค่จุดสูงสุดแดนสยามก็พอค่ะ 😆
เส้นทางศึกษาธรรมชาติอ่างกา
จากนั้นก็ทานอาหารที่ร้านอาหารริมถนนก่อนที่จะถึงสถานที่ต่อไป เราเลือกอาหารง่ายๆ ส้มตำ ไก่ย่าง ข้าวเหนียว กินกันเสร็จก็พร้อมเดินทางต่อเพื่อไปสถานที่ถัดไป เมื่อถึง Pagoda พี่คนขับรถก็ขึ้นมาส่งด้านหน้าของพระมหาธาตุ ถ่ายรูปชิลๆข้างทางก่อนไป Pagoda King and Queen หรือที่เรียกเต็มๆว่า พระมหาธาตุนภเมทนีดล-นภพลภูมิสิริ พระมหาธาตุคู่พระบารมี รัชกาลที่ 9 และพระราชินี จุดชมวิวที่สวยแนะนำอีกหนึ่งที่เลย พระมหาธาตุนภเมทนีดล จะเป็นจุดชมวิวที่สวยสำหรับคนชอบถ่ายวิวธรรมชาติ พระมหาธาตุทั้งสองจะมีบันไดเลื่อนให้ขึ้น ส่วนทางลงนักท่องเที่ยวจะต้องเดินลงทางบันได ระหว่างของมหาธาตุจะเป็นสวนดอกไม้หลากหลายชนิด สีสันสดใสให้นักท่องเที่ยวผ่อนคลายและเลือกมุมที่จะถ่ายรูปได้อย่างอิสระ
พระมหาธาตุนภเมทนีดล-นภพลภูมิ
หลังจากเก็บรูปภาพได้พอใจทุกคนแล้ว เราก็เดินเดินทางลงดอยเพื่อจะไปสถานที่ถัดไป เราได้แวะตลาดม้ง เพื่อที่ซื้อของฝากให้ทางบ้าน ภายในตลาดม้งมีร้านขายของสำหรับนักท่องเที่ยวเยอะเลย ไม่ว่าจะเป็น เสื้อผ้าชาวดอย ผัก ผลไม้ ผลไม้เชื่อมก็มีนะ สิ่งที่เราให้ความสนใจมากเป็นพิเศษคือ ผลไม้เมืองเหนือ ชื่อของมันก็คือ เคพกูสเบอร์รี่ (Cape Gooseberry) เราเพิ่งเคยเห็นที่นี่เป็นครั้งแรก เลยลองชิมดูผลปรากฏว่า รสชาติออกหวานอมเปรี้ยวนิดๆ ถือว่าใช้ได้เลยนะ และเรายังรู้มาอีกว่า เคพกูสเบอร์รี่มีคุณประโยชน์มากมาย เช่น บำรุงสายตา ผิวพรรณเปล่งปลั่ง ลดความเสี่ยงในการเป็นโรคมะเร็งบางชนิด เป็นต้น และหนึ่งสิ่งที่เราไม่พลาดอีกอย่างก็คือ ไวน์ผลไม้ มันอร่อยมากก มีให้ลองชิมด้วย นี่ลองไปเกือบทุกรสไม่ว่าจะเป็น รสมังคุด องุ่น เราก็เลยคิดว่าไม่ควรที่จะพลาด😁 พี่สาวและเราซื้อกลับบ้านไปฝากครอบครัวประมาณ 10 ขวดได้ สำหรับคนที่จะมาเที่ยวดอยอินนท์ก่อนลงดอยก็อย่าลืมแวะมาตลาดม้งกันด้วยนะคะ ขอบอกว่ามีของหลากหลายประเภทที่น่าสนใจให้ได้เลือกซื้อไปฝากคนที่บ้านแน่นอนค่ะ
หลังจากเลือกซื้อของครบกันแล้ว พวกเราชาวคณะทัวร์ ก็เดินทางกันต่อเพื่อไปสถานที่ถัดไป "ผาช่อ"
นั่นเองค่ะ เราใช้เวลาจากดอยอินทนนท์ ถึงผาช่อประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง ถึงประมาณ บ่ายสามโมง
อากาศร้อนมากกก เราก็ลงจากรถและเตรียมตัวเดิน เพื่อไปดูผาช่อกันว่าจะสวยขนาดไหน ตามแพลนแล้วไม่คิดว่าพี่คนขับรถจะแวะผาช่อ เพราะเราคิดว่าจะไปที่วัดดอยคำเลย แต่พี่คนขับแนะนำให้มาสถานที่แห่งนี้เพราะมันสวยและควรค่าแก่การเก็บภาพ เราจึงตัดสินใจ ไหนๆ ก็มาถึงแล้วลงสักหน่อย ปรากฏว่าต้องเดินไปอีก 400 เมตร ทางค่อนข้างขึ้นและลง อากาศยิ่งร้อน คณะทัวร์ที่น่ารักเกือบเดินกันไม่ไหว เดินไปบ่นไป แต่พอถึงที่หมายก็ถือว่าคุ้มค่ากับการเดินที่แสนเหนื่อยล้าอยู่นะคะ มันอลังการงานสร้าง สวย แต่แปลกดี ธรรมชาติสร้างสรรค์จริงๆ
เก็บภาพสวยๆงามแล้วก็เดินกลับ แต่ตอนเดินกลับจะมีเส้นทางลับ เดินกลับได้สบาย ไม่คดเคี้ยวเหมือนตอนมาเลย โดยส่วนตัว เรารู้สึกชอบผาช่อนะ เพราะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวค่อนข้างลึกลับ การเดินทางค่อนข้างลำบากแต่พอมาถึง มันคุ้มค่ากับความตั้งใจที่จะมา บอกได้เลยว่า "งามขนาดเจ้า"
วัดพระธาตุดอยคำ
และมาถึงสถานที่สุดท้ายของวันแรก ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง เรามากันที่ "วัดพระธาตุดอยคำ" หรือจะเรียกสั้นๆว่า วัดดอยคำ ก็ได้ค่ะ เป็นวัดที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งของเชียงใหม่ มีอายุ 1,300 ปีเลยทีเดียว ยาวนานมาก และยังมีหลวงพ่อทันใจ ที่มีชื่อเสียงในเรื่องศักดิ์สิทธิ์ ขอพร บนบาน แล้วสมปราถนา ถ้าหากใครสนใจที่จะมาท่องเที่ยวสายธรรมะ ก็อย่าลืมที่จะแวะเข้ามากราบไหว้เพื่อเป็นสิริมงคลแก่ตนเองและครอบครัวด้วยนะคะ ภายในตัววัดมีจุดชมวิวที่น่าสนใจ เพราะสามารถมองเห็น ตัวเมืองเชียงใหม่ สนามบิน และหอคำหลวง อุทยานราชพฤกษ์ ได้อย่างชัดเจนเลยค่ะ สำหรับทริปวันแรกนั้นนนนน หนักหน่วงมากกก กลับมาสลบเลยค่ะ😁 แต่มันสนุกมาก ด้วยบรรยากาศการเดินทางกับเพื่อนและครอบครัวด้วยจึงทำให้มีความสุข เฮฮา ร้องเพลง และเปิดเพลงคลอระหว่างเดินทาง ฟินสุดๆไปเลยค่า
DAY 2
วันที่สอง ดอยสุเทพ-แม่คำปอง-น้ำพุร้อน-ม่อนแจ่ม
ทริปวันที่สองจะเป็นการท่องเที่ยวแนวสบายๆ พักผ่อนหย่อนใจ เนื่องจากวันแรกเดินกันมามากแล้ว วันที่สองขอชิลล์ คณะทัวร์ที่น่ารักได้บอกมา😊
เริ่มต้นด้วยเช้าที่สดใส ตรงไหน? (เนื่องช่วงนั้นเริ่มมีการเผาป่ากันแล้ว ทำให้อากาศเชียงใหม่ไม่ค่อยจะดีเลยค่ะ) นัดกัน 7 โมงเช้าเหมือนเดิม ทุกคนพร้อม เตรียมเดินทางขึ้นเพื่อไป "วัดพระธาตุดอยสุเทพ" กัน สำหรับคนที่เมารถยุแล้ว แนะนำให้กินยาแก้เมารถไว้เลยนะคะ เส้นทางขึ้นดอยสุเทพ คดเคี้ยว วกวนมากก นี่เกือบอ้วกแตกกันเลยทีเดียว โอ๊ยน้ออ ใช้เวลาเดินทางจากตัวเมืองประมาณ 30 นาทีเองค่ะ ใกล้มากๆเมื่อมาถึง ก็จะมีร้านขายของที่ระลึก อาหาร ไว้ให้เลือกซื้อ นักท่องเที่ยวเยอะมากก ทางขึ้นจะมีสองทางคือ บันไดนาค และรางรถไฟ เราขึ้นรางรถไฟเพราะมันสะดวกสบาย เมื่อขึ้นมาก็หามุมถ่ายรูป และกราบไหว้บูชา พระธาตุ ภายในพระธาตุห้ามผู้หญิงเข้าใกล้องค์พระธาตุ เราก็เดินรอบพระธาตุ และมีจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นเมืองเชียงใหม่ได้อย่างสวยงาม ตอนกลับเราเดินลงบันไดนาค มีประมาณ 185 ขั้น ตรงจุดบันไดนาคจะมีน้องๆชาวดอยยืนให้นักท่องเที่ยวได้ถ่ายรูปด้วย แต่ต้องให้ตังส์เล็กๆน้อยๆน้องเค้าด้วยนะคะ น้องๆน่ารักมากกก😀😁😄
พระธาตุดอยสุเทพ
จากวัดพระธาตุดอยสุเทพ-แม่กำปอง ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง เมื่อไปถึงก็ลงเดินแวะกินลมชมวิว ที่ร้านระเบียงวิว เป็นจุดเช็คอินที่น่าสนใจเลยนะ เพราะถ้ามาที่แม่กำปองก็ไม่ควรที่พลาดที่นี่เลยค่ะ สาวๆอย่างเราเลยต้องเก็บภาพความทรงจำนี้ไว้ ภายในแม่กำปองก็พื้นที่ให้เดินไม่มากเพราะเป็นหมู่บ้านเล็กๆที่สงบและน่าอยู่มาก และช่วงที่เรามานักท่องเที่ยวไม่ค่อยเยอะเลย เพราะเรามาช่วงหน้าร้อนด้วยจึงทำรู้สึกผ่อนคลาย สบายใจ พี่คนขับรถเขาแนะนำว่า เดินไปอีกนิดจะเจอน้ำตกเล็กๆ ให้พวกเราเราได้เก็บภาพสวยๆไว้ พวกเราก็เดินไปดู เป็นน้ำตกที่น่ารักมากค่ะ น้ำใส เย็นสบาย จิ๋วแต่แจ๋วนะคะ อากาศเย็นสดชื่นกัน เราถอดรองเท้าเดินเล่นที่น้ำตกน้อยๆนั้นด้วยย ฟินนนนน😍
แม่กำปอง ร้านระเบียงวิว
หลังจากที่เราออกมาจากแม่กำปองแล้ว เราก็ไปทานข้าวกันที่น้ำพุร้อนสันกำแพง ใช้เวลาเดินทางประมาณ 40 นาที ก่อนจะถึงก็แวะซื้ออาหาร ก่อนเข้าไปด้วย แต่พอไปถึงที่หน้าทางเข้าก็มีร้านค้าและร้านอาหารไว้คอยบริการนักท่องเที่ยวด้วยนะคะด้วย เราสั่งส้มตำ และไก่ย่าง เยอะแยะเลยอร่อยมากด้วย ก่อนเข้าไปต้องเสียค่าเข้าก่อนนะคะ เมื่อเข้าไปบรรยากาศดีมากค่ะ มีสวน ร่มรื่น มีโต๊ะสำหรับทานอาหาร เหมาะกับมาเที่ยวกับครอบครัวมากๆค่ะ จะมีโซนต่างๆ มีร่องน้ำพุร้อน เมื่อกินเสร็จก็มาแช่น้ำร้อนกัน รู้สึกดีมากเลย เพราะเหมือนได้ช่วยบำบัด ทำให้เท้าและขาของเราผ่อนคลาย แม่ของเราชอบมากก เพราะเดิมแม่ปวดขาอยู่แล้วได้มาแช่เท้า แม่ประทับใจที่นี่มาก ทำให้เราอยากพาแม่กลับมาอีกเลยค่ะ😊 เดินไปดูป้ายที่ติดไว้คือ ธารน้ำแร่สำหรับแช่เท้า เพื่อผ่อนคลายกล้ามเนื้อส่วนขาบรรเทาอาการปวดขาและข้อเท้าและรักษาโรคเชื่อราในเท้า สรรพคุณเยอะขนาดนี้ไม่แวะมาไม่ได้แล้วน๊าา ก่อนออกจากน้ำพุร้อนมีร้านขายของที่ระลึก สำหรับนักท่องเที่ยว เรานี่เลือกซื้อเสื้อยืดสวยๆไปฝากคนที่บ้านเยอะเลยค่ะ สวยๆ ทั้งนั้นเลย
จากนั้นเราก็มุ่งตรงไปสถานที่สุดท้าย นั่นก็คือ ม่อนแจ่มนั่นเอง ใช้เวลาเดินทางจากน้ำพุร้อน-ม่อนแจ่ม ประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง เมื่อมาถึงเรานี่ตื่นเต้นสุด วิวสวยมากกกก มีสถานที่ให้ถ่ายรูปเยอะเลยค่ะ แต่ละคนนี่แยกย้ายกันหามุมถ่ายรูปกันสุดแสนจะมีความสุข เนื่องจากเรามาถึงประมาณ 4โมงเย็น คนยิ่งไม่ค่อยมีใหญ่เลย บรรยากาศดี แสงอาทิตย์กำลังจะตก ทำให้การถ่ายภาพสวยย มีมุมให้ถ่ายเยอะเลยย หลังจากถ่ายรูปเสร็จทุกคนก็เดินทางกลับโดยสวัสดิภาพ พร้อมรอยยิ้ม ความสุข ความทรงมากมายที่ได้รับจากการท่องเที่ยวในเชียงใหม่ในครั้งนี้😊
น้ำพุร้อนสันกำแพง
ค่าใช้จ่ายเที่ยว 2 วัน
ค่ารถ 4,000 บาท
ค่ากินประมาณ 1000 บาท
รวมทั้งหมด 5,000/7 = 714 บาท/คน
ค่าเข้า สถานที่ต่างๆ
-ดอยอินทนนท์ 40 บาท
-สถานีเกษตรหลวงอินทนนท์ 20 บาท
-พระมหาธาตุนภเมทนีดล-นภพลภูมิสิริ 50 บาท
-ผาช่อ 20 บาท
-รางรถไฟ 40 บาท
-น้ำพุร้อนสันกำแพง 40 บาท
*ยังไม่รวมค่าของฝาก/ห้องพัก/ค่าเดินทางกลับ
ม่อนแจ่ม
สำหรับท่องเที่ยวเชียงใหม่ในครั้งนี้ สำหรับเรามันมากกว่าคำว่าคุ้มค่า เพราะเป็นการที่เที่ยวครั้งแรกที่คิดสถานที่จัดการเรื่องต่างๆด้วยตัวเอง ได้ไปหลากหลายสถานที่ เราลองคิดดูแล้วได้เที่ยวทั้งหมด 11 สถานที่ท่องเที่ยวคุ้มกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว เราโชคดีตรงได้มาฝึกงานที่นี่และเจ้าของบริษัททัวร์ใจดีรู้จักกับพี่คนขับรถ(คนบ้านเดียวกัน😄) พี่เค้าจะแนะนำหรือทริคเล็กๆน้อยให้ และพี่คนขับรถจะให้อิสระในการท่องเที่ยวกับพวกเรามาก อยากจะแวะที่ไหนอย่างไรได้หมดเลย เราเปิดเพลงได้ตามใจ สนุกสุดด ชอบตรงนี้😍 และสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยคือ คณะทัวร์ที่น่ารัก เพื่อนร่วมทริปทุกคนที่ทำให้บรรยากาศการท่องเที่ยวของเราในครั้งนี้มันสนุกมากก มีความสุขที่สุด ขอบคุณทุกคนที่ร่วมเดินทางกับเรานะ😄 ถึงการเดินทางจะขรุขระไปบ้างแต่ทุกคนก็ให้ความร่วมมือกันอย่างดี หวังว่าเราจะได้ไปเที่ยวกันอีก คิดถึงทุกคน💗
และสำหรับคนที่ไม่เคยมาเชียงใหม่แล้วอยากมาเที่ยวที่นี่ครั้งแรก เราแนะนำว่ามาเที่ยวเชียงใหม่รับรองไม่ผิดหวัง เพราะเชียงใหม่เป็นจังหวัดที่สถานที่ท่องเที่ยวหลากหลายมาก อยากจะเที่ยวแบบไหนเลือกได้ตามใจที่เราอยากจะไปเลย ตลอด 3 เดือนที่ผ่านมาที่ได้มาอยู่เชียงใหม่ เราประทับใจมากก็คือ คนเชียงใหม่ใจดีมากก ค่อยช่วยเหลือตลอด ประทับใจที่สุดค่ะ การเดินทางส่วนมากถ้าเราอยากจะไปไหน โดยส่วนตัวเราเรียกใช้บริการแกร็บตลอด ปลอดภัยใจดีทุกคน แกร็บบางคันมีบริการเหมาไปเที่ยวก็มีนะคะ สำหรับคนที่สนใจและกำลังตัดสินใจว่าจะไปเที่ยวที่ไหนดี แนะนำ มาเที่ยวเชียงใหม่กันสิคะ สนุกแน่ สำหรับวันนี้ก็จบการรีวิวครั้งแรกของเราไปแล้วนะคะ หากเราตกหล่นอะไรไปบ้างก็ต้องขออภัยด้วยนะคะ วันนี้ไปแล้วไว้เจอกันค่าาาา
#รีวิว #เชียงใหม่ #ท่องเที่ยว
โฆษณา