24 ม.ค. 2021 เวลา 12:30 • ธุรกิจ
มาดูการปรับตัวของค้าปลีกรายใหญ่ สัญชาติจีนอย่าง Miniso กันบ้างว่าเขาปรับตัวกันอย่างไรในช่วงโควิด
ที่มา South china morning post
วิกฤตการณ์โคโรน่าไวรัส เป็นเหตุการณ์ที่เรียกได้ว่า ฝันร้ายของทุกคน เป็นเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน และส่งผลกระทบวงกว้างอย่างมหาศาล จนเข้าข่ายทฤษฎีที่เรียกได้ว่าเป็น Black swanอย่างแท้จริง
มาดูการปรับตัวของค้าปลีกรายใหญ่ สัญชาติจีนอย่าง Miniso กันบ้างว่าเขาปรับตัวกันอย่างไรในช่วงนี้
Robin Liu ประธานฝ่ายการตลาดกล่าวว่า การระบาดของไวรัสโคโรนาส่งผล กระทบอย่างมากต่ออุตสาหกรรมค้าปลีกของจีน ผู้ค้าปลีกที่มีร้านค้าจำเป็นต้องใช้โอกาสนี้การยอมรับเทรนด์ดิจิทัล เพื่อลดความเสี่ยงในอนาคต
ทาง miniso ก็ดำเนินธุรกิจทางออนไลน์ ecommerce มาช่วยขยายธุรกิจและพัฒนาแบรนด์ในช่วงวิกฤติโควิดที่ผ่านมา โดยสาขาหลักที่เมืองกวางโจวที่มีทั้งสินค้า แฟชั่น ของใช้ในบ้าน เครื่องสำอางค์และอาหารก็ขายในช่องทางออนไลน์ดีมากในช่วงที่มีการ lockdown
รายได้จากอีคอมเมิร์ซจะคิดเป็น 5% ของรายได้บริษัท ซึ่งเพิ่มขึ้นเกือบ 2% ในไตรมาสแรกเมื่อเทียบกับปี 2019 ในช่วงเวลาเดียวกัน
นอกจากนี้ minisoเพิ่งได้ระดมทุนได้ 608 ล้านเหรียญสหรัฐจากการเสนอขายหุ้นต่อประชาชนทั่วไป (IPO) ในตลาดหุ้นนิวยอร์กในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา
 
เนื่องจากทางการจีนสามารถควบคุมการระบาดได้รวดเร็วในช่วงเวลาที่ผ่านมา ทำให้ธุรกิจต่างๆฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว ภายในเดือนพฤษภาคมรายได้ของ Miniso กลับมาเป็น 90% เมื่อเทียบกับปี 2019 และในเดือนตุลาคมรายรับก็เกินกว่าที่เคยทำในช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา
ส่วนการดำเนินงานในต่างประเทศของ บริษัท ได้รับความนิยมมากขึ้นแต่ยังมีรายได้ลดลง 70% เมื่อเทียบกับปีก่อน ซึ่งก็เป็นผลกระทบมาจากการปิดร้านชั่วคราว และ ลดเวลาเปิดทำการ ดังนั้น miniso จะขยายด้านออนไลน์ ต่อไปยังประเทศอินโดนีเซีย อินเดีย เวียดนามสหรัฐอเมริกา แคนาดาและสิงคโปร์อย่างจริงจัง
ส่วนในตลาดจีนแผ่นดินใหญ่ Miniso จะขยายการเข้าไปยังแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซชื่อดังในจีนอย่าง Gome และ Suning
นอกจากนี้ Miniso ที่ได้เริ่มต้นธุรกิจในเมืองกวางโจว ทำให้มีข้อได้เปรียบมากมายเพราะได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลด้านการค้าปลีกในย่านนี้
อีกทั้งตำแหน่งของเมืองกวางโจวอยู่บริเวณอ่าวซึ่งเป็นศูนย์กลางการขนส่งระหว่าง. ประเทศและความสัมพันธ์ทางการค้ากับต่างประเทศยังช่วยให้ Miniso ขยายและ. พัฒนาธุรกิจส่งออกได้เปรียบกว่าค้าปลีกอื่นๆ อีกด้วย
ทั้งหมดนี้จะเห็นได้ว่า miniso สามารถปรับตัวได้ย่างรวดเร็วในช่วงวิกฤติที่ผ่านมา นั่นเป็นเพราะว่าแบรนด์มีการวางกลยุทธ์ตั้งแต่ด้านทำเลที่ตั้ง การขยายสาขา lซึ่งปัจจุบันมีสาขาที่เยอะมากถึง 4,300 สาขา ครอบคลุม 80 ประเทศ เมื่อหันมามองตลดออีคอมเมิร์ส การสื่อสารไปยังลูกค้าก็เป็นไปได้อย่างรวดเร็ว และแบรนด์ ยังสามารถคิดค้นพัฒนาสินค้าใหม่ๆออกมาตลอดและใช้ระยะเวลาอันสั้น
นั่นก็เป็นจุดแข็งที่เป็นข้อได้เปรียบของ miniso ที่คาดว่าจะมาเป็นผู้เล่นในตลาดอีคอมเมิร์สที่แข็งแกร่งอีกรายหนึ่งเลยก็ว่าได้
ที่มา : http://bit.ly/3qKxF1s
โฆษณา