25 ม.ค. 2021 เวลา 04:57 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี
12 วิธีฝึกคิดบวก ไม่ได้ยากอย่างที่คิด
การคิดบวกมันมากกว่าแค่สโลแกน มันเปลี่ยนพฤติกรรมของเรา และฉันเชื่ออย่างยิ่งว่า เมื่อเราคิดบวก มันไม่ได้แค่ทำให้เราดีขึ้น แต่มันทำให้คนรอบๆ ตัวเราดีขึ้นด้วย
- Harvey Mackey
1
ฝึกมองโลกในแง่ดีฝึกมองโลกในแง่ดี
 
แพรเชื่อว่า หลายๆ คน คงจะถูกบอกว่าให้มองโลกในแง่บวกกันมาเยอะมาก การมองโลกในแง่บวกส่งผลดีหลายๆ อย่างต่อสุขภาพของจิตใจเรา คนเราจะมีกำลังในการต่อสู้กับปัญหาและดำเนินชีวิตต่อไปได้อย่างดี เพราะพวกเขามีความหวัง และความหวังนั้นก็เกิดจากการคิดบวกนั่นเอง
เมื่อเราอยู่ในสถานการณ์ปกติ ชีวิตไม่ได้ประสบปัญหาอะไร การคิดบวกก็ดูเหมือนจะเป็นเรื่องง่าย แต่เมื่อใดก็ตามที่เรากำลังเผชิญกับบททดสอบในชีวิต มีปัญหาต่างๆ เกิดขึ้นกับเรามากมาย จนทำให้เราเซและล้มลง การคิดบวกดูจะไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ที่เราจะสามารถทำได้อีกต่อไป
แต่อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าชีวิตเราจะกำลังเผชิญปัญหามากมายแค่ไหน เรายังคงสามารถคิดบวกได้ วันนี้แพรมีเคล็ดลับที่จะช่วยให้คุณสามารถคงความคิดเป็นบวกได้อยู่ เมื่อเจอสถานการณ์ที่ยากลำบาก มาฝากกันทั้งหมด 12 ข้อค่ะ
1. พยายามมองหาข้อดีในเรื่องร้ายๆ ที่เกิดขึ้น
ฝึกมองโลกในแง่ดีฝึกมองโลกในแง่ดี
ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตามที่เกิดขึ้น มันจะมีสองด้านเสมอ เพียงแต่ว่าเราจะตีความมันอย่างไร ตัวอย่างเช่น การที่เราถูกคนรักทิ้งเราไป เรารู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก รู้สึกว่าเรื่องที่เกิดขึ้นนี้มันเป็นเรื่องที่เลวร้ายที่เกิดขึ้นในชีวิตเรา แต่อันที่จริงแล้ว ถ้าเราพยายามมองถึงข้อดีที่เกิดขึ้นในสถานการณ์นี้ มันอาจจะเป็นเวลาที่เราจะได้กลับมาอยู่กับตัวเองอีกครั้ง ค้นพบในสิ่งที่เราชอบ ตัวตนของตัวเองอย่างแท้จริง และปฏิวัติชีวิตใหม่ เพื่อให้เราเป็นคนที่มีศักยภาพสูงที่สุดก็ได้ ดังนั้น ไม่ว่าจะเกิดเรื่องราวเลวร้ายแค่ไหนในชีวิตเรา ให้ถามตัวเองว่า เราได้อะไรบ้างที่เป็นประโยชน์ต่อชีวิตเราจากเรื่องนี้
1
2. สร้างสิ่งแวดล้อมที่เป็นบวก
สิ่งแวดล้อมที่เป็นบวกสิ่งแวดล้อมที่เป็นบวก
คนที่อยู่รอบตัวเรา มีอิทธิพลอย่างมาก ต่อความคิด ความรู้สึกของเรา ดังนั้น การเลือกคบคนจึงเป็นสิ่งสำคัญ เราควรที่จะเลือกคบคนที่มีความคิดเป็นบวก มีความคิดก้าวหน้า ที่จะนำพาชีวิตเราไปในทิศทางที่ดี
 
นอกจากนี้ ยังรวมไปถึงสื่อต่างๆ ที่เราเสพ ถามตัวเองว่า เรื่องราวต่างๆ ที่เราเสพนั้น มีผลดีอย่างไรกับชีวิตเรา ถ้าหากมันทำให้เรามีความคิดลบๆ ก็ปิดช่องทางการรับสื่อนั้นๆ เสีย
1
3. ใช้ชีวิตให้ช้าลง
บางครั้งในการที่เราทำอะไรเร็วเกินไป เราอาจจะตัดสินใจผิดพลาด ใช้สัญชาตญาณมากกว่าสติ เพื่อพิจารณาสิ่งต่างๆให้ถี่ถ้วนก่อนที่จะตัดสินใจ การที่เราใช้ชีวิตให้ช้าลงสักหน่อย จะช่วยทำให้ทั้งใจและกายของเราสงบลงเช่นกัน
1
4. อย่าทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่
ถามตัวเองว่าสำคัญจริงหรือไม่ถามตัวเองว่าสำคัญจริงหรือไม่
ในบางครั้งเราเอาทุกเรื่องมาใส่ใจ และให้ความสำคัญกับมันมากเกินไป แพรเคยอ่านหนังสือเรื่อง the magic of thinking big ซึ่งมีตอนหนึ่งได้กล่าวไว้ว่า ให้เราถามตัวเองว่า เรื่องนี้มันมีความสำคัญกับเราขนาดนั้นจริงๆ เหรอ ก่อนที่เราจะมีปฏิกริยาตอบสนองกับสิ่งนั้น ให้เราโฟกัสไปที่เป้าหมายที่เราต้องการ แทนที่จะใส่ใจเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ตัวอย่างเช่น เราต้องการที่จะได้สัญญาที่ลูกน้องลงนาม แต่กว่าที่จะได้มา ต้องผ่านการติดต่อประสานงานกับคนที่ไม่มีความรับผิดชอบ ทำให้เรารู้สึกหงุดหงิด แทนที่จะเอาเรื่องนั้นๆ มาใส่ใจ และคิดต่อไปต่างๆ นานา ให้โฟกัสในจุดประสงค์และเป้าหมายที่เราต้องการจะได้สิ่งนั้น ส่วนเรื่องอื่นๆ ก็พยายามอย่าเก็บมันเอามาใส่ใจให้มากนัก เป็นต้น
1
5. คิดดีและทำดีกับคนอื่น
หากเรายิ้มให้คนอื่น เขาก็จะยิ้มกลับให้เรา คิดกับคนอื่นในแง่ดีเสมอๆ และสิ่งดีๆ ก็จะกลับมาสู่ตัวเราเช่นกัน
1
6. ใช้ชีวิตที่ดี
การใช้ชีวิตที่ดี คือการดูแลเอาใจใส่ ทั้งสุขภาพกาย และใจ โดยการนอนหลับให้เพียงพอ รับประทานอาหารที่เป็นประโยชน์ และออกกำลังกายเป็นประจำสม่ำเสมอ หากเราสามารถรักษาคุณภาพชีวิตที่ดีไว้ได้แล้ว ความรู้สึกหงุดหงิด ขุ่นข้องหมองใจ ก็จะลดน้อยลงไปด้วย
1
7. เรียนรู้ที่จะรับฟังคำวิพากวิจารณ์
เรียนรู้ที่จะฟังคนอื่นเรียนรู้ที่จะฟังคนอื่น
คนเราหนีไม่พ้นคำวิพากวิจารณ์จากคนอื่น ซึ่งบ่อยครั้งอาจทำให้เรารู้สึกไม่ดี เราควรเรียนรู้ที่จะรับมือกับมัน โดยการพิจารณาว่า คำวิพากวิจารณ์ที่เกิดขึ้นนั้น มันจะช่วยให้เราปรับปรุงตัวเราให้เป็นคนที่ดีขึ้นได้หรือไม่ หากคำวิพากวิจารณ์นั้นๆ ไม่เป็นความจริง ก็ให้ทำความเข้าใจว่า คนที่พูด เขาอาจจะอยู่ในภาวะอารมณ์ที่ไม่ปกติ แล้วก็อย่าไปเอาเรื่องราว นั้นๆ มาใส่ใจให้มากมายนัก
1
8. เริ่มต้นวันใหม่ด้วยใจที่เป็นบวก
เริ่มต้นวันใหม่ด้วยสติเริ่มต้นวันใหม่ด้วยสติ
ในแต่ละวัน การเริ่มต้นวันใหม่โดยนำพลังงานบวกเข้าตัว เป็นการเริ่มต้นที่ดีมาก เราอาจจะเริ่มต้นด้วยการ นั่งสมาธิเพื่อเคลียร์จิตใจให้ปลอดโปร่ง วางแผนการทำงานในแต่ละวัน รับประทานอาหารเช้าที่เป็นประโยชน์ เป็นต้น ซึ่งการเริ่มต้นวันใหม่ด้วยสิ่งดีๆ จะช่วยให้วันนั้นของคุณเป็นวันที่ดี มากกว่าจะเริ่มต้นด้วยความหงุดหงิด ขุ่นข้องหมองใจ
1
9. ฝึกเจริญสติตลอดทั้งวัน
การที่เราสามารถรู้เท่าทัน ความคิด ความรู้สึกของเรา จะทำให้เราสามารถใช้ชีวิตไปในทางที่เราต้องการได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ตัวเรามีความสามารถในการจัดการกับสิ่งต่างๆ เหนือ อารมณ์ความรู้สึกชั่วคราวที่เกิดขึ้นกับเรา
1
10. โฟกัสในเรื่องราวดีๆ
ในแต่ละวัน มีทั้งเรื่องที่ดีและเรื่องที่ไม่เป็นไปอย่างที่ใจเราต้องการเกิดขึ้นเสมอๆ แทนที่เราจะไป โฟกัสกับเรื่องราวที่ไม่ได้ดั่งใจ ให้เราโฟกัสและรู้สึกขอบคุณกับเรื่องราว ดีๆ ที่เกิดขึ้นในแต่ละวันของเราแทน
1
มองเรื่องที่ผ่านมาให้กลายเป็นเรื่องตลกมองเรื่องที่ผ่านมาให้กลายเป็นเรื่องตลก
1
11.สร้างอารมณ์ขันกับเรื่องราวแย่ๆ ที่เกิดขึ้น
บางครั้งการมองเหตุการณ์ต่างๆ ให้เป็นเรื่องตลกก็สามารถช่วยเราเราได้มาก ไม่ว่าเหตุการณ์ใดก็ตาม หากเราผ่านไปได้ เมื่อเรามองย้อนกลับมา มันอาจจะเป็นแค่เรื่องตลกเรื่องหนึ่งเท่านั้นก็ได้
12. เรียนรู้จากปัญหาที่เกิดขึ้น
สิ่งใดก็ตามที่เกิดขึ้นมาแล้ว สิ่งนั้นดีเสมอ ทุกเรื่องราวเกิดขึ้นเพื่อนำพาตัวเราไปยังจุดที่สูงที่สุดเสมอ เพียงแต่ว่า เราจะสามารถเรียนรู้ และจัดการกับมันได้หรือไม่
ดังนั้นหากเรากำลังประสบกับปัญหา แทนที่จะนั่งกร่นด่า โทษโชคชะตาหรือสิ่งรอบตัว ให้เรา จัดการกับปัญหาด้วยสติปัญญา และเรียนรู้จากสิ่งที่เกิดขึ้น เพื่อทำให้เราสามารถจัดการกับชีวิตของเราให้ดีขึ้นต่อไปในวันข้างหน้า
โฆษณา