25 ม.ค. 2021 เวลา 13:47 • การ์ตูน
จำเป็นไหมที่การดูการ์ตูน ดูอนิเมะ อ่านมังงะมีไว้สำหรับเด็กเท่านั้น?
ทำไมบางคนถึงมองว่าการ์ตูน อนิเมะ หรือมังงะนั้นมีไว้ให้เด็กดูเท่านั้นละ? บ้างก็ตอบว่า “อย่าดูการ์ตูนเลยไม่มีสาระ” “โตแล้วเลิกอ่านการ์ตูนแล้ว” “เอาเวลาไปทำอย่างอื่นดีกว่า” ทว่าแนวคิดดังกล่าวนั้นมันก็ไม่ได้ถูกเสมอไป อีกทั้งกิจกรรมดังกล่าวยังเป็นสิ่งที่ชอบและทำให้มีความสุขจากวันแย่ๆด้วยซ้ำ บางครั้งหลายคนอาจจะเจอกับคำถามจากคนรอบข้าง คนรู้จัก เพื่อน ญาติพี่น้อง ที่มักจะไม่เข้าใจ ซ้ำร้ายอาจทำให้เรารู้สึกแย่ อับอายจนถึงเกลียดฝังลึก ซึ่งขึ้นอยู่กับวิธีการจัดการ สถานการณ์และประสบการณ์ต่างๆ
แล้วทำไมต้องมีความคิดที่ว่าการดูการ์ตูน ดูอนิเมะ อ่านมังงะมีไว้ให้เด็กเท่านั้นละ? โดยเนื้อหาต่อไปนี้อยากสื่อสารว่าการอ่านมังงะ ดูอนิเมะก็คือกิจกรรมหนึ่งที่วัยไหนก็ทำได้ และนำเสนอในอีกมุมมองจากความคิดชุดเดิมที่ถูกเหมารวมว่าอนิเมะ/การ์ตูนนั้นมีไว้ให้เด็กดูเท่านั้น
[อย่าดูการ์ตูน/อนิเมะเลยไม่มีสาระ]
อนิเมะและการ์ตูนหลายเรื่องๆนั้น ไม่ได้เน้นความสนุกเพลิดเพลินอย่างเดียว แต่กลับสอดแทรกและสะท้อนแนวคิดผ่านเรื่องราวจากสังคมไปจนถึงระดับปัจเจกบุคคล อาทิ การเมืองการปกครอง ชนชั้น ศาสนา ความเชื่อ ความเหลื่อมล้ำ สิทธิ เสรีภาพ การแก่งแย่งชิงดี ความเป็นความตายของตัวละคร ความสัมพันธ์เชิงครอบครัว คู่รัก มิตรภาพ ศัตรู เจ้านายลูกน้อง รวมทั้งลักษณะนิสัยบุคลิกของแต่ละตัวละคร ซึ่งทำให้คนดูได้กลับไปคิดวิเคราะห์ได้ด้วย นอกจากนี้อาจช่วยให้คนดูรู้สึกตกผลึก เริ่มเกิดการตั้งคำถาม หรือ ตาสว่างจากสิ่งที่ผิดปกติในสังคมหรือชีวิตประจำวันด้วยเช่นกัน บางเรื่องได้มีการนำประวัติศาสตร์ที่เคยเกิดขึ้นในโลกมานำเสนอหรือดัดแปลง และที่สำคัญยังมีการใช้จินตนาการจากความคิดของผู้แต่งถ่ายทอดออกมาเป็น ฉาก สีสัน เสียงประกอบ ลายเส้น รวมถึงเรื่องราวต่างๆที่มีความโดดเด่นเฉพาะแต่ละเรื่อง
1
[โตแล้วเลิกอ่านมังงะ/ดูอนิเมะได้แล้ว]
สำหรับคนพูดอาจจะมีแนวคิด ความเชื่อ ติดอยู่ว่าการ์ตูน/อนิเมะนั้นเหมาะกับเด็กเท่านั้น ส่วนคนฟังเมื่อได้ยินแนวคิดนี้ คงอยากจะตะโกนใส่หน้าว่า “ยุ่งอะไรด้วย” แต่ช้าก่อน อยากให้คนที่คิดโตแล้วควรเลิกดูการ์ตูน ใจเย็น ถอยออกมา ลองคิดพิจารณาดูก่อนสิ่งที่พวกเขาทำมันก็คือการทำกิจกรรมหนึ่งนั่นแหละ คล้ายกับเวลาดูภาพยนตร์ ดูซีรีส์ ดูละคร แค่เป็นภาพคนละแบบ ที่ไม่ได้ใช้คนตัวเป็นๆแสดงเท่านั้น อาจจะมีเรื่องราวที่แตกต่างกันออกไป หลายๆภาพยนตร์ได้รับแรงบันดาลใจจากอนิเมะ/การ์ตูนมากมาย รวมทั้งยังมีการนำอนิเมะดัดแปลงมาทำเป็นภาพยนตร์ขึ้นชื่อ ทั้ง The Matrix ที่ได้รับอิทธิพลจากเรื่อง Ghost in the shell และ AKIRA, Avatar ที่ได้แรงบันดาลใจจาก อนิเมชั่นญี่ปุ่นเรื่อง Princess Mononoke ของค่าย Ghibi studio, Edge of tomorrow ที่ดัดแปลงมาจากมังงะเรื่อง All you need is kill
[เอาเวลาไปทำอย่างอื่นดีกว่า]
เรื่องนี้ก็คงเป็นเรื่องโต้เถียงไม่จบไม่สิ้น เนื่องจากความชอบของแต่ละคนไม่เท่ากัน ซึ่งส่งผลต่อการให้เวลากับการทำกิจกรรมที่แตกต่างกันออกไป อย่างไรก็ตาม มนุษย์ต่างมีสมองและสติปัญญาเพื่อใช้ในการไตร่ตรองว่าอะไรควรหรือไม่ควร อีกทั้งเรายังต้องเคารพสิทธิและเสรีภาพของแต่ละคน ตราบใดที่การกระทำอยู่ในขอบเขตไม่ทำให้ใครเดือดร้อนทั้งตัวเองและคนรอบข้าง ซึ่งมันคือ ความสุขของเขา เขาอยากดูอนิเมะทำไมต้องเอาเวลาไปทำอย่างอื่น ถ้าเขาดูมากเกินไปไม่ทำอะไรเลยไม่มีความรับผิดชอบต่อหน้าที่การงาน งานบ้าน จนมีคนมาต่อว่า นั้นสิเขาต้องหันมามองตัวเองแล้วละ
แล้วคุณละ มีความคิดเห็นยังไงกับผู้ใหญ่ที่ยังดูอนิเมะ ดูการ์ตูน หรือ อ่านหนังสือการ์ตูน หลังจากได้อ่านบทความนี้?
.
สำหรับผู้เขียนขอแนะนำเรื่อง Fullmetal Alchemist ภาค Brotherhood เรื่องราวเกี่ยวกับพี่น้องนักเล่นแร่แปรธาตุ ที่มีการสอดแทรกหลายมุมมองทั้งทางสังคมและวิทยาศาสตร์ ซึ่งสามารถรับชมได้ใน Netflix ใครมีการ์ตูนไม่ว่าจะสัญชาติไหน หรือ อนิเมะในดวงใจสามารถแนะนำได้เช่นกันครับ
.
ส่วนใครเจอประสบการณ์แย่ๆจากคนรอบตัวที่แตกต่างจากบทความ สามารถแชร์เข้ามากันได้
.
ว่าแล้วก็ขอตัวไปดู Attack on Titan…
*หมายเหตุ การนิยามคำว่า การ์ตูน และ อนิเมะ ของแต่ละคนอาจจะเหมือกันหรือต่างกัน
โฆษณา