25 ม.ค. 2021 เวลา 17:27 • การศึกษา
ยื่นขอทุนเรียนต่อต่างประเทศ ต้องทำอย่างไร?
เชื่อว่าหลายๆคน คงเคยมีความฝันในการลองไปอยู่ต่างประเทศสักครั้ง การขอทุนไปเรียนต่อต่างประเทศก็เป็นทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ แต่ทว่าวิธีในการเตรียมตัวมากน้อยแค่ไหน ต้องทำอย่างไรบ้าง
2
วันนี้ Philomathy ก็มีเคล็ดลับเล็กน้อยๆ ในการเตรียมตัวขอทุนไปเรียนต่อ ตปท ซึ่งเชื่อว่าน่าจะเป็นประโยชน์ไม่น้อยสำหรับใครหลายๆคน
ในส่วนนี้ขอแบ่งการเตรียมตัวออกเป็น 4 สเต็ปใหญ่ๆ ได้แก่
1.ศึกษารายละเอียดของทุน
การศึกษารายละเอียดของทุนนั้นสำคัญมาก เราควรอ่านให้รู้ว่าเป็นทุนเกี่ยวกับอะไร ของอะไร ทุนให้เปล่าหรือไม่ มีเงื่อนไขอะไรบ้าง เรียนกี่ปี ต้องการประสบการณ์ทำงานหรือเปล่า
อ่านให้เข้าใจถ่องแท้ว่า ทุนนั้นตรงตามความต้องการ ความสามารถของเรารึป่าว ทุนบางทุนรายละเอียดเยอะ กว่าจะอ่านเงื่อนไขจบ หลายคนอาจจะถอดใจไปก่อนก็มี
ที่สำคัญทุนมีหลากหลายประเภท ทั้งทุนมหาวิทยาลัย ทุนรัฐบาล ทุนส่วนลด ทุนวิจัย ฯลฯ ในส่วนนี้ก็ควรเลือกทุนที่เหมาะสมกับเราที่สุด ทั้งในเรื่องระยะเวลาและความสามารถของเรา
เช่น หากเรามีงานประจำที่มั่นคงแล้ว แต่อยากไปต่างๆประเทศระยะสั้น ก็อาจสมัครทุนประเภท ทุนงานวิจัย ทุนฝึกอบรม แทนการขอทุนระยะยาวแบบทุนเรียนป.โท ป.เอก
เตรียมเอกสารให้พร้อม ก่อนการสมัคร
2.ขั้นตอนการเตรียมเอกสาร
เอกสารเป็นสิ่งสำคัญมาก ควรอ่านศึกษาให้ดีว่าทุนๆนั้นต้องการเอกสารอะไรบ้าง ขณะที่ก็เป็นขั้นตอนที่ต้องเตรียมตัวนานที่สุดอีกด้วย
เอกสารที่สำคัญอันดับแรกคือ พวกเอกสารแสดงผลการเรียน เอกสารทางการศึกษา ทรานสคริป ใบปริญญา ใบจบต่างๆ ที่ได้รับจากสถานศึกษา
ถ้าเอกสารเป็นภาษาไทย ควรติดต่อกับทางสถานศึกษา เพื่อขอให้ออกเป็นภาษาอังกฤษ ซึ่งเขาสามารถออกให้ได้อยู่แล้ว
ตัวผู้เขียนเคยไปขอผลการเรียนของตอน ม.3 ม.6 ที่โรงเรียน ซึ่งทางโรงเรียนสามารถออกให้ได้ ถึงแม้จะเรียนจบมาหลายปีแล้วก็ตาม ขณะที่หากนำเอกสารเหล่านี้ไปแปลเอง อาจจะมีค่าใช้จ่ายหลายพันบาท
จดหมายอ้างอิง หรือ Recommendation Letter
-Recommendation Letter คือ จดหมายหรือหนังสือที่เขียนโดยบุคคลอ้างอิงซึ่งอาจจะเป็นอาจารย์ หรือจากหัวหน้างานก็ได้ แล้วแต่เงื่อนไขของแต่ละทุน
สำหรับการขอให้อาจารย์ออกจดหมายอ้างอิงให้นั้น อาจเป็นอาจารย์ที่ปรึกษา อาจารย์ที่เคยเรียนด้วย ที่สำคัญ คือ ควรเป็นอาจารย์ที่เรารู้จักเค้าและเค้ารู้จักเรา
เวลาขอเอกสารตัวนี้ ก็ควรแนบทรานสคริป และ Resume ให้อาจารย์หรือหัวหน้างานด้วย ท่านจะได้มี reference มีข้อมูลเกี่ยวกับตัวเราและเขียนให้เราได้ง่ายขึ้น
บางทุนนั้นอาจมีฟอร์มให้บุคคลอ้างอิงกรอก บางทุนก็อาจไม่มี หากใครยังไม่รู้ใจตัวเองว่าจะสมัครทุน ก็อาจจะขอให้ท่านเขียนรับรองพฤติกรรมมาก่อนก็ได้
ซึ่งโดยส่วนมากแล้ว มักต้องใช้ Recommedation Letter อย่างน้อยสองฉบับต่อการสมัครหนึ่งทุน
-Motivation Letter หรือจดหมายที่แสดงความประสงค์ ความต้องการของเรา ส่วนมากขอทุกทุน บางทุนมีคำถามมาให้ตอบ มีฟอร์มมาให้กรอก บางทุนไม่มีไรเลย ต้องครีเอทขึ้นมาเอง
เวลาเขียนควรเขียนให้ชัดเจน ตรงประเด็น ไม่เยิ่นเย้อ เนื่องจากคนสมัครทุนทุนหนึ่งมีจำนวนมาก ดังนั้นควรเขียนให้กระชับ ตรงประเด็นความยาวที่เหมาะสม คือ หนึ่งหน้าหรือหนึ่งหน้าครึ่ง
การเขียน ควรเขียนให้ชัดว่าอะไร ทำไม จบไปจะทอะไร ที่สำคัญ คือ ต้องมี "แรงบันดาลใจ" การเขียนควรลำดับใจความให้ดี ให้มีสตอรี่จากหนึ่งเป็นสอง จากสองเป็นสาม และที่สำคัญควรใช้ศัพท์ที่เป็นทางการ
เป็น academic
และไม่ควรเขียน Repeat ทุกอย่างที่เขียนลงไปในเรซูเม่ ควรเน้นเรื่องความต้องการของเราว่า ทำไมเราถึงต้องการทุนนี้ มีแรงบันดาลอะไร และเมื่อเรียนจบมา
เราจะนำความรู้ความสามารถนี้ไปใช้ทำอะไร
ซึ่งควรยกตัวอย่างที่เป็นรูปธรรม เช่น ไปเป็นนักวิชาการ อาจารย์ นักวิจัย ไปต่อยอดในสาขาวิชาชีพ ต่อยอดธุรกิจ เป็นต้น
- สำหรับ Resume ควรมีความยาวเพียงหนึ่งหน้า เขียนให้กระชับ สั้นๆง่ายๆ เน้นผลงานทางด้านวิชาการ หรือ ผลการเรียน และกิจกรรมต่างๆ ที่เราทำช่วง
ระหว่างเรียน
รูปแบบควรดูง่าย ไม่ฉูดฉาด แต่ก็ไม่น่าเบื่อจนเกินไป ทั้งนี้อาจจะใช้รูปแบบสำเร็จรูปเพื่อช่วยในการออกแบบ เช่น ดีไซน์สำเร็จรูปจาก Canva หรือจาก Microsoft Office
สำหรับเอกสารทางภาษา หากเป็นผลสอบภาษาอังกฤษ ควรเป็นผลสอบของ TOFLE หรือ IELTS Adcademic ซึ่งได้รับการยอมรับโดยทั่วไป ในสถานศึกษาต่างๆ
นอกจากนี้บางทุนอาจจะใบสมัครทุนให้กรอก ขณะที่บางทุนก็ไม่มี
****************************************************************************
3. การตรวจทานเอกสาร
โดยเฉพาะ Motovation Letter และ Resume ควรให้ผู้เชียวชาญทางภาษา เช่น อาจารย์ เพื่อนที่รู้จัก หรือ จะจ้างผู้ตรวจทานให้ทำหน้าที่นี้ก็ได้ ซึ่งเค้าเหล่านั้นจะสามารถช่วยรีวิวคำศัพท์ ประโยค แกรมม่าต่างๆ ให้เราได้ ทั้งนี้ก็จะดีกว่าหากไม่มีการรีวิวจากคนอื่นเลย
4. การส่งใบสมัครควรส่งก่อนกำหนด
เนื่องจากป้องกันความผิดพลาด ขาดเหลืออะไร เราจะได้มีเวลาแก้ปัญหาทัน
*ข้อแนะนำ*
การสมัครทุนนั้น บางทุน process อาจจะนาน เราควรใช้ชีวิตปกติต่อไป บางทุนอาจใช้ระยะเวลามากกว่าครึ่งปีก่อนที่จะประกาศผล
นอกจากนี้ระหว่างที่เราทำอย่างอื่นไปด้วย เราอาจค้นพบสิ่งที่ชอบมากกว่าระหว่างนั้นก็เป็นได้ หรืออาจจะเปลี่ยนใจอยากเรียนต่อในสายอื่นที่ไม่เคยคิดถึงมาก่อนเลยก็ได้
***************************************************************************
ครั้งหน้าเราจะมาวิเคราะห์กันว่า เรียนจบแล้วเรียนต่อเลยหรือทำงานก่อนดี? ซึ่งคำถามนี้อาจจะเป็นคำถามอันดับแรกๆในใจของใครหลายๆคนที่กำลังจะตัดสินใจเรียนต่ออยู่ในขณะนี้
โฆษณา