26 ม.ค. 2021 เวลา 04:32 • ประวัติศาสตร์
#หอกแห่งโชคชะตา
(Spear of Destiny)
ตามตำนานเรื่องราว มี 3 ภาระกิจที่ผู้นำ
อย่างฮิตเลอร์ ได้สั่งให้ตามหาสิ่งศักดิ์สิทธิ์
ที่เกี่ยวกับพระเยซู นั้นก็คือ
หีบศักดิ์สิทธิ์จารึกบัญญติ 10 ประการ
(The Ark of Covenant)
จอกศักดิ์สิทธิ์
( Holy Grail)
จอกน้ำที่พระเยซูใช้ดื่มในอาหารมื้อสุดท้าย
หอกลองกินุส
( Spear of Destiny)
ซึ่งเป็นหอกที่ทหารโรมันแทงพระเยซู เพื่อ
เช็คว่าพระเยซู ตายแล้วหรือยัง
ฮิตเลอร์มีความเชื่อในเรื่องพลังเหนือธรรม
ชาติ ฮิตเลอร์เชื่อว่าผู้ที่ได้ครอบครองพลัง
เหล่านี้ จะเป็นคนที่ถูกมอบหมายให้ทำ
การปกครองโลกแต่เพียงผู้เดียว ฮิตเลอร์
เชื่อในเรื่องเผ่าพันธ์ เขามองว่า เผ่าอารยัน
ที่มีผมสีทอง ตาสีฟ้า จะเป็นคนที่เข้ามาจัด
การโลกนี้ให้เดินไปในเส้นทางที่ถูกต้อง
ฮิตเลอร์ และไฮน์ริช ฮิมเลอร์เชื่อในทฤษฎี
ที่ว่า ชาวเยอรมันมีต้นกำเนิดมาจากชาว
แอตแลนติส ที่เอาตัวรอดมาจากยุคน้ำ
แข็งได้สำเร็จ จนมาสร้างความเกรียงไกร
ได้ในปัจจุบัน ชาวอารยันจึงมีความสำคัญ
ต่อโลกในทุกๆทาง ทั้งทางวิทยาศาสตร์
ศาสนา การเอาตัวรอด และการสงคราม
นำมาสู่ความเชื่อ และการกระทำที่ต้องคัด
กรองมนุษย์ให้เหลือแต่ชาวอารยันแท้ๆ
เท่านั้น ส่วนยิว หรือเผ่าพันธ์อื่นๆต้องถูก
กำจัดทึ้งไป
ฮิตเลอร์เชื่อว่าจาคอปส์ สาวกของพระเยซู
เป็นชาวอารยัน และความเชื่อนั้นก็นำมาสู่
เรื่องที่ว่า พระเยซู ก็เป็นชาวอารยันเช่น
เดียวกัน ทั้งๆที่พระองค์น่าจะเป็นชาวยิว
มากกว่า ฮิตเลอร์ได้อ่านพระคัมภีร์ฉบับ
เก่าแบบละเอียด และยังศึกษาเรื่องราว
ปรัมปราของอัศวินโต๊ะกลม และกษัตริย์
อาเธอร์ด้วย อาเธอร์นั้นทำหน้าที่พิทักษ์
จอกศักดิ์สิทธิ์และเผ่าอารยัน ฮิตเลอร์จึง
อุปมาอุปไมยว่าตัวเองเป็นกษัตริย์อาเธอร์
กลับมาเกิดใหม่ และมีแต่พวกอารยันที่
ควรจะเป็นผู้สืบทอดมรดกศักดิ์สิทธิ์ของ
พระเยซู และเชื่อว่าสิ่งที่เป็นมรดกศักดิ์
สิทธิ์เป็นแหล่งพลังงานที่ยิ่งใหญ่ และมี
อานุภาพที่สามารถทำลายล้างกองทัพ
ของฝ่ายตรงข้ามได้
ฮิตเลอร์ตีความง่ายๆ ในกรณีของหีบศักดิ์
สิทธิ์ว่า ถ้าได้ครอบครองมัน และนำมันไป
วางในแนวหน้า แล้วเปิดหีบออก มันจะส่ง
พลังทำลายล้างกองทัพฝ่ายตรงข้าม ใน
ขณะที่กรณีของจอกศักดิ์สิทธิ์ ฮิตเลอร์
เชื่อว่าถ้าได้มาแล้วใช้ใส่น้ำดื่ม จะทำให้
เค้าเป็นอมตะไม่มีวันตาย และทำให้ทหาร
นาซีเป็นกองทัพอมตะขึ้นมา
2 ใน 3 ของมรดกศักดิ์สิทธิ์ของพระเยซู
ถูกทางฮอลีวู้ดนำมาสร้างเป็นภาพยนต์
เรื่อง Indiana Jones and The Raider of
The Lost Ark (1) , Indiana Jones and
The Last Crusade (3)
แต่ในความเป็นจริงนั้น ไม่เคยปรากฎใน
ประวัติศาสตร์อย่างเป็นทางการถึงการ
ค้นพบเรื่องที่ว่า ในหนังสือเล่มที่ว่าด้วย
การตามหาจอกศักดิ์สิทธิ์ ที่น่าสนใจเล่ม
หนึ่ง ชื่อ The Desecrated Abbey ที่ตี
พิมพ์เมื่อปี 2007 นั้น บอกว่าไฮน์ริช ฮิม
เลอร์ ส่งทหารนาซีเข้ามาที่สเปน ที่วิหาร
มอนเซรัท (Monserrat Abbey) ใกล้ๆ
บาร์เซโลน่า ในปี 1940 โดยที่เบาะแส
สำคัญที่ฮิมเลอร์เชื่อ มาจาก โอเปร่า
เรื่อง พาร์ซิฟาล ( Parsifal) ที่ริชารด์
วากเนอร์ เขียนไว้ในอดีต แต่ฮิมเลอร์
คว้าน้ำเหลวเพราะในโบสถ์ไม่มีใครรู้
ว่ามีจอกศักดิ์สิทธิ์จริง ฮิมเลอร์ออกมา
จากสเปนแบบมือเปล่า และเกิดทฤษฎี
ใหม่ว่ามันน่าจะอยู่ใน MONTSE'QUR
ประเทศฝรั่งเศสแทน
เรื่องนี้ทำให้เกิดแรงบันดาลใจในการ
สร้างนวนิยายชื่อดังของโลก อย่าง
รหัสลับดาวินชี่ ที่เรื่องราวก็ตามหาจอก
ศักดิ์สิทธิ์ แต่กลายเป็นเรื่องโอละพ่อ เมื่อ
เกรล (นางเอก) ดันเป็นคนและมีสายเลือด
ที่แท้จริงของพระเยซูแทนซึ่งเป็นสาวชาว
ฝรั่งเศส
แต่ฮิมเลอร์ไม่ยอมแพ้ เค้าได้ส่ง ออตโต้
ราห์น นักประวัติศาสตร์ชาวเยอรมัน ซึ่ง
ศึกษาเรื่องราวของจอกศักดิ์สิทธิ์ เดิน
ทางไปตามหาที่ยุโรป และไปยังตะวันออก
กลาง แอฟริกา เอธิโอเปีย อิหร่าน ตามถึง
ปราสาทคาชาร์ ในพีเรนีส กระทั่งสงคราม
โลกจบลง ออตโต้ ราห์น ก็ยังหาไม่เจอ
มรดกศักดิ์สิทธิ์ที่ฮิตเลอร์ตามหานั้น อาจ
ไม่มีประโยชน์อะไรกับสงครามของนาซี
เลย เพราะว่า หนึ่งในของศักดิ์สิทธิ์ที่
ฮิตเลอร์ได้ครอบครองจริงๆ นั่นคือ
หอกลองกินุส ที่ได้ดื่มเลือดของพระเยซู
ขณะที่ถูกตรึงกางเขน
ตำนานของหอกลองกินุส ในเรื่องของพลัง
ที่ทำให้ชนะศึกนั้น เริ่มจากเรื่องราวของ
พระเจ้าคอนสแตนตินโบเบิล ที่สามารถ
วางรากฐานให้กับคริสต์ศาสนา จนกลาย
เป็นศาสนาประจำชาติโรมัน ในปี ค.ศ.
312 พระองค์กล่าวว่าด้วยอานุภาพแห่ง
หอก จึงทำให้เป็นผลสำเร็จ ชื่อของหอก
มาโด่งดังอีกครั้งกับพระเจ้าชาร์ล ผู้ก่อตั้ง
อาณาจักรโรมันศักดิ์สิทธิ์ (Holy Roman
Empire) ในแถบเยอรมัน และฝรั่งเศส ใน
ปี ค.ศ.800 ท่านได้ชื่อว่าไร้พ่ายและคง
กระพัน จนกระทั่งทำหอกหล่นระหว่าง
การศึกก็เลยโดนสังหาร ทำให้ความศักดิ์
สิทธิ์ของหอกเป็นตำนานที่เลื่องลือ
ในเวลาต่อมา มีความพยายามจะเพิ่มพลัง
หอก โดยการหาตะปูศักดิ์สิทธิ์ที่ใช้ตรึง
ร่างพระเยซูมาเชื่อมกับหอก แต่การเชื่อม
หรือฝังตะปูเกิดผิดพลาด ทำให้หอกหัก
กลาง พระเจ้าเฮนรี่ที่ 3 ที่สืบเชื้อสายมา
เอาเงินและทองมาหุ้มไว้ในปี ค.ศ.1046
400 ปีถัดมาหอกที่อยู่ในความครอบครอง
ของผู้สืบเชื้อสายพระเจ้าชาร์ล พระองค์
ขายหอกให้แก่เมือง เนิร์นแบร์ก เพื่อเก็บ
ไว้ในพิพิธภัณฑ์ ในปี ค.ศ.1796 นโบเลียน
โบนาปาร์ค ที่คิดจะครองยุโรป ได้นำทัพ
บุกเนิร์นแบร์ก เพื่อจะยึดครองหอกเล่มนี้
แต่ชาวเมืองเนิร์นแบร์กรู้ทันจึงเอาหอกไป
ซ่อนไว้ และส่งต่อไปยังเวียนนา หลังจาก
ฮิตเลอร์ครองอำนาจและยึดออสเตรียได้
ในปี ค.ศ.1938 ฮิตเลอร์ได้ไปเวียนนา เพื่อ
นำหอกกลับมา และหาทางดูดพลังจากมัน
ถึงขนาดที่ฮิตเลอร์นำหอกไปนอนหนุน
โดยหวังว่าหอกจะส่งพลังให้แก่เค้า และ
อาณาจักรไรซ์ที่ 3
หลังจากที่ฮิตเลอร์ครอบครองหอกศักดิ์
สิทธิ์ได้ 7 ปี เยอรมันก็พ่ายแพ้สงคราม
ฮิตเลอร์ ได้ฆ่าตัวตายพร้อม อีวา บราวน์
ภรรยา หอกศักดิ์สิทธิ์โดนยึดโดยกองทัพ
ที่ 7 ของสหรัฐอเมริกา และในเวลาต่อมา
ก็ถูกส่งคืนกลับไปยังกรุงเวียนนา ประเทศ
ออสเตรีย
โฆษณา