26 ม.ค. 2021 เวลา 04:32 • ความคิดเห็น
I have a dream...
มาร์ติน ลูเธอร์ คิง เป็นนักบวชศาสนาคริสต์นิกายโปรแตสแตนต์ชาวอัฟริกันอเมริกันที่ต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชนคนผิวดำ และถูกลอบสังหารเมื่ออายุเพียง 39 ปี... คำพูดของเขาที่เริ่มต้นด้วยคำว่า... 'ฉันมีความใฝ่ฝัน' จึงกลายเป็นวลีอมตะ... เพราะในที่สุดความใฝ่ฝันของเขาที่จะได้เห็นคนผิวดำมีสิทธิ์เท่าเทียมกับคนผิวสีอื่นๆ ก็เริ่มเป็นจริงมากขึ้นเรื่อยๆ...
วันนี้ก็เลยถือโอกาสยืมวลีเด็ดที่เริ่มต้นว่า... I have a dream... มาใช้มั่ง...
สำหรับบ้านเรา หลายคนคงมีความฝันมากมาย ไม่ว่าทางเศรษฐกิจ สังคม การเมือง การศึกษา สุขภาพ... เช่น ถ้าคนไทยไม่ยากจน ก็จะมีอิสระทางความคิดไม่ถูกครอบงำด้วยเงินและอำนาจ ก็จะมีการตัดสินใจทางการเมืองและสังคมที่ดีเป็นอิสระ ซึ่งจะนำไปสู่นโยบายด้านการศึกษาและสุขภาพที่ดี และก็จะวนกลับมาที่เศรษฐกิจที่ดีขึ้น... เป็นวงจรแบบนี้ไปเรื่อยๆ (ฟังดูง่ายนิดเดียว แต่ยากโคตร...)
ประเทศในแถบสแกนดิเนเวีย จะด้วยเพราะมีจำนวนประชากรไม่มากหรือเป็นเพราะได้ผู้บริหารประเทศที่เก่งและดี จึงสามารถสร้างสังคมสวัสดิการที่ประชาชนได้รับการดูแลด้านสาธารณสุขและการศึกษาที่ดีและฟรี (หรือเสียค่าใช้จ่ายน้อยมาก) ในคุณภาพที่เป็นมาตรฐาน ประชาชนจึงมีอิสรภาพในชีวิตที่แท้จริง... เพราะถ้าไม่ต้องห่วงกังวลว่าจะหาเงินที่ไหนมาใช้สำหรับการศึกษาของลูกและเรื่องค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล... แค่นี้ก็ตัวเบาไปมาก ทำให้มีอิสรภาพอย่างแท้จริงในการใช้ชีวิตและการตัดสินใจในสิ่งสำคัญต่างๆ ของชีวิตและประเทศชาติ...
แต่เมื่อมองกลับมาที่บ้านเรา... ต้องเริ่มที่ตรงไหน... มันมีข้ออ้างที่จะทำไม่ได้ไปซะหมด...
เพียงผู้นำที่ดี เก่ง คิดต่าง ทำได้จริง... แค่นี้จะเปลี่ยนประเทศได้จริงเหรอ...
ฟุ้งไปไกล จนลอยข้ามเมฆไปแล้ว... ขอกลับมาเดินดินกับปัญหาใกล้ตัวดีกว่า...
I have a dream... ว่าเมื่อไหร่เราจะแก้ปัญหา PM2.5 ได้?
หรือแก้ปัญหามลภาวะทางอากาศได้...
เรากลัวผู้ก่อการร้าย สงคราม โรคระบาด... แต่ปีๆ มนุษย์ในโลกนี้เสียชีวิตเพราะภัยจากอากาศเป็นพิษเป็นอันดับต้นๆ...
ทุกๆ ปีก็รู้อยู่ว่าพอเริ่มหมดฤดูฝนเข้าหน้าหนาวก็จะเริ่มมีมลพิษโดยเฉพาะ PM2.5 จากการเผา (ยังไม่นับไอเสียจากรถยนต์โดยเฉพาะช่วงเศรษฐกิจดี)...
คนที่มีฐานะหน่อยก็ซื้อเครื่องกรองอากาศไว้ในห้อง มีเครื่องวัดปริมาณ PM2.5 พร้อมสรรพ... แต่สำหรับชาวบ้านที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ ก็อยู่กับมันไป นานเข้าก็เป็นโรคปอด ก็คงไม่รู้หรอกว่าโรคมันมาจากไหน... เดี๋ยวนี้คนเป็นมะเร็งปอดส่วนหนึ่งกลับไม่เคยสูบบุหรี่ หรือจะเป็นเพราะอากาศเป็นพิษที่เราค่อยๆ สูดผ่อนส่งเข้าไป...
เคยมีคนรู้จักอยู่ต่างจังหวัดบอกว่า ทำอะไรไม่ได้หรอก ยังไงชาวบ้านเค้าก็ต้องเผาไร่เผาสวนเพราะไม่มีวิธีที่จะกำจัดมันได้รวดเร็ว ง่าย และราคาถูก... บางคนเผาเพื่อจะให้เห็ดขึ้นจะได้เก็บไปขาย... จะไล่จับตัวกันยังไงก็จับไม่หมด ถ้าคนอดอยากขึ้นมา ไงก็เผาอยู่ดี...
เคยได้ยินมาว่า สมัยก่อนชาวสวนประสบปัญหาเมื่อตั๊กแตนปาทังก้าลงสวน... ทีเดียวเกลี้ยงทั้งสวน ก็พยายามใช้ยาฆ่าแมลง แต่ตอนหลังกลับพบว่า เนื้อตั๊กแตนปาทังก้าอร่อยเหมือนกุ้งเผา เลยกลายเป็นทำสวนเพื่อล่อตั๊กแตนให้มาลงและดักจับตั๊กแตนไปขาย กำไรกว่า...
ผักตบชวาที่เป็นปัญหาอุดกั้นการระบายน้ำตามคูคลอง ก็ได้ยินว่า มีคนเก็บผักตบชวามาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ สร้างรายได้ได้ดี...
เลยกำลังคิดว่า นักคิด นักการเกษตร นักอุตสาหกรรม...ทั้งหลายจะสามารถคิดหาวิธีแผ้วถางไร่สวนที่ง่าย ราคาถูก ทดแทนการเผา... และสามารถเอาเศษพืชไร่ไปขายหรือแปรรูปให้เกิดรายได้จนต้องแย่งกัน... ได้หรือไม่?
บางทีเป็นเพราะไม่มีใครคิดรึเปล่า เลยคิดแต่ว่า ทำไม่ได้...
เพราะแม้แต่ขยะที่ผู้คนทิ้งกันตามบ้าน ก็มีผู้เอามาแปรรูปจนกลายเป็นอุตสาหกรรมขยะสร้างความร่ำรวยกันมาแล้ว...
ที่เล่ามาไม่ได้มีข้อเสนอแนะอะไรเลยที่จะเอาไปทำได้จริง (เพราะตนเองก็ยังคิดไม่ออก...) เพียงแค่อยากแงะความคิดหรือลองเปิดประเด็นให้ผู้รู้หรือผู้ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้โดยตรง ได้ลองมองในอีกมุมในการแก้ปัญหา...
เช่นเดียวกับบริษัททวงหนี้ ซึ่งแต่เดิมใช้ความกลัว ขู่เข็น ทำร้าย... เพื่อทวงหนี้ ซึ่งถ้าลูกหนี้ไม่มี ก็ได้แต่ทำร้ายกันจนเป็นคดี... จนมีกลุ่มลูกหนี้ที่ตั้งบริษัททวงหนี้ขึ้นมาเองโดยพยายามหาทางช่วยให้ลูกหนี้สามารถหางานหรือประกอบอาชีพจนสามารถใช้หนี้ได้ กลับพบว่า ได้หนี้คืนมากกว่ารูปแบบโหดๆ แบบเดิม...
ลองเปลี่ยนมุมมองวิธีแก้ปัญหา PM2.5 ใหม่ดีมั้ย... ว่าเราจะสามารถใช้เทคโนโลยีต่างๆ มาช่วยการแผ้วถางไร่นาได้แทนการเผาอย่างไร ถ้าทำได้ง่าย เร็ว ถูก และสามารถเอาเศษพืชไร่ไปขายหรือแปรรูปต่อจนมีรายได้มากมาย...
และทำให้ผู้คนตระหนักรู้ว่า อากาศพิษอันตรายอย่างไร... ที่เค้าเจ็บป่วยต้องเข้าโรงพยาบาลหรือเป็นโรคร้ายแรงจนเสียชีวิตอยู่ทุกวันนี้ก็เพราะอากาศรอบตัวเค้า...
หรือถ้ามีเครื่องแสดงสภาพอากาศขนาดใหญ่ (ราคาถูก) ติดตามที่ต่างๆ ให้ชาวบ้านได้รู้ว่า สภาพอากาศเลวร้ายขนาดไหน เช่น แดง เหลือง เขียว... แล้วเค้าจะเสี่ยงเป็นโรคอะไรถ้าเปลี่ยนเป็นสีนั้นๆ...
การแก้ปัญหาฝุ่น PM2.5 อาจมีทางเป็นไปได้ เช่นเดียวกับจีนที่ใช้เทคโนโลยี face recognition แล้วหักแต้มคนที่ทำผิดซึ่งจะทำให้เสียโอกาสเสียสิทธิ์ต่างๆ ไปเรื่อยๆ...
ผมอาจแค่ฝันไป... I have a dream... ว่าวันหนึ่งเราจะไม่ต้องมาเดือดร้อนกับปัญหาอากาศเป็นพิษทุกๆ ปีไป...
ใครมีไอเดียร์เจ๋งๆลองช่วยกันแชร์ดูนะครับ
#ChillChatAtWork
อย่าลืมกด Like & กด Follow (และตั้งค่าเป็น see first) เพื่อจะไม่พลาดเรื่องราวดีๆที่ส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น
โฆษณา