26 ม.ค. 2021 เวลา 07:03 • ความคิดเห็น
เราทุกคนบังคับความคิดไม่ได้ ห้ามความฟุ้งซ่านไม่ได้ ทุกอย่างจะดำเนินไปตามขั้นตอนดั่งที่พระท่านบอก และวันนึงมันจะละเองจะสงบเอง เพราะอะไรรู้ไหม คนเรามักเกิดความคิดเดิมๆซ้ำๆอยู่บ่อยๆ(โดยเฉพาะการ​ผูกใจเจ็บ)​ถ้าตามรู้ตามดูบ่อยๆ ปัญญามันจะสอนเองว่าเห็นไหมความทุกข์คืออะไร ความทุกข์คือการไปคิดถึงสิ่งที่ล่วงมาแล้วบ่อยๆ ความทุกข์คือการไปกังวลถึงสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้นบ่อยๆ ความคิดบดบังปัจจุบันขณะ ทำให้ไม่มีสติสมาธิจดจ่อทำหน้าที่การงานให้ดีได้ เมื่อปัญญามันเห็นเช่นนั้น ความคิดความฟุ้งซ่านจะหายไปเอง​ จะละไปเอง จิตรู้ก็แค่รู้ไปทั้งปัญญาและความคิด ถ้าเราไม่ฝึกตามดูตามรู้บ่อยๆ เราจะข้ามขั้นโดยไปทำให้จิตสงบเลยไม่ได้ ไม่มีใครข้ามขั้นตอนได้ ทุกอย่างล้วนอาศัยการฝึกฝน และสั่งสมดั่งพระท่านว่า
เห็นว่ามันยึดมั่นในอัตตาตัวตนก็ตามรู้ไป มันอยากรักนั่น เกลียดนี่ ก็ตามรู้ไป​เพราะเมื่อตามรู้ไปแล้วปัญญาจะยิ่งเห็นชัดว่านี่แหละคือการก่อกำเนิดแห่งความทุกข์ ปัญญาทำหน้าที่รู้ไปตรงๆ จะไม่มีการล่อหลอกเหมือนความคิดที่ปรุงแต่ง ความคิดที่แสดงออกถึงความยุติธรรม ความเท่าเทียมต่างๆในแบบทางโลก ยังไม่จัดว่าเป็นปัญญา ถึงความคิดเหล่านั้นจะถูกต้องและเป็นธรรมตามความหมายของทางโลกก็ตาม แต่ก็ยังไม่ใช่ปัญญาอยู่ดี อย่าสับสนไป ปัญญาจะสอนให้เลิกละ ปล่อยวางความยึดติดและวางใจให้เป็นกลาง เพื่อนำไปสู่จิตที่สงบ
ปัญญาฟุ้งคืออะไร คือการหลงใหลในหลักการทางธรรม ยึดมั่นถือมั่นละวางไม่ได้คิดแล้วไม่จบ บ้างก็เกิดอารมณ์พออกพอใจ เมื่อหลงเข้าไปยึดแล้วจะไม่ถูกเรียกว่าปัญญา แต่จะกลายเป็นการส่งไม้ต่อให้กิเลสทันที อันตราย​มาก​ ก็ต้องอาศัยจิตรู้ให้ตามรู้ไป และปัญญาจะเกิดเพื่อพิจารณาให้เห็นตามจริงว่าแม้แต่หลักธรรมนั้นก็ต้องละวางทิ้งเสีย เหมือนที่พระพุทธเจ้าสอนว่า "เมื่อภายเรือถึงฝั่งท่านต้องแบกเรือขึ้นไปด้วยหรือไม่?" ถ้าเราแบกไปด้วยยังไม่ถือว่าเป็นการหลุดพ้น เรายังยึดติด​อยู่​ถึงแม้การยึดติดนั้นจะเป็นการยึดในสิ่งที่ดีก็เถอะ
โฆษณา