Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
พระรุ่นใหม่ที่เก็บบูชา
•
ติดตาม
26 ม.ค. 2021 เวลา 14:26 • ประวัติศาสตร์
ประวัติ องค์หลวงปู่เฮง ปภาโส
ขอบคุณเครดิส หลวงปู่เฮง ปภาโส
ในที่นี้จะขอกล่าวถึงแค่เพียงบางส่วนของการใช้ชีวิต ในเพศฆราวาส อันเป็นช่วงสำคัญที่เเบนเข็มทิศชีวิตไปเป็นเสือ
เลือกเส้นทางนักเลง
องค์หลวงปู่เฮง ปภาโส ท่านเป็นเพื่อนนักเรียนร่วมรุ่น กับท่านผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ คือผู้ว่าเสนอ มูลศาสตร์ ท่านทั้งสองสนิทสนมกันมาก ท่านเล่าว่า เรียนโรงเรียนเดียวกัน สองคนผลัดกันสอบได้ที่ 1 ที่ 2 มาตลอด จนจบการศึกษา องค์หลวงปู่เลือกมาเป็นครูสอนหนังสือ ส่วนท่านผู้ว่าเสนอ ท่านเลือกไปเป็นตำรวจ
สอนหนังสือได้สังประมาณ 2 ปี ด้วยความที่เป็นคนหนุ่มชอบการท่องเที่ยว จึงเริ่มเบื่อชีวิตการเป็นครู ประจวบเหมาะกับที่ท่านได้พบกับผู้ว่าเสนอ ซึ่งตอนนั้น ดำรงตำแหน่งเป็นร้อยตำรวจเอก เสนอ มูลศาสตร์
การพบปะกันในครั้งนั้น นำมาซึ่งความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ในชีวิตขององค์หลวงปู่ ท่านเล่าว่า " ไอ้เสนอมันมาหา มันถามเราว่า เฮ้ยไอ้เพื่อนสอนหนังสื่อคนแก่เป็นยังไงบ้าง สนุกไหม เราก็ตอบมันไปว่า ไม่สนุกเลย เราไม่ชอบ มันถามต่อว่าเราชอบอะไรละ เราตอบไปตามตรงว่า เราชอบเป็นนักเลง แค่นั้นเอง มันหันหลังกลับ เรากับมันผิดใจกันมาตั้งแน่นั้นเลย"
ค่าหัว สามหมื่น
หลังจาก เรา ( องค์หลวงปู่ เฮง ปภาโส ) ผิดกันกับผู้ว่า เสนอ เราก็แบกปืนออกมาเลย จบชีวิตความเป็นครูแค่นั้น เริ่มต้นเส้นทางแห่งเสือ ท่านเริ่มเป็นนักเลง รวมตัวกับพักพวก เที่ยวใช้ชีวิตแบบโจรคุณธรรม แถบจังหวัดสุรินทร์ สมัยนั้นไม่มีใครไม่รู้จักเรา เดือดร้อนไปถึง หน่วยงานราชการ โดยนายตำรวจเสนอ มูลศาสตร์ สั่งจับตาย องค์หลวงปู่ ตั้งค่าหัวไว้สูงถึง สามหมื่นบาท จับตายเท่านั้น ตายแล้วให้ตัดหัวท่านไปส่งแล้วก็รับค่าหัว ความเรื่องหมายจับตายก็ทราบถึงหลวงปู่ในเวลาอันรวดเร็วเช่นกัน ท่านเล่าว่าชาวบ้านเขามาบอกว่า ไอ้เสนอมันสั่งจับตายเรา เราก็เตรียมการไว้รอ เหตุการณ์วันนั้นท่านเล่าว่า ท่านถูกตำรวจล้อมยิง ยาวนานถึง 8 ชั่วโมง แต่ท่านหนีรอดออกมาได้ เหตุที่หนีออกมาได้ท่านเล่าว่า ชาวบ้านมาบอกท่านก่อนว่าตำรวจจะมาจับ ท่านเลยเตรียมการเอาไว้ ส่วนเรื่องเวทยาคมท่านไม่ได้กล่าวถึง แต่ตัวผู้เขียน พอจะเดาเหตุการออกว่า ถ้าไม่ขลังจริงไม่เก่งจริงคงไม่รอด ตำรวจมาทั้งโรงพักขนาดนั้น ส่วนเรื่องสถานที่นั้นผู้เขียนจำชื่อหมู่บ้านไม่ได้ แต่เป็นหมู่บ้านในจังหวัดสุรินทร์ นี่ละครับ
บุกโรงพัก
หลังจากเหตุการณ์ ล้อมจับ 8 ชั่วโมง ผ่านไปไม่นาน องค์หลวงปู่เล่าว่า ตอนนั้นเราไม่กลัวตายแล้ว คิดแค่ว่าชีวิตเรามีค่าแค่สลึงเดียว ตรงนี้ท่านขยายความว่า ชีวิตเรามีค่าไม่เต็มบาทเท่าคนอื่นเขาหรอก ท่านจึงได้บุกขึ้นโรงพักจังหวัดสุรินทร์ ตำรวจวิ่งหนีตายกันอลม่าน ผู้เขียนถามว่า ทำไมเขาไม่ยิงหลวงปู่ละครับ ท่านเล่าว่า ตำรวจเขากลัวเรา เพราะเขาไปล้อมยิงเรา 8 ชั่วโมงแต่เราไม่ตาย เขาคิดว่ายิงเราก็ไม่ตาย เขาเลยพากันหนี จบจากโรงพักสุรินทร์ ตอนนั้นมีเหตุให้เราต้องไปแจ้งความที่โรงพัก อำเภอปราสาท ตำรวจมันกวนเหลือเกิน เราเลยไปยิงโรงพักปราสาทอีก ผู้เขียนถามว่า หลวงปู่ใช่ปืนอะไรหรอครับ หลวงปู่ตอบว่าลูกซอง 5 นัด เราชอบลูกซอง 5 นัดเป็นพิเศษ
หากินต่างแดน
หากินฝั่งไทย ตำรวจวุ่นวายเหลือเกิน ท่านจึงชักชวนพักพวก เดินทางไปลักวัวที่ฝั่งเขมร ผู้เขียนถามว่า ลักมาครังละ สี่ห้าตัวเลยหรอครับ หลวงปู่ตวาดกลับมาว่า เอ็งจะเอามาทำอะไร สี่ห้าตัวละ อย่างน้อยก็ 50 ตัว ผู้เขียนถามต่อ แล้วเจ้าของเขาไม่ไล่ยิงเอาหรือครับ ท่านเล่าว่า สมัยก่อนผู้คนมีน้อย บางทีเดินทั้งวันยังไม่เจอบ้านคนเลยก็มี วัวควายเขาเลี้ยงแบบปล่อยไว้ตามป่าตามเขา สักอาทิตย์เขาถึงเเวะมาดูครั้งนึง เราไปถึงก็เดินดูห่อข้าวก่อน สมัยก่อนเขาห่อใส่ใบตองมาดูวัวดูควาย วัวฝูงไหนใบตองห่อข้าวที่เขาทิ้งไว้มันแห้งแล้วฝูงนั้นเราไม่เอาเพราะว่าใกล้ถึงรอบที่เจ้าของเขาจะเข้ามาดูอีกแล้ว ถ้ามาไม่เจอวัวเขาก็จะตามมาทัน ส่วนวัวฝูงไหนใบตองห่อข้าวที่ถูกทิ้งไว้ยังเปียกอยู่เราจะลักฝูงนั้น
วัวทั้งฝูงแทบไม่ต้องไล่แค่เราจูงจ่าฝูงมันมา ตัวที่เหลือทั้งฝูงก็เดินตามมาเป็นแถว ข้อสำคัญคืออย่าให้วัวกินน้ำ ถ้าให้กินน้ำอิ่มแล้วมันจะนอน คราวนี้ละสักตัวก็เอาไปไม่ได้ 555 เอาวัวข้ามฝั่งมาได้ก็มาฝากไว้กับผู้ใหญ่บ้านไทร ไม่ได้เอามาขายอะไรหรอก ใครขอเราก็ให้ ไม่ขอก็ให้ สมัยนั้นคนบ้านเรามันยากจน เราก็เอามาแจกแบบนี้ละ บางคนใจดีเขาก็เอาเหล้ามาแลก 555 แล้วเท่าที่จำได้เคยเอามามากที่สุดครั้งละกี่ตัวครับ โอ้ยไม่จำหรอก หลักพันตัวนี่ละมั้ง หลวงปู่ครับวัวพันตัวนี่ ไล่มายังไงหมดครับ กูก็ไล่กับเพื่อนมาเรื่อยๆนี่ละ
ภาคกลางเราก็ไป
พอโดนตำรวจกดดันมากๆเข้า ท่านก็หนีไปเป็นเสืออยู่ภาคกลาง แถวๆจังหวัดอยุธยา ท่านเล่าว่า อยุธยานี่เราภูมิใจที่สุด ปล้นมาไม่เคยได้ใช้เลย เราแจกจ่ายคนจน สมัยกอนข้าราชการเอางบหลวงมาก็ไม่เผื่อแผ่คนจน ท่านก็ไปปล้นจากคนพวกนี้มา เอามาจ่ายแจกคนจน หลวงเขาไม่รู้หรอกใครจน แต่โจรอย่างเรารู้ พอรู้เราก็สงสารไม่รู้จะช่วยเขายังไง ก็ไปปล้นมาแจกเขานี่ละ 5555
เป็นใจรไว้ใจใครไม่ได้
เราเป็นโจรใจดี ใครมาขอตังถ้าเรามีเราให้ อยากกินเหล้ามาขอตังเรา เราให้ แต่มีข้อแม้ว่าอย่ามากินใกล้เรา เราไม่ไว้ใจใคร เรากินของเราคนเดียว ส่วนคนอื่นไปกินที่อื่นห่างๆ กินหมดมาเอาตังไปซื้ออีกเราให้ แต่ต้องเดินมาคนเดียว มามากกว่าหนึ่งคนเรายิงเลยนะ เคยมีครั้งหนึ่งมันมาสองคนเรายิง วิ่งหนีเตลิดเปิดเปิงไปเลย ก็เราบอกแล้วอย่ามายุ่งกับเราจะมาหาเราให้เข้ามาคนเดียวไม่เชื่อเราเองนี่ 5555
ใช้ชีวิต ต่างแดน
เราหนีไปอยู่เมืองนอกก็หลายปีนะ เวียดนามนี่ก็สองปี เขมรนี่ก็สามปี เราไปมาหมดแล้ว ไปจนรู้นิสัยใจคอคนทั่วไปหมดว่าคนเมืองไหนคบได้คบไม่ได้ ไปก็ไม่ได้ทำอาชีพอะไรหรอก ไปเป็นโจรนี่ละ เป็นโจรมันสบายใจกว่าเป็นขโมย เป็นขโมยต้องแอบต้องลับๆล่อกลัวเขาจะมาเจอ แต่เป็นโจรไม่ต้องกลัว เราปล้นเอาแค่เงิน แค่วัวแค่ควาย ปล้นเสร็จก็จูงแขนคนมาเป็นตัวประกันสักคนนึง เดินมาสักพักที่คิดว่าคนตามมาไม่ทันแล้วเราก็ปล่อยเขากลับ
เหตุแห่งการบวช
ขณะที่เราเที่ยวปล้นอยู่แถวเมืองเขมร มีพระธุดงค์องค์หนึ่ง เดินทางมาจากเมืองศรีโสพน ปักกลดอยู่กลางป่า เรียเราเข้าไปคุยแล้วบอกกับเราว่า เอ็งพอได้แล้วนะที่เอ็งปล้นเอ็งฆ่าเขามามันเสร็จกันหมดแล้ว พวกเขาทำเอ็งไว้เมื่อชาติก่อน ชาตินี้เขาใช้เอ็งคืนหมดแล้ว หลวงปู่ถามพระธุดงว่า ท่านทราบได้อย่างไรว่าผมฆ่ามาเท่าไหร่ พระท่านตอบว่าท่านเห็นหมดกี่ศพๆท่านรู้หมด ต่อจากนี้ให้หยุดฆ่านะ แล้วเอ็งจะได้ขึ้นสวรรค์ เพียงเท่านี้องค์หลวงปู่ก็เดินทางกลับเมืองไทย ผ่านช่องทางจังหวัดจันทรบุรี ขึ้นมาฝั่งไทยครั้งนั้นองค์หลวงปู่ผู้มีใจเด็ดเดี่ยว ตัดสินใจลาขาดจากทางโลกหันหน้าเข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์ ณ.วัดวังสรรพรส กลายเป็นศิษเอกแห่งองค์หลวงปู่คง นับตั้งแต่ พ.ศ2519 ท่านยังคงใช้ชีวิตเรียบง่าย ด้วยปฏิปทาอันงดงาม ยังความนับถืศรัทธาแกพุทธศาสนิกชนทั่วทั้งประเทศจวบจนปัจจุบัน
ฝากไว้ให้คิด
พวกเอ็งฟังไว้นะ อดีตที่ผ่านมามันแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว จงทำปัจจุบันให้ดีที่สุด แล้วอนาคตจะดีเอง ถ้ามัวแต่คิดถึงอดีตก็ไม่ต้องทำอะไรกันพอดี
บันทึก
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย