27 ม.ค. 2021 เวลา 07:21 • ท่องเที่ยว
คิตะคามิ (Kitakami) เมืองเล็กๆ ในซอกอุ่นๆ ของหัวใจ
เทศกาลโคอิโนะโบริ หรือวันเด็กผู้ชาย แม่น้ำคิตะคามิ ช่วงปลายเมษายนทุกปี
ฉันเดินทางไปญี่ปุ่นหลายต่อหลายครั้ง และพยายามกำหนดจุดหมายให้แตกต่างทุกครั้งก็จริง แต่พอมานั่งนึกๆ ดู มีเพียงเมืองเดียวที่นึกถึงเสมอไม่ว่าจะอยู่ในฤดูกาลใด มีเพียงปลายทางเดียวที่ต่อให้การเดินทางครั้งนั้นยืดยาวลงใต้ หรือเหาะเหินไปจนสุดขอบทะเลของเกาะเหนือ ก็ยังต้องหาทางเลาะเลียบแวะไปเยี่ยมเยียนจนได้ทุกครั้ง จนพูดได้อย่างเต็มปากเต็มคำว่า ฉันน่ะ เคยเห็นคิตะคามิครบทั้งสี่ฤดูมาแล้วนะจะบอกให้
คงต้องยกคุณงามความดีให้การมีเพื่อนชาวญี่ปุ่นคนหนึ่งซึ่งคบหากันมาเนิ่นนานกว่าที่เคยมีใครจะคิด สงสัยว่าทั้งเขาและฉันนั่นแหละ มิตรภาพเล็กๆ ที่ก่อเกิดอย่างไม่ตั้งใจของเรากลางเมืองหลวงของประเทศไทย ทำให้การเดินทางไปมาหาสู่ตามมาหลายต่อหลายครั้ง ทั้งที่เขาเป็นชาวญี่ปุ่นที่เกิดและเติบโตในจังหวัดจิบะ เพื่อนบ้านเรือนเคียงของโตเกียวแท้ๆ อยู่มาวันหนึ่ง อาชีพการงานทำให้เขาต้องย้ายไปอยู่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ หรือภูมิภาคโทโฮขุ และมีเทียบเชิญทีเล่นทีจริงให้มาเที่ยวบ้านใหม่ ซึ่งเมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว คิตะคามิคืออะไร ที่ไหน ฉันยังหาเกือบไม่เจอในแผนที่
ด้วยความทันสมัยของเทคโนโลยี รถไฟชินกันเซนชนิดจอดทุกป้ายอย่างขบวนยามาบิโกะและฮายาเตะที่จอดบางขบวนพาฉันมาลงสถานีรถไฟคิตะคามิในฤดูใบไม้ผลิปีหนึ่ง ด้วยความที่เป็นครั้งแรก เลยไม่รู้ว่าสถานีนี้มีสองฝั่ง ฝั่งชินกันเซนกับฝั่งรถไฟธรรมดา กว่าจะหากันเจอเล่นเอาแทบพลิกสถานีทุกตารางเมตร พอเจอกันแล้วเดินออกมาภายนอกยิ่งงงเข้าไปใหญ่ ด้วยความที่ตัวเมืองซึ่งหันมาเผชิญหน้าตรงๆ กับฉันนั้นช่างกะทัดรัด มีตึกสูงไม่กี่ชั้นเพียงสองสามอาคาร แถมเงียบ เงียบจนนึกว่าเป็นเมืองตุ๊กตา
ป้ายสถานีรถไฟชินกันเซน คิตะคามิ
แม่น้ำสายเดียวที่ไหลผ่านตัวเมืองมีชื่อว่า เกะโตะ (Geto River) สายน้ำทอดยาวลดเลี้ยวซอกซอนไปตามจังหวะชีวิตของคนที่นี่ ก่อให้เกิดกีฬาทางน้ำ กิจกรรมสนุกๆ กระทั่งจุดชมวิวที่โดดเด่นเตะตาเมื่อมองลงมาจากมุมสูงของยอดเขาที่มีเจ้าแม่กวนอิมตั้งตระหง่านอยู่ จำได้ว่าความงุนงงของฉันที่ได้เห็นความสงบวิเวกของเมืองซึ่งต่างจากจิบะ บ้านเกิดของเพื่อนที่เคยคุ้น ค่อยๆ ปลาสนาการไปทีละน้อยเมื่อได้เห็นภาพเมืองทั้งเมืองด้วยสายตาเช่นเดียวกับนก เคยถามว่าทำไมจึงเลือกที่จะหันหลังให้แสงสีสดใสมาสู่ความนิ่งอย่างนี้ทั้งที่อายุอานามของเพื่อนก็เพิ่งยี่สิบกลางๆ คำตอบชองเขาทำให้ฉันต้องพินิจพิจารณาอุปนิสัยของเพื่อนคนนี้ใหม่ จากที่เคยคิดว่าเขาก็คงเป็นหนุ่มญี่ปุ่นเรียนเก่งที่วางอนาคตไว้แน่นอนแล้วว่าจะทำงานบากบั่นอยู่ในองค์กรเดียวจนชั่วชีวิตเหมือนพนักงานร่วมชาติ แท้จริงแล้ว เขาต้องการใช้ชีวิตอย่างสมถะ เรียบง่าย ไม่วุ่นวาย อยู่ท่ามกลางขุนเขา สายน้ำ เมฆหมอก และ...เด็กๆ ก็สุขที่สุดแล้ว
คือ...เพื่อนของฉันคนนี้เรียนจบสายวิทย์ ตอนเรียนเหมือนจะตั้งใจทำงานด้านฟิสิกส์ เคมี อะไรเทือกนี้ สุดท้ายหันเหชีวิตไปเป็นครูของนักเรียนชั้นประถมในโรงเรียนที่ห่างไกลปืนเที่ยง โรงเรียนของเพื่อนมีหิมะทับถมหนาเป็นเมตรเมื่อฤดูหนาวมาถึง ครูกับนักเรียนต้องช่วยกันกวาดหิมะให้พอเป็นทางทุกๆวัน เช่นเดียวกับอพาร์ทเมนท์ของเขาที่ทุกเช้าก็ต้องลงมาจัดการกับหิมะซึ่งกองสูงในตอนกลางคืนให้รถที่จอดชั้นล่างออกมาได้
เพื่อนเล่าว่า คิตะคามิเป็นเมืองที่หิมะตกปริมาณมากที่สุดในจังหวัดอิวาเตะ ความหนาวเย็นอันยาวนานทำให้กว่าฤดูใบไม้ผลิจะมาเยือนก็ช่วงปลายเดือนเมษายนโน่น ร่องรอยของสีขาวอันเจิดจ้ายังทิ้งไว้อย่างมั่นคงบนยอดเขาอิวาเตะ ภูเขาที่สูงที่สุดในจังหวัด รวมถึงเทือกเขาน้อยใหญ่ที่ทอดตัวยาวเป็นแนวอยู่รอบๆ ตัวเมือง
ปลายเดือนเมษายน ดอกไม้หลายสายพันธ์ุเบ่งบานทั่วเมือง
เมืองเล็กๆ อย่างคิตะคามิ มีประชากรเพียงแค่ไม่เต็มแสนดี อาจจะไม่ใช่จุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวที่ต้องการสะสมแต้มสถานที่เพื่อนำไปประชันขันแข่ง ทั้งไม่ใช่เมืองที่เที่ยวง่ายถ้าคุณไม่มีรถ แต่ฉันก็ได้พิสูจน์ข้อกล่าวหานี้มาแล้วเหมือนกันในวันหนึ่งเมื่อต้องใช้ชีวิตที่นี่สองคืนสามวัน ในขณะที่เพื่อนว่างแค่ครึ่งวัน ที่เหลือต้องพึ่งตัวเอง สิ่งที่ทำก็คือออกเดินไปเรื่อยๆ ในใจกลางเมืองที่มีห้างสรรพสินค้าขนาดย่อมเพียงสองสามแห่ง ร้านรวงขายของจิปาถะจำนวนหนึ่ง ศาลเจ้าเล็กๆ ที่ซ่อนตัวอยู่ระหว่างความทันสมัยของย่านการค้า เหนื่อยก็ลงนั่งพัก หิวก็หาของกินอร่อยๆ เห็นของน่ารักก็จับก็ซื้อ แถมมีเวลาละเลียดความงดงามของต้นไวท์ ลิลลี่ ดอกไม้สัญลักษณ์ของเมืองซึ่งจะบานชูช่อสะพรั่งในช่วงใบไม้ผลิอีกด้วย
ในโมงยามที่เพิ่งผ่านการเที่ยวแบบหัวหกก้นขวิด ทำสถิติให้ได้ว่าวันนี้จะไปกี่แห่ง เร่งรีบไปให้ทันเวลารถไฟออกเดินทาง หอบหิ้วสัมภาระรุงรังกระโจนไปโน่นมานี่ พยายามตื่นแต่เช้าเพื่อไม่ให้เสียเวลาเที่ยว เดี๋ยวค่อยไปหลับในรถไฟเอา การได้พักนิ่งๆ ในเมืองนิ่งๆ มองผู้คนค่อยๆ ใช้ชีวิตอย่างเนิบช้าเป็นช่วงเวลาที่ฉันมีสติสัมปชัญญะกระจ่างแจ้งที่สุด ช่วงเวลานั้นได้หลงลืมความสนุกสนานไร้ขีดจำกัดยามราตรีในชิบุยะ ลบเลือนความตื่นตาตื่นใจของฮาราจูกุ กระทั่งสถานีรถไฟโอ่โถง สวยงาม แต่แสนพลุกพล่านของเกียวโตไปจนสิ้น
จะว่าไป คิตะคามิทำให้ฉันค้นพบหลายๆ ด้านของตัวเอง เพราะเป็นสถานที่ที่ฉันได้ใช้เวลาอยู่กับตัวตนของตัวเองมากที่สุด
ฉันมาสัมผัสใบไม้ผลิที่คิตะคามิหลายครั้ง จนวันหนึ่งก็ฮึกเหิมที่จะมาเยือนในช่วงฤดูหนาวที่หนาวจับใจ หน้าหนาวปีนั้นเพิ่งสร่างไข้จากการตรากตรำเที่ยวบนเกาะฮอกไกโด จนต้องขอมาลิ้มรสความหนาวที่น้อยลงบ้างในโตเกียว แต่ด้วยอาการที่คิดถึงปุยขาวสวยของหิมะอย่างเหลือเกิน เลยต้องบากหน้าขึ้นไปใหม่ แล้วก็ได้พบความจริงง่ายๆ ที่ว่า หิมะที่คิตะคามิสวยกว่าที่ไหนๆ แฮะ
คงเพราะคิตะคามิไม่ค่อยมีคน ซ้ำไม่ค่อยมีตึกรามอะไรหนาแน่น หิมะก็เลยกองเป็นทะเลหิมะ ล้อมรอบบ้านสนหลังเล็กๆ ดูราวบ้านตุ๊กตาในภาพวาด เดินไปไหนก็ไม่ค่อยมีใครออกมาให้เจอ เหมือนเป็นเมืองของตัวเอง เลยยิ่งชอบใจกันไปใหญ่
เป็นฤดูหนาวครั้งหนึ่งที่จดจำได้เสมอไม่ว่าเวลาจะผ่านไปอีกกี่ปีนับจากนั้นมา
คุณเพื่อนขับรถพาชมกำแพงหิมะในฤดูหนาวที่หนาวจับใจ
ด้วยความที่เคยเจอแต่คิตะคามิหนาวๆ เย็นๆ คราวที่ต้องไปเมื่อฤดูร้อนพัดมา เลยสับสนอลเวงนิดหน่อยเมื่อก้าวลงสถานีเดิมๆ แล้วลมร้อนอ้าวกรรโชกมาหนึ่งวูบ วินาทีนั้นคิดว่า เอ คิตะคามิก็ร้อนเป็นนี่นา
ถึงจะร้อน แม่น้ำเกะโตะก็สวยใสไหลเย็น แมกไม้เขียวชอุ่มชุ่มตา จิ้งหรีดหน้าร้อนร้องเสียงดังทั้งวี่ทั้งวันจนนึกว่ามันไม่หลับไม่นอนบ้างหรืออย่างไร ไม่เมื่อยปากเหรอ แค่นั่งฟัง ยืนฟัง ยังเหนื่อยแทนเลย
หน้าร้อนในคิตะคามิปีนั้น ฉันนั่งๆ เดินๆ อยู่ริมแม่น้ำเกะโตะ เพ่งมองความใสจนเห็นข้างใต้ไหวๆ แล้วก็ฟังเสียงจิ้งหรีดกรีดระงม ไม่ได้ทำอะไรอย่างอื่นเลยจริงๆ เหมือนมานั่งเล่น พักผ่อนสักวันสองวัน พอกายใจแข็งแรงก็เริ่มออกเดินทางไปที่อื่นต่อ
ในฤดูใบไม้ร่วงก็ไม่แตกต่างกัน นอกเสียจากความมืดที่วิ่งรี่เข้าหาเร็วกว่าทุกคราว แค่สี่โมงเย็น ท้องฟ้าในคิตะคามิก็พร้อมใจกันทำหน้าสีเข้มคลั่กเข้าหา ใบไม้แดงส้มที่กำลังยืนต้นให้เราชื่นชมก็เลยค่อยๆ กลืนหายไปกับความมืดของค่ำคืนที่เหน็บหนาว คิดอีกที ฉันว่าฤดูนี้แหละที่คิตะคามิดูเป็นมิตรน้อยที่สุด เพราะความมืด ความวังเวง ความหนาวเย็น ผสานเข้ากับความเงียบงัน ทำให้เมืองทั้งเมืองดูหงอยเหงาระคนหดหู่อย่างไรพิกล
ถึงอย่างนั้น ฉันก็ยังหาเหตุมาคิตะคามิอย่างสม่ำเสมอ จริงอยู่ว่าเหตุผลหนึ่งคือเยี่ยมเพื่อน แต่เหตุอื่นที่แฝงตัวอยู่ก็มีไม่น้อย นอกจากบ้านแล้ว จะมีสถานที่ใดในโลกนี้สักกี่แห่งที่เมื่อเราได้ไปถึงแล้ว เสมือนเป็นหลักพักพิงหัวใจให้ได้เล่า
โดยเฉพาะสำหรับคนเดินทางที่เหน็ดเหนื่อยอ่อนล้าอย่างเหลือเกิน คิตะคามิสำหรับฉันจึงเปรียบได้กับน้ำบริสุทธิ์สะอาดที่ดื่มเข้าไปแล้วสดชื่น เพิ่มกำลังวังชา ฟื้นพลังชีวิตให้คืนกลับมาใหม่ และพร้อมที่จะออกเดินทางใหม่...อีกครั้ง
เมลอน โซดา เครื่องดื่มประจำตัวเมื่อไปคิตะคามิ คุณเพื่อนชอบสั่งให้กิน รู้ใจเนอะ^^
โฆษณา