Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Wasabi
•
ติดตาม
28 ม.ค. 2021 เวลา 11:25 • สุขภาพ
ไม่อยาก ตดเหม็น ตดบ่อย ควรทำอย่างไร?
ตดเหม็น
โดยปกติแล้ว การตด หรือ ผายลม ไม่ใช่เรื่องผิดปกติอะไร เพราะมันเป็นกลไกตามธรรมชาติ ที่ร่างกายต้องขับลมออกมา ตด คือ แก๊สที่เกิดขึ้นระหว่างกระบวนการย่อยอาหาร และสะสมอยู่ในระบบทางเดินอาหาร
1
นอกจากนี้ ขณะที่เรากินอาหาร เราก็ไม่ได้กลืนแค่อาหารลงไปเท่านั้น แต่ยังกลืนอากาศเข้าไปด้วย ทำให้ระบบย่อยอาหารของเรามีแก๊สสะสมอยู่เป็นจำนวนมาก และร่างกายก็ต้องการขับแก๊สเหล่านี้ออกมา
สาเหตุ
อาหารที่รับประทาน อาหารบางชนิดจะทำให้เกิดแก๊สระหว่างที่ถูกย่อยสลายมากกว่าชนิดอื่น ๆ เนื่องจากกระบวนการหรือความยากในการย่อย เป็นสาเหตุให้มีแก๊สในกระเพาะมาก รู้สึกปวดท้อง ท้องอืด และผายลมตามมา
โดยเฉพาะอาหารที่ประกอบด้วยน้ำตาลธรรมชาติ มีเส้นใยอาหารสูง หรืออาหารประเภทแป้ง ได้แก่...
- ผักและผลไม้ที่มีน้ำตาลบางชนิดและอาจทำให้เกิดแก๊สในท้องขณะย่อย เช่น น้ำตาลฟรุกโตสที่พบได้ในหัวหอม น้ำตาลแรฟฟิโนสในหน่อไม้ฝรั่ง บร็อคโคลี่ กะหล่ำปลี น้ำตาลซอร์บิทัลจากลูกพรุน ลูกท้อ แอปเปิล รวมถึง--ผักผลไม้ที่มีเส้นใยอาหารชนิดละลายน้ำ เช่น ถั่วลันเตา แต่หากเป็นเส้นใยอาหารชนิดไม่ละลายน้ำก็มักจะถูกย่อยและขับผ่านไปได้โดยง่าย ไม่ทำให้เกิดแก๊สหรือรู้สึกไม่สบายท้อง
1
- หมากฝรั่งและลูกอมบางชนิดที่มีส่วนประกอบเป็นสารให้ความหวานอย่างซอร์บิทอล (Sorbitol)
1
- อาหารจำพวกแป้งซึ่งมีคาร์โบไฮเดรตสูง โดยเฉพาะอาหารที่ทำจากธัญพืช -ขนมปัง ข้าวโพด มันฝรั่ง แต่อาหารประเภทคาร์โบไฮเดรตที่ดูเหมือนจะไม่ทำให้เกิดแก๊สก็คือข้าว
- นมและผลิตภัณฑ์จากนม คนที่มีเอนไซม์แลคเตสไม่เพียงพออาจย่อยน้ำตาลแลคโตสในนมได้ยาก รวมไปถึงอาหารที่ทำจากนมอย่างไอศกรีม ชีส หรืออาหารใดก็ตามที่มีแลคโตส ซึ่งนอกจากจะทำให้เกิดแก๊สก็ยังอาจมีอาการปวดท้องร่วมด้วย
- ข้าวโอ๊ต อีกหนึ่งอาหารที่สามารถทำให้เกิดแก๊สในท้อง เพราะมีเส้นใยอาหารชนิดละลายน้ำสูง การรับประทานข้าวโอ๊ตจึงควรเริ่มจากปริมาณน้อย ๆ ก่อนจะค่อย ๆ เพิ่มปริมาณขึ้นเพื่อให้ร่างกายปรับตัว หรือรับประทานสลับกับอาหารจากรำข้าวสาลีซึ่งมีเส้นใยอาหารชนิดไม่ละลายน้ำสูง
- ถั่วต่าง ๆ เช่น ถั่วลิสง ถั่วแดง ถั่วดำ ถั่วเหลือง หรือถั่วเขียว ซึ่งก็มีน้ำตาลแรฟฟิโนสเช่นกัน อีกทั้งยังประกอบด้วยเส้นใยอาหารชนิดละลายน้ำ
- เครื่องดื่มน้ำอัดลมหรือน้ำหวาน เครื่องดื่มเหล่านี้ส่งผลให้มีแก๊สในท้องจนรู้สึกไม่สบายท้องได้ เนื่องจากในโซดามีการอัดอากาศหรือแก๊สเข้าไป รวมถึงฟรุกโตสซึ่งเป็นน้ำตาลที่ให้ความหวานและอาจย่อยได้ยาก
การกลืนอากาศมากเกินไป
อากาศจำนวนมากสามารถเข้าสู่ระบบทางเดินอาหารผ่านการดื่มน้ำหรือรับประทานอาหาร ซึ่งแก๊สกว่า 50 เปอร์เซ็นต์มาจากอากาศที่กลืนเข้าไปนี้เอง ส่งผลให้มีอาการเรอหรือสะอึกตามมาได้ นอกจากนี้ อากาศบางส่วนก็ยังผ่านเข้าไปสู่ระบบย่อยอาหารและถูกปล่อยออกมาทางทวารหนักในรูปของการผายลม โดยปัจจัยที่ทำให้มีการกลืนอากาศมากเกินไปมักพบว่าเกิดจากพฤติกรรมต่อไปนี้...
1
- เคี้ยวหมากฝรั่ง
- อมลูกอมหรืออมอาหารบางชนิด
1
- รับประทานอาหารหรือดื่มน้ำอย่างรวดเร็วจนเกินไป
- ดื่มเครื่องดื่มน้ำอัดลม
- ดื่มน้ำจากหลอด
- กลืนน้ำลายบ่อยเกินไป ซึ่งอาจเกิดขึ้นเมื่อรู้สึกวิตกกังวล
- สวมใส่ฟันปลอมที่หลวมเกินไป
- สูบบุหรี่
2
ผลจากยารักษาโรคหรือปัญหาสุขภาพ
- ยารักษาโรคหรืออาหารเสริมบางชนิดอาจมีผลข้างเคียงให้มีอาการท้องอืดหรือเกิดแก๊สในระบบย่อยอาหารมาก เช่น ยารักษาโรคเบาหวานอย่างอะคาร์โบส (Acarbose) รวมถึงอาหารเสริมใยอาหารบางชนิด
- การเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมน เกิดขึ้นกับผู้หญิงที่มักมีอาการท้องอืดก่อนหน้าช่วงมีประจำเดือน โดยเป็นผลจากการที่ร่างกายกักเก็บของเหลวไว้
- โรคบางชนิดสามารถส่งผลให้มีแก๊สมากและผายลมบ่อย เช่น ภาวะการย่อยแลคโตสผิดปกติ (Lactose Intolerance) เกิดจากการที่ร่างกายไม่ย่อยน้ำตาลแลคโตสในนม ซึ่งหากลองงดการดื่มนมแล้วพบว่าตนเองมีแก๊สหรือผายลมน้อยลง อาการดังกล่าวก็อาจสาเหตุจากปัญหานี้ รวมถึงโรคอื่น ๆ ที่อาจส่งผลให้ผู้ป่วยมีแก๊สมากหรือผายลมบ่อย ได้แก่
- ลำไส้แปรปรวน
- โรคลำไส้อุดตัน
- อาหารไม่ย่อย
- กรดไหลย้อน
- แผลในกระเพาะอาหาร
- โรคโครห์น
- โรคแพ้กลูเตน
วิธีป้องกันการตดเหม็นหรือตดบ่อย
- ลดอาหารที่มีเส้นใยอาหาร น้ำตาลธรรมชาติ และแป้งที่ย่อยยาก ซึ่งจะทำให้เกิดแก๊สในระบบย่อยอาหารขึ้นมาก ได้แก่...
- ผักบางชนิด เช่น หน่อไม้ฝรั่ง กะหล่ำปลี กะหล่ำดอก บร็อคโคลี่ แตงกวา พริกหยวก หัวหอม ถั่วลันเตา มันดิบ หัวผักกาดแดง
- ผลไม้บางชนิด เช่น แอปริคอท แอปเปิลแดง แอปเปิลเขียว กล้วย แตงโม ลูกพรุน ลูกท้อ ลูกแพร์
- ธัญพืชที่ไม่ผ่านการขัดสี ข้าวโอ๊ต
- ถั่วบางชนิด เช่น ถั่วลิสง ถั่วแดง ถั่วเขียว ถั่วเหลือง
- นมและผลิตภัณฑ์จากนม เช่น ชีส ไอศกรีม โดยเฉพาะในผู้ที่มีภาวะย่อยแลคโตสผิดปกติ
- เครื่องดื่มน้ำอัดลมต่าง ๆ รวมถึงน้ำผลไม้ เบียร์ ไวน์
- อาหารชนิดอื่นนอกจากนมที่อาจประกอบด้วยแลคโตส เช่น ขนมปัง น้ำสลัด และธัญพืช
- อาหารจากไข่
- อาหารทอดหรืออาหารที่มีไขมันสูง สามารถก่อให้เกิดอาการท้องอืดได้
- น้ำตาลและสารที่ใช้แทนน้ำตาล เช่น ซอร์บิทอล
- รับประทานอาหารและดื่มน้ำช้า ๆ เพราะการรับประทานอาหารอย่างเร่งรีบจนเกินไปอาจทำให้มีการกลืนอากาศลงไปมากและเกิดแก๊สตามมาในที่สุด นอกจากนี้ ผู้ที่สวมใส่ฟันปลอมควรตรวจดูให้ดีก่อนว่ามีความพอดีกับช่องปาก เพราะหากฟันปลอมหลวมจะทำให้เกิดการกลืนอากาศเข้าไประหว่าเคี้ยวอาหารได้
- อย่าดื่มน้ำก่อนมื้ออาหาร เนื่องจากจะทำให้สูญเสียกรดที่ใช้ในการย่อยอาหาร ทำให้อาหารถูกย่อยสลายได้ไม่ดีเท่าที่ควร ทางที่ดีควรดื่มน้ำในช่วง 30 นาทีก่อนรับประทานอาหาร จะช่วยให้กระเพาะสามารถย่อยได้ดีขึ้น
- เลี่ยงพฤติกรรมใด ๆ ที่อาจทำให้ต้องกลืนอากาศเข้าไป เช่น การเคี้ยวหมากฝรั่ง สูบบุหรี่ หรือดื่มน้ำจากหลอด
- ไม่รับประทานอาหารหรือเครื่องดื่มใด ๆ ที่มีสารให้ความหวานแทนน้ำตาลอย่างซอร์บิทอลหรือน้ำตาลแอลกอฮอล์ โดยซอร์บิทอลนั้นมักนำมาใช้เป็นส่วนผสมในหมากฝรั่ง
วิธีรักษาเพื่อลดแก๊สในระบบย่อยอาหาร
การมีแก๊สในระบบย่อยอาหารมากเกินไปนั้น ยังไม่มียาสำหรับรักษาให้หายอย่างเด็ดขาด มีเพียงยาบางชนิดที่อาจช่วยลดอาการอาหารไม่ย่อย ซึ่งมีขายตามร้านขายยาทั่วไป เช่น
- แอลฟา-กลูโคซิเดส ตัวยาประกอบด้วยเอนไซม์ที่จะช่วยย่อยสลายคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนในอาหารจำพวกถั่ว ธัญพืช และผักหลาย ๆ ชนิดให้กลายเป็นน้ำตาลที่ย่อยง่ายขึ้น โดยรับประทาน 2-3 เม็ดก่อนมื้ออาหาร ทว่าอาหารเสริมชนิดนี้จะไม่เห็นผลในกรณีที่แก๊สเกิดจากเส้นใยอาหารหรือแลคโตส
- เอนไซม์แลคเตส สามารถช่วยย่อยแลคโตสในนม สำหรับผู้ที่มีภาวะย่อยแลคโตสในนมผิดปกติ
2
- ยาไซเมทิโคน เป็นยาที่ช่วยลดฟองแก๊สในระบบย่อยอาหาร
- ถ่านกัมมันต์หรือชาร์โคล อาจมีคุณสมบัติช่วยลดการเกิดแก๊สหรืออาการท้องอืด โดยจะไปจับกับของเหลวในลำไส้และลดแก๊ส ลดอาการท้องอืด ทั้งยังทำให้อุจจาระจับตัวเป็นเนื้อยิ่งขึ้น
#สาระจี๊ดจี๊ด
การตดหรือผายลมเกิดขึ้นได้ตั้งแต่วันละ 6-20 กว่าครั้ง และมักเกิดขึ้นหลังจากรับประทานอาหารเป็นปกติ โดยไม่ได้ทำให้เกิดอันตรายใด ๆ แม้จะมีการกลั้นผายลมก็ตาม ซึ่งบางครั้งแก๊สก็อาจถูกขับผ่านออกมาโดยไม่รู้ตัวในปริมาณเพียงเล็กน้อยและไม่ส่งกลิ่น แต่การรับประทานอาหารบางชนิด เช่น อาหารที่มีสารซัลเฟอร์หรือมีแบคทีเรียที่สร้างแก๊สมีเทนหรือไฮโดรเจนซัลไฟด์ ก็อาจส่งผลให้ลมที่ผายออกมามีกลิ่นเหม็นได้
#สาระจี๊ดจี๊ด
ควรไปพบแพทย์เมื่อการผายลมเริ่มรบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น ผายลมมีกลิ่นเหม็นบ่อยครั้ง หรือในกรณีที่มีอาการใด ๆ ต่อไปนี้ปรากฏร่วมด้วย เพราะอาจแสดงถึงปัญหาสุขภาพร้ายแรง
#Wasabi ขอเพียงมีส่วนเล็ก ๆ ที่ช่วยให้คุณ!
"เจริญเติบโต ก้าวหน้า สำเร็จ อย่างภาคภูมิใจ"
แหล่งที่มา
pobpad
https://www.pobpad.com/ตดเหม็น-ตดบ่อย-สาเหตุและ
#สาระจี๊ดจี๊ด #Wasabi #ความรู้ขึ้นสมอง
11 บันทึก
19
11
4
11
19
11
4
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย