Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
ลงสนาม
•
ติดตาม
29 ม.ค. 2021 เวลา 05:30 • กีฬา
🇩🇪 ฟรานซ์ เบคเคนบาวเออร์ : สุดยอดกองหลังตลอดกาล
ฟรานซ์ เบคเคนบาวเออร์
'ฟรานซ์ อันโทน เบคเคนบาวเออร์' เกิดที่เมืองมิวนิค เมื่อปี 1945 เขาได้เริ่มเล่นฟุตบอลตั้งแต่อายุได้เพียง 6 ขวบเท่านั้น โดยเขาได้เล่นร่วมกับทีมในท้องถิ่นที่ชื่อว่า เอสเซ มิวเช่น (SC Müchen) เขาเล่นกับทีมได้จนถึงอายุ 12 ปี ก่อนจะย้ายออกจากทีมเพื่อต้องการความท้าทายใหม่ในชีวิต เขาต้องการที่จะลงเล่นในสโมสรที่มีชื่อเสียงและใหญ่ที่สุดในเมืองอย่างสโมสร ' 1860 มิวนิค ( 1860 Munich ) เขาได้เล่นฟุตบอลอยู่ที่นั้นได้ราว ๆ 5 ปี ก่อนที่จะย้ายสโมสรอีกครั้ง โดยสโมสรแห่งใหม่ที่เขาย้ายไปนั้น ที่นั่นคือที่ที่เขาได้สร้างประวัติศาสตร์มากมายให้แก่ตัวเขาเองและสโมสร สโมสรบาเยิร์น มิวนิค ( FC Bayern Munich )
ในเวลานั้นนอกจากตัวเขาเองแล้วยังมีผู้เล่นในทีมที่เป็นวัยรุ่นหน้าใหม่อย่าง แกร์ด มุลเลอร์ และ เซพพ์ ไมเออร์ อยู่ในทีมอีกด้วย
หลังจากทีมได้เลื่อนชั้นขึ้นมาสู่บุนเดสลีกา ในปี 1965 เจ้าตัวใช้เวลาเพียงไม่กี่ปีก็สามารถคว้าแชมป์ได้ โดยเขาสามารถคว้าแชมป์เดเอฟเบ โพคาลได้ถึง 3 สมัย , ยูฟ่าคัพ วินเนอร์ คัพ 1 สมัย และแชมป์บุนเดสลีกา 1 สมัย
ฟรานซ์ เบคเคนบาวเออร์ ในวัย 24 ปี ถือได้ว่าเป็นผู้เล่นที่มีบทบาทสำคัญอย่างมากในตำแหน่งกองกลางของทีม
แกร์ด มุลเลอร์ , เซพพ์ ไมเออร์ และ ฟรานซ์ เบคเคนบาวเออร์
ในปี 1970 เขาได้รับเลือกให้เป็นกัปตันทีมของบาเยิร์น และเขาได้เปลี่ยนตำแหน่งการเล่นจากกองกลางลงมาสู่กองหลัง และในช่วงเวลานี้เองถือเป็นช่วงที่เขาประสบความสำเร็จอย่างมากในอาชีพค้าแข้ง
ในช่วงระหว่างปี 1970-76 เขาได้พาทีมบาเยิร์นคว้าแชมป์ยูโรเปียนส์ คัพ ( ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก ในปัจจุบัน ) ได้ถึง 3 สมัยติดต่อกันระหว่างปี 1974-76
คว้าแชมป์บุนเดสลีกาได้อีก 3 สมัย ในระหว่างปี 1972-74
คว้าแชมป์เดเอฟเบ โพคาล และอินเตอร์เนชั่นแนล คัพอีกอย่างละ 1 ครั้ง
แชมป์ยูโรเปียนส์ คัพ ในปี 1975 : ลีดส์ ยูไนเต็ด 0-2 บาเยิร์น มิวนิค
ในปี 1977 เขาได้ย้ายไปเล่นในลีกอเมริกา กับทีมนิวยอร์ก คอสมอส ซึ่งเจ้าตัวสามารถคว้าแชมป์ลีกได้ 3 สมัยติดต่อกัน ซึ่งการย้ายไปเล่นที่อเมริกานั้นเจ้าตัวได้ร่วมเล่นกับดาวดังหลายคนไม่ว่าจะเป็น เปเล่ , โยฮัน นิสเกนส์ และ คาร์ลอส อัลแบร์โต้
หลังจากอยู่เล่นได้ 3 ปี เจ้าตัวกลับเยอรมันอีกครั้งแต่ครั้งนี้อยู่ในสีเสื้อของฮัมบูร์ก เอสวี ลงเล่นที่นั่นอยู่ 3 ปีก่อนบินกลับอเมริกา และที่นั่นเองคือสถานีสุดท้ายของเจ้าตัวในอาชีพค้าแข้ง
ตลอดอาชีพ เจ้าตัวลงเล่นในบุนเดสลีกาทั้งสิ้น 424 นัด ทำไป 44 ประตู
เปเล่ และ ฟรานซ์ เบคเคนบาวเออร์ ที่อเมริกา
ในนามทีมชาติ เขาถูกเรียกติดครั้งแรกในปี 1965 และได้มีโอกาสลงเล่นฟุตบอลโลกครั้งแรกด้วยวัยเพียง 20 ปีเท่านั้น
ในศึกฟุตบอลโลก 1966 ตัวเขาสามารถพาทีมชาติเยอรมันตะวันตก ผ่านทะลุเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศโดยได้พบกับทีมชาติอังกฤษที่เป็นเจ้าภาพ แต่เป็นที่น่าเสียดายที่ตัวเขาและทีมชาติเยอรมันตะวันตกไม่สามารถคว้าแชมป์มาครองได้ โดยในเกมวันนั้นเขาแพ้ต่อทีมชาติอังกฤษไป 4-2
และต่อเนื่องกันในฟุตบอลโลก 1970 เขาได้กลายเป็นผู้เล่นคนสำคัญของทีมชาติ และในฟุตบอลโลกครั้งนี้นั้นตัวเขาก็ยังไม่สามารถคว้าแชมป์กับทีมชาติเยอรมันได้ โดยในครั้งนี้เขาได้พาทีมจบที่อันดับที่ 3 ของทัวร์นาเมนต์
ซึ่งหนึ่งในภาพประวัติศาสตร์ของตัวเขาก็คือการที่เขาใส่ผ้าพันแขนลงเล่น ในเกมที่เจอกับทีมชาติอิตาลี ในรอบรองชนะเลิศ ซึ่งการแข่งขันนัดนั้นได้ถูกขนานนามว่า 'เกมแห่งศตวรรษ'
ฟุตบอลโลก 1966 นัดชิงชนะเลิศ และ ฟุตบอลโลก 1970 รอบรองชนะเลิศ
หลังผิดหวังในฟุตบอลโลกมาถึงสองครั้งติดต่อกัน ในครั้งนี้เขาได้รับเกียรติให้เป็นกัปตันทีมชาติ
และเมื่อได้รับเกียรติมาแล้ว เขาก็ไม่ทำให้แฟนบอลต้องผิดหวัง เพราะเขาสามารถพาทีมชาติคว้าทั้งแชมป์ฟุตบอลยูโร 1972 ตามด้วยฟุตบอลโลก 1974 ที่ประเทศเยอรมันเป็นเจ้าภาพ และก็น่าเสียดายพวกเขาเกือบที่จะคว้าแชมป์ฟุตบอลยูโร 1976 ได้ แต่พลาดท่าแพ้ทีมชาติเช็ค ในการดวลจุดโทษ 5-3
โดยรวมแล้ว เขาลงเล่นรับใช้ชาติมากถึง 103 นัด และเขาได้ถือว่าเป็นผู้เล่นเพียงคนเดียวในประวัติศาสตร์ฟุตบอลที่ได้ลงเล่นนัดชิงชนะเลิศรายการเมเจอร์ 2 ครั้งได้แก่ ฟุตบอลโลก 2 สมัย และฟุตบอลยูโร 2 สมัย #มีเพียงเขาคนเดียวที่ทำได้
ฟรานซ์ เบคเคนบาวเออร์ ชูถ้วยแชมป์ฟุตบอลโลก 1974
ตลอดระยะเวลาค้าแข้ง 19 ปีในอาชีพนักฟุตบอลของเขา เขาคว้ามาได้หมดแล้วทุกถ้วยแชมป์ทั้งในนามทีมชาติและสโมสร และอีกทั้งเขายังเป็นผู้ล่นในตำแหน่งกองหลังเพียงคนเดียวที่สามารถคว้ารางวัลบัลลง ดอร์ มาได้ถึง 2 สมัย ในปี 1972 และ 1976 และเขายังมีชื่อในทีมสุดยอดผู้เล่นประจำบัลลง ดอร์ ตลอดกาล ที่จัดโดยฟุตบอลฝรั่งเศส ในปี 2020อีกด้วย
ด้วยสไตล์การเล่นและทักษะเฉพาะตัวที่ไม่มีใครสามารถเทียบชั้นเขาได้ ทำให้เขาได้เป็นที่ยอมรับของแฟนฟุตบอลทั่วโลกว่า เขานี่แหละคือ'สุดยอดกองหลังตลอดกาล'
ฟรานซ์ เบคเคนบาวเออร์ กับรางวัลบัลลง ดอร์ 1976
เขาได้รับงานคุมทีมชาติทันทีหลังเลิกเล่น ซึ่งขณะนั้นเขาไม่มีโค้ช ไลเซนต์ เลยด้วยซ้ำ แต่ด้วยความรู้ ความสามาาถของเขา เขาได้คุมทีมลงเล่นในศึกฟุตบอลโลก 1986 และเขาก็สามารถพาทีมทะลุไปถึงนัดชิงชนะเลิศได้ แต่ก็ต้องเสียใจ เพราะผลการแข่งขันจบลงที่แพ้ทีมชาติอาร์เจนติน่าไป 3-2 อาร์เจนติน่า ซึ่งในขณะนั้นทีมฟ้า-ขาว นำทีมมาโดย 'เสือเตี้ย' ดิเอโก้ มาราโดน่า
เวลาผ่านไป 4 ปี ในศึกฟุตบอลโลกที่อิตาลี เหตุการณ์คล้ายเดิม เมื่อทีมชาติเยอรมันตะวันตก ได้โคจรมาเจอทีมชาติอาร์เจนติน่าอีกครั้งในนัดชิงชนะเลิศ และในครั้งนี้ยังคงมีเสือเตี้ยนำทัพมาเช่นเดิม และในครั้งนี้ก็เป็นฝ่ายเยอรมันที่ได้เฮ เมื่อพวกเขาสามารถเอาชนะไปได้ 1-0 จากลูกยิงนาที 85 ของอันเดรส เบร์เมอร์ คว้าแชมป์ไปครองสำเร็จ
และการคุมทีมคว้าแชมป์ในครั้งนั้นส่งผลให้ ฟรานซ์ เบคเคนบาวเออร์ กลายเป็นคนแรกในประวัติศาสตร์ที่สามารถคว้าแชมป์ได้ในฐานะผู้เล่นและโค้ช
#ลงสนาม
2 บันทึก
2
3
2
2
3
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย