28 ม.ค. 2021 เวลา 16:04 • นิยาย เรื่องสั้น
เมื่อผมต้องทำงานคนเดียวตอนกลางคืน บนเรือเก่า ..ep.2
ต่อจากตอนที่แล้ว ep.1...https://www.blockdit.com/posts/600d3856647af50ce08bd557
.
หลังจากที่ลุงมาร์ตินทิ้งให้ผมอยู่คนเดียว
.
ตอนนี้ในหัวของผมมันตื้อไปหมด พลางนั่งลงเอาหลังพิงลังไม้ที่วางอยู่หน้าแคมป์แล้วถอนหายในเฮือกใหญ่
.
ผมนั่งตั้งสติอยู่เกือบ 5 นาที
.
ผมยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดู บอกเวลา 18.30 น. บรรยากาศรอบๆตัวเริ่มมืด และเงียบงันมากขึ้น ผมไม่รอช้าที่จะรีบไปเปิดเครื่องปั่นไฟ เพื่อเปิดไฟฟ้าส่องสว่างตามจุดต่างๆทั้งบริเวณแคมป์ และบนเรือ
.
ไม่นานไฟก็เริ่มสว่าง ผมรีบทานอาหารค่ำที่เตรียมมาในเวลาไม่ถึง 10 นาที แล้วจัดเตรียมอุปกรณ์ที่จำเป็นในการทำงานบนเรือเก่านั่นใส่กระเป๋าสะพายติดตัว
.
ผมเอาไฟฉาย ,ปากกา ,สมุดสำหรับจดรายการสิ่งของ ,สติ๊กเกอร์มาร์คจุด ,แอปเปิ้ล 2 ลูก ,น้ำ 2 ขวด ติดตัวไปด้วย และที่ขาดไม่ได้เลย คือ โทรศัพท์มือถือ ส่วนของที่เหลืออย่างเสื้อผ้า และอื่นๆเอาไว้ที่แคมป์
.
ตอนนี้เหลือเวลาอีกเพียง 10 นาที เท่านั้น ที่ผมจะต้องเริ่มงาน ผมหันไปมองดูเรือเก่าลำนี้ ที่สภาพโดยรวมดูทรุดโทรม มันรู้สึกใจปิ๋วยังงัยไม่รู้ ทั้งๆที่ผมก็เป็นคนไม่ค่อยกลัวผีสางอะไร ผมพยายามไม่คิดอะไรมาก อาจเป็นเพราะผมต้องทำงานคนเดียวในบรรยากาศเงียบเชียบเช่นนี้ ผมเลยรู้สึกแบบนั้น
.
ก่อนเริ่มงานผมหยิบกระดาษที่มีกฏ 8 ข้อนั่น ขึ้นมาเปิดอ่านอีกที ผมอ่านทบทวนแต่ละข้อ พร้อมกับคิดอยู่ในใจนี่มันกฏหลอกเด็กเปล่าวะ ในยุคนี้มันยังมีเรื่องปีสงปีศาจอยู่อีกหรอ
.
ผมไม่ได้ปักใจเชื่อในกฏพวกนั้นเสียทีเดียว เพราะคิดว่าลุงมาร์ตินคงร่างกฏบ้าๆนี่ขึ้นมาเพื่อกระตุ้นให้ผมทำงานเร็วขึ้น และไม่เบี้ยวงาน แล้วก็อำผมว่าถ้าผมไม่ทำตามกฏก็จะได้รับอันตราย
.
แต่ช่างเถอะผมมาที่นี่เพื่อเงิน นี่ก็ถึงเวลาเริ่มงานแล้ว
.
19.15 น. ผมเดินขึ้นไปบนเรือ วินาทีแรกที่ผมขึ้นมาเหยียบเรือลำนี้ กลิ่นในเรือมันแปลกๆชอบกล มันเป็นกลิ่นสาบๆปนชื้นๆ ไฟส่องสว่างภายในเรือที่เปิดจากเครื่องปั่นไฟ มันไม่ได้ครอบคลุมทุกจุด
.
ก่อนเริ่มงานในส่วนบันทึกรายการสิ่งของมีค่าสภาพดีที่จะถอด และเคลื่อนย้ายออกไป ผมจะต้องเดินเซอร์เวย์เรือทุกชั้นก่อน 1 รอบ เพื่อสร้างความคุ้นเคยเสียก่อน เพื่อที่ว่าอีก 2 วันที่เหลือผมจะได้วางแผนการทำงานได้ง่ายขึ้น เพราะรู้โครงสร้างส่วนประกอบของเรือลำนี้แล้ว
.
เรือลำนี้มีทั้งหมด 4 ชั้น (ไม่รวมดาดฟ้า) ด้วยประสบการณ์ในการทำงานอู่เรือมายาวนาน และต้องพบเจอกับเรือหลากหลายประเภทจนคุ้นชิน
.
เรือลำนี้เคยเป็นเรือโดยสารเดินสมุทรมาก่อน จากที่คาดคะเนด้วยสายตาเรือมันน่าจะยาวราวๆ 120-140 เมตร ระวางขับน้ำน่าจะอยู่ที่ราวๆ 20,000-25,000 ตัน ส่วนอายุเรือยังไม่ทราบแน่ชัดนัก
.
ตอนนี้ผมยืนอยู่ที่ชั้น 2 ของเรือ และคิดว่าจะเริ่มสำรวจจากชั้นล่างสุดของเรือก่อนแล้วกัน เพราะเป็นชั้นที่น่าจะลำบากในการทำงานมากที่สุด
.
ทางลงชั้นล่างสุด หรือชั้น 1 พบว่าต้องลงจากบันไดที่อยู่ส่วนท้ายของเรือ ในชั้น 2 นี่เอง
.
19.30 น. ผมลงมาถึงชั้นล่างสุดแล้ว เพดานชั้นล่างค่อนข้างสูงราวๆ 5-6 เมตรได้ ไฟส่องสว่างในนี้มีเพียงไม่กี่จุด จึงทำให้พื้นที่บางส่วนมืดมาก ซึ่งที่ชั้นนี้จะมืดกว่าชั้นอื่นๆด้านบน ก็เพราะว่ามันเป็นชั้นห้องเครื่องของเรือนั่นเอง
.
ป๊อก ป๊อก ป๊อก ...
.
เสียงหยดน้ำที่หยดกระทบกับเหล็ก ดังกังวาลท่ามกลางความมืดมิดที่เงียบเชียบ บรรยากาศภายในชั้นห้องเครื่องนี้มันทำให้ผมตื่นตัวได้ดีทีเดียว
.
จากการสำรวจคร่าวๆในชั้นนี้ พบว่าเรือลำนี้เป็นเรือที่ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ไอน้ำ โดยจะมีตัวเครื่องยนต์ช่องเติมฟืน และแทงค์ต้มน้ำขนาดใหญ่วางตัวเป็นแนวยาวในบริเวณใจกลางของเรือ ส่วนหัว และส่วนท้ายจะเป็นห้องกั้นน้ำ และห้องเก็บสินค้า
.
ถ้าเป็นเรือที่ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์พลังไอน้ำ สันนิษฐานว่าน่าจะเป็นเรือที่ต่อขึ้นในช่วงปี 1900-1940 เป็นแน่ นั่นเท่ากับว่าเรือลำนี้มีอายุเป็นสองเท่าของอายุผม
.
ตอนนี้ผมเริ่มอึดอัด หายใจไม่เต็มปอด เนื่องจากในชั้นห้องเครื่องอากาศไม่ค่อยถ่ายเทอย่างสะดวกนัก หน้าต่างหรือช่องลมก็มีไม่มาก และยิ่งเป็นเรือเก่า ช่องอากาศเดิมหลายๆจุดก็แทบจะถูกปิดตาย
.
ผมรีบเดินกลับไปที่บันไดทางขึ้น ผมกำลังจะก้าวขาขึ้นบันได
.
เพล๊งงงงงง....!!!
.
ด้วยสัญชาตญาณของมนุษย์ที่มีต่อสิ่งเร้า ผมหันขวับกลับไปทันที มันคือเสียงเหล็กหล่นกระทบพื้นเหล็ก ผมพยายามมองหาที่มาของเสียง แต่ก็ไม่เห็นความเคลื่อนไหวใดๆแถมไฟก็สลัวๆสว่างไม่กี่จุด ผมรีบวิ่งขึ้นมาที่ชั้น 2 ทันที ตอนนี้หัวใจผมเต้นเร็วขึ้นมากเลยทีเดียว
.
แต่ก็คิดในแง่ดีว่าเรือมันเก่ามากแล้ว เหล็กบางส่วนอาจจะโดนละอองไอน้ำสะสมมาหลายสิบปีจนผุกร่อน แล้วร่วงหล่นลงมาบนพื้นก็แค่นั้น
.
หลังจากที่ยืนตั้งสติ และสูดอากาศเข้าไปเต็มปอดแล้ว ก็ถึงเวลาที่จะสำรวจชั้น 2
.
ผมเริ่มตั้งต้นการสำรวจคร่าวๆในชั้นนี้ โดยเริ่มจากส่วนท้ายเรือ จากจุดที่ผมเดินขึ้นบันไดมาจากชั้นล่างสุด (ชั้น 1) ในส่วนท้ายเรือฝั่งกราบขวาจะเป็นพื้นที่ครัวขนาดใหญ่ใช้ได้เลย
.
เดินถัดขึ้นมาก็จะเป็นห้องอาหาร และคาเฟ่ เมื่อเดินมาถึงกลางเรือจะเจอโถงใหญ่ที่กินพื้นที่ใจกลางของเรือทั้งหมด และประตูหลักสำหรับขึ้น-ลงเรือของผู้โดยสาร รวมถึงบันไดหลักของเรือที่ใช้ขึ้น-ลง ชั้น 1-3 ก็อยู่ในจุดนี้ด้วย โดยมีช่องลิฟต์อยู่ตรงข้ามกับบันไดหลัก
.
เดินถัดจากโถงขึ้นไปทางหัวเรือ ทางกราบซ้ายก็จะเจอห้องการแสดง ทางกราบขวาจะเป็นพื้นที่ของยิมสำหรับออกกำลังกาย และส่วนหน้าสุดจะเป็นห้องรับรอง รวมถึงบันไดทางขึ้นไปยังสะพานเดินเรือ และห้องกัปตันที่อยู่ชั้น 4 ที่จะต้องผ่านชั้น 2 และ 3 ด้วย
.
20.25 ผมเซอร์เวย์ชั้น 2 เสร็จพอดี และเป็นไปอย่างราบรื่น ซึ่งผมก็ภาวนาให้มันราบรื่นแบบนี้ไปตลอด
.
ผมตั้งใจจะใช้เวลาในการเซอร์เวย์ในแต่ละชั้นไม่ให้มากเกินไป เพื่อที่จะได้มีเวลาสำรวจ ทำบันทึกรายการสิ่งของ และมาร์คจุดสิ่งของที่จะเคลื่อนย้ายออกจากเรือได้มากขึ้น
.
ผมเดินกลับมาที่โถงกลาง เพื่อที่จะเดินขึ้นบันไดหลักไปยังชั้น 3
.
เมื่อขึ้นมาถึงชั้น 3 ก็เจอกับห้องพักเต็มไปหมด ชั้นนี้น่าจะเป็นห้องพักผู้โดยสารชั้นประหยัด หรือชั้นธรรมดา จากลักษณะการจัดผังในชั้น 3 ทั้งส่วนหน้า และส่วนท้าย พบว่ามีทั้งห้องพักที่อยู่ติดริมหน้าต่าง และมีห้องพักที่ไม่ติดหน้าต่างอยู่ตรงกลาง
.
ขนาดของแต่ละห้องน่าจะกว้าง 3 เมตร และยาวราวๆ 4-5 เมตร เห็นจะได้ ทางเดินหลักในชั้นนี้ค่อนข้างแคบน่าจะกว้างแค่ 1 เมตรเท่านั้นเอง และในส่วนท้ายของเรือชั้น 3 ฝั่งกราบขวาจะเป็นห้องน้ำรวมที่ขนาดแต่ละห้องไม่ใหญ่นัก
.
จากนั้นผมเดินผ่านทางเดินกลับไปที่บันไดหลัก เพื่อที่จะขึ้นไปสำรวจชั้นที่ 4 ซึ่งจะเป็นชั้นสุดท้ายแล้ว
.
อีกไม่กี่ก้าวผมเดินจะถึงบันไดอยู่แล้ว
.
ปั้งงงงง.....!!!
.
จู่ๆก็เสียงปิดประตูดังปั้ง...เสียงมันดังมาจากข้างหลัง ผมสะดุ้งโหยง หูผมไม่ได้ฝาดแน่ๆ
.
มันทำให้ความรู้สึกผมชะงักงันไปชั่วขณะ
.
ผมเริ่มกล้าๆกลัวที่จะเดินกลับไปที่ต้นกำเนิดของเสียง แต่มันก็รู้สึกคาใจผมไม่ใช่คนกลัวผี อีกอย่างไฟทางเดินที่ชั้น 3 ก็สว่างนี่นา คงไม่มีอะไรน่ากลัว
.
ผมตั้งสติ รวบรวมสมาธิที่พึ่งแตกกระเจิงเมื่อกี้ให้กลับมา
.
ผมค่อยๆเดินกลับไปในจุดต้นตอของเสียงอย่างช้าๆด้วยท่าทีที่ระวังตัว มันเป็นบริเวณห้องพักที่อยู่เกือบท้ายสุด เยื้องๆกับห้องน้ำรวมที่อยู่กราบขวา
อ่านต่อตอนต่อไป ใน ep.3
โฆษณา