29 ม.ค. 2021 เวลา 00:39 • ธุรกิจ
Roman Abramovich จากเด็กชายขอบก้าวผ่านธุรกิจสีเทาสู่เส้นทางมหาเศรษฐีหมื่นล้าน
1
โรมัน อับราโมวิช นับตั้งแต่เขาได้เข้า take over สโมสร เชลซี ที่สถานะในตอนนั้นเกือบจะล้มละลาย ในปี 2003 มหาเศรษฐีชาวรัสเซียได้เข้ามาเปลี่ยนโฉมหน้าใหม่ให้กับเชลซี ให้กลายเป็นหนึ่งในสโมสรที่ใหญ่ที่สุดในโลก
รวม Blog Post ที่มีผู้อ่านมากที่สุด
อับราโมวิช เรียกได้ว่าใช้ชีวิตในช่วงวัยเด็กที่แสนรันทด ในภูมิภาคห่างไกลจากความมั่งคั่งเมื่อเทียบกับบ้านหลังงามในปัจจุบันย่านไนท์บริดจ์ของลอนดอน
เขาเป็นเด็กกำพร้าตั้งแต่อายุยังน้อย ซึ่งพ่อและแม่ของเขา Arkady และ Irina นั้นได้เสียชีวิตตั้งแต่เขาอายุได้ประมาณ 4 ขวบเพียงเท่านั้น โดยเขาได้รับการเลี้ยงดูจากปู่ย่า ตายายของเขาใน Komi ซึ่งเป็นพื้นที่ห่างไกลโพ้นในไซบีเรีย
ชีวิตการเรียนก็ไม่ได้ฉายแววว่าจะกลายเป็นมหาเศรษฐีแต่อย่างใด เพราะเขาต้องออกจากมหาวิทยาลัยถึงสองแห่ง แต่ก็โชคดีที่ได้เข้าไปอยู่กับทหาร และเริ่มทำการค้าขายจากการนำน้ำมันเบนซินที่ขโมยมาให้กับเจ้าหน้าที่ในกองทัพ
ต้องบอกว่าการสร้างตัวขึ้นมาให้กลายเป็นเศรษฐีในประเทศอย่างรัสเซียนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ อับราโมวิช ก็เริ่มต้นอาชีพค้าขายครั้งแรกของเขาด้วยการขายเป็ดยางจากอพาร์ตเมนต์ของเขาในมอสโก แม้ว่ากิจการแรกของเขาจะประสบความสำเร็จก็ตาม แต่ อับราโมวิช มีความทะเยอทะยานมากกว่านั้น
หลังจากนั้นเขาก็ได้แต่งงานกับ Olga ภรรยาคนแรกของเขา อับราโมวิช จึงใช้เงินจำนวน 2,000 รูเบิล ที่พ่อแม่มอบให้เป็นของขวัญวันแต่งงานนำไปลงทุนในการเพิ่มสต็อกสินค้าของเขา ซึ่ง รวมถึงสิ่งต้องห้ามของทางการรัสเซีย เช่น น้ำหอม ซึ่งเป็นสิ่งผิดกฏหมาย แต่แน่นอนว่ามันสร้างกำไรได้อย่างงามเลยทีเดียว
3
เริ่มสร้างตัวจากทุนที่ได้จากงานแต่งงาน (CR:gentleman’s journal)
ซึ่งหลังจากประสบความสำเร็จอย่างล้นหลามกับสินค้าเถื่อน เขาก็สามารถมีทุนที่จะนำไปร่วมลงทุนในการผลิตของเล่นพลาสติก ชิ้นส่วนยานยนต์ และ ธุรกิจอื่นๆ ที่มีตั้งแต่ ฟาร์มเลี้ยงหมู ไปจนถึงการจัดหาบอดี้การ์ดส่วนตัวให้กับเหล่านักการเมืองหรือผู้มีอิทธิพล
อับราโมวิช นั้นต้องขอบคุณ มิคาอิล กอร์บาชอฟ นายกรัฐมนตรีรัสเซีย ที่เริ่มผ่อนคลายมาตรการของรัฐ เพื่อแปรรูปสหภาพโซเวียตเดิมเข้าสู่ยุคใหม่ และส่งผลโดยตรงต่อ อับราโมวิช ที่สามารถทำให้ธุรกิจของเขาถูกกฏหมายและสร้างกำไรได้อย่างมหาศาล
1
แต่เขาก็ยังคงไม่ละทิ้งธุรกิจสีเทาไปเสียทีเดียว จิตวิญญาณเดิมของเขายังคงอยู่ และทำให้เขาต้องถูกจับในช่วงต้นทศวรรษ 1990 ที่เขาได้ไปขโมยสินค้าบนรถไฟที่เต็มไปด้วยน้ำมันดีเซล แต่เพียงสามปีให้หลัง มันก็ได้ถึงจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญที่ทำให้เขาได้กลายมาเป็นมือขวาของ บอริส เบเรซอฟสกี
4
ในเวลานั้น เบเรซอฟสกี ไม่เพียงแต่เป็นตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ทั่วประเทศ ตัวอย่างเช่น Lada ผู้ผลิตรถยนต์ของรัฐเพียงเท่านั้น แต่เขายังเป็นสมาชิกวงในคนสำคัญของอดีตประธานาธิบดี บอริส เยลต์ซิน อีกด้วย
นั่นทำให้ อับราโมวิช สามารถเข้าถึงบุคคลที่มีอิทธิพลมากที่สุดในประเทศ ซึ่งแน่นอนว่าหากใครต้องการสร้างความมั่งคั่งในรัสเซีย หลังการล่มสลายของสหภาพโซเวียต ก็ต้องมุ่งหน้าเข้าสู่เครมลิน
1
เมื่อ อับราโมวิช สามารถเข้าสู่ใจกลางอำนาจได้สำเร็จ เขาก็พร้อมพุ่งทะยานต่อทันที ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกันกับที่มีการต้องแปรสภาพสินทรัพย์ของสหภาพโซเวียตเดิมอย่างธุรกิจขุดเจาะน้ำมัน ซึ่งมีผลประโยชน์มหาศาล
ก้าวเข้าสู่ใจกลางอำนาจในเครมลิน
เขาได้เข้าซื้อกิจการน้ำมันขนาดใหญ่อย่าง Sibneft ด้วยเงินกู้ที่ได้รับการอนุเคราะห์โดย บอริส เยลต์ซิน ซึ่งทำให้ทั้ง เบเรซอฟสกี และ อับราโมวิช สามารถซื้อกิจการได้ในราคาเพียงแค่ 100 ล้านดอลลาร์เท่านั้น แม้ Sibneft จะมีมูลค่าในตลาดกว่า 600 ล้านดอลลาร์ก็ตามที
1
และ Sibneft นี่เองที่เป็นสิ่งที่สร้างความมั่งคั่งมากมายให้กับ อับราโมวิช ที่กลายเป็นแหล่งสร้างรายได้ให้เขาอย่างมหาศาล อย่างที่เราได้เห็นกันในทุกวันนี้
และเมื่อได้มาซึ่งทรัพย์สินจำนวนมหาศาลแล้ว สิ่งที่เย้ายวนถัดไปสำหรับ อับราโมวิช ก็คือเส้นทางทางด้านการเมือง โดยเขาได้กลายมาเป็นผู้ว่าการภูมิภาค Chukotka ทางตะวันออกสุดของรัสเซียในปี 2000 หลังจากการชนะโหวตอย่างถล่มทลายถึง 92%
เขาเริ่มเข้ามาพัฒนาท้องถิ่น ทุ่มเทเงินไป 180 ล้านปอนด์ ในการพัฒนาระบบการศึกษา โดยการสร้างโรงเรียน และพัฒนาความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นให้กับ Chukotka มีการสร้างโรงพยาบาล โรงแรม ปรับปรุงสนามบินใหม่ รวมถึงการปฏิรูปโครงสร้างพื้นฐานให้กับ Chukutka ขึ้นมาใหม่ทั้งหมด
1
และยังได้บริจาคเงินจำนวน 112 ล้านปอนด์ (132 ล้านยูโร) ให้กับองค์กรการกุศลในภูมิภาคที่ยากไร้ของรัสเซียอีกด้วย
แม้เรื่องราวของ อับราโมวิช นั้นจะผ่านเส้นทางเดินที่ไม่ได้ขาวสะอาดมามากนัก แต่เรื่องราวของเขาก็ได้ให้แง่คิดที่ไม่เหมือนใคร การเปลี่ยนจากคนชายขอบที่ต้องปากกัดตีนถีบมาตั้งแต่เล็ก และเปลี่ยนตัวเองให้กลายเป็นบุคคลที่ร่ำรวยและประสบความความสำเร็จมากที่สุดคนหนึ่งของโลก มันก็ไม่ใช่เรื่องธรรมดาอย่างแน่นอนครับผม
3
โดย อับราโมวิช ได้เคยกล่าวไว้อย่างน่าสนใจตอนเข้ามา Take Over สโมสรอย่างเชลซีว่า “เป้าหมายของผมคือการชนะ ไม่ใช่เรื่องการหาเงิน ผมมีวิธีหาเงินที่เสี่ยงน้อยกว่านี้มาก (ซื้อสโมสรฟุตบอลเชลซี) และผมก็ไม่ต้องการทิ้งเงินไปโดยเปล่าประโยชน์ แต่จริงๆ แล้วสิ่งที่ผมต้องการที่สุดคือ การที่จะประสบความสำเร็จและได้รับถ้วยรางวัลแห่งชัยชนะ”
และผลงานที่ออกมาก็ประจักษ์ให้ทุกคนได้เห็นกันแล้ว กับยุคแห่งความสำเร็จที่ไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์สโมสรเชลซีกว่า 100 ปี ซึ่งรวมถึงถ้วยใบยักษ์อย่าง ยูฟ่า แชมเปี้ยนลีก และ แชมป์พรีเมียร์ลีกอีก 5 สมัย นั่นเองครับผม
The original article appeared here https://www.tharadhol.com/roman-abramovich-story/
รวม Blog Post ที่มีผู้อ่านมากที่สุด
=========================
ร่วมสนับสนุน ด.ดล Blog และ Geek Forever Podcast
เพื่อให้เรามีกำลังในการผลิต Content ดี ๆ ให้กับท่าน
——————————————–
ติดตาม ด.ดล Blog ผ่าน Line OA เพียงคลิก :
=========================
ฟัง PodCast เรื่องเกี่ยวเทคโนโลยีใหม่ ๆ ได้ที่ Geek Forever’s Podcast
——————————————–
ฟังผ่าน Podbean :
——————————————–
ฟังผ่าน Apple Podcast :
——————————————–
ฟังผ่าน Google Podcast :
——————————————–
ฟังผ่าน Spotify :
——————————————–
ฟังผ่าน Youtube :
——————————————–
ติดตาม ด.ดล Blog เพิ่มเติมได้ที่
=========================
โฆษณา