29 ม.ค. 2021 เวลา 07:45 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์
ตลาดหนังในสหรัฐอเมริกาทรุดฮวบ 80% รายได้รวมทั่วโลกตกลงจากเดิม 71% ในปีของโรคระบาด
จากรายงานของวาไรตี ตลาดภาพยนตร์อเมริกาเหนือในปี 2020 ทำรายได้ต่ำที่สุดในรอบ 40 ปี โดยทำรายได้เพียง 2.2 พันล้านเหรียญในแบบหืดจับ ท่ามกลางวิกฤติโคโรนาไวรัส โดยโรงภาพยนตร์ต้องถูกบีบให้ปิดบริการในบางช่วงของปี โดยเริ่มตั้งแต่เมื่อเดือนมีนาคม และเต้องดิ้นรนอย่างหนักเพื่อพาตัวเองให้รอดพ้นวิกฤติ เมื่อในโรงภาพยนตร์ในบางพื้นที่กลับมาเปิดอีกครั้งตอนปลายเดือนสิงหาคม
ผลลัพธ์ที่ได้ก็คือ รายได้รวมของปี 2020 ตกลงจากปี 2019 ถึง 80% จากข้อมูลของคอมสกอร์ เมื่อตัวเลขรายได้ของธุรกิจภาพยนตร์ในสหรัฐอเมริกาตั้งแต่ 1 มกราคม – 31 ธันวาคม 2019 อยู่ที่เกือบๆ 11.39 พันล้านเหรียญ โดยมีหนังทำเงินมโหฬารอย่าง Avengers: Endgame, The Lion King และ Spider-Man: Far From Home
ขณะที่รายได้รวมทั่วโลกก็ตกลงคล้ายๆ กัน รายได้จากการขายตั๋วในปี 2020 เหลือเพียง 12.4 พันล้านเหรียญ ตกจากเดิมถึง 71% จากปีก่อนหน้า โดยในปี 2019 รายได้รวมของตลาดภาพยนตร์ทั่วโลกสร้างสถิติสูงสุดครั้งใหม่ ด้วยตัวเลขรายได้ถึง 42.5 พันล้านเหรียญ
แหล่งทำเงินทำทองของตลาดต่างประเทศในปี 2020 อยู่ที่จีน และเป็นครั้งแรกที่ตลาดจีนกลายเป็นตลาดภาพยนตร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก แม้จะต้องเจอกับผลกระทบจากโรคระบาด แต่ธุรกิจภาพยนตร์ของจีนก็สามารถทำรายได้รวมถึง 2.7 พันล้านเหรียญ โดยหนังมหากาพย์สงคราม The Eight Hundred เป็นหนังทำเงินสูงสุด และไม่ใช่แค่เฉพาะในประเทศจีนเท่านั้น ด้วยรายได้รวมทั่วโลก 461 ล้านเหรียญ ทำให้กลายเป็นหนังทำเงินสูงสุดของปีไปพร้อมๆ กัน
ในสหรัฐอเมริกา Bad Boys for Life หนังเรื่องที่สามของวิลล์ สมิธและมาร์ติน ลอว์เรนซ์ กลายเป็นหนังทำเงินสูงสุดของปี หนังที่สร้างโดยโซนี พิคเฌอร์สเรื่องนี้ออกฉายเมื่อกลางเดือนมกราคม ก่อนหน้าที่โคโรนาไวรัสจะแสดงฤทธิ์ในสหรัฐฯ และเก็บเงินไปได้ 204 ล้านเหรียญในตลาดอเมริกาเหนือ ซึ่งเทียบกันไม่ได้เลยกับหนังทำเงินสูงสุดในอเมริกาเหนือของปี 2019 Avengers: Endgame ที่ทำรายได้ถึง 848 ล้านเหรียญ
อันดับสองเป็นของหนังสงครามโลกครั้งที่ 1 1917 ซึ่งเปิดตัวแบบจำกัดโรงในปี 2019 และกลายเป็นผู้เข้าชิงรายสำคัญบนเวทีออสการ์ หนังเปิดตัวฉายวงกว้างในอเมริกาเหนือเดือนมกราคม และท้ายที่สุดก็ทำรายได้ไป 157 ล้านเหรียญ หนัง Sonic the Hedgehog ของพาราเมานท์ ตามมาเป็นที่สาม ซึ่งถือว่าหนังประสบความสำเร็จเหนือความคาดหมายเมื่อดูจากรายได้ ต่อให้เป็นในช่วงที่ยังไม่มีโรคระบาดก็ตามที หลังจากต้องกลับไปออกแบบตัวละครหลักของหนังกันใหม่ หนังครอบครัวเรื่องนี้สามารถทำสถิติเป็นหนังที่สร้างจากวิดีโอเกมเปิดตัวสูงสุดได้สำเร็จด้วยตัวเลข 58 ล้านเหรียญ และจบรายได้ในโรงที่ 146 ล้านเหรียญ
กับ 12 เดือนที่ผิดไปจากปกติ ปี 2020 ยังเป็นปีแรกนับตั้งแต่ปี 2015 ที่ดิสนีย์ไม่สามารถผลิตหนังทำเงินสูงสุดของปีออกมาได้ ถึงแม้จะมีหนัง The New Mutants ซึ่งเป็นหนังระทึกขวัญในตระกูล X-Men และ Onward แอนิเมชันของพิกซาร์ออกฉายในโรงภาพยนตร์ แต่หนังทำเงินสูงสุดของปี 2020 ในชายคาดิสนีย์ กลับเป็น Star Wars: The Rise of Skywalker ซึ่งเปิดตัวตั้งแต่วันคริสต์มาสปี 2019 ที่เก็บเงินในปี 2020 ได้อีกราวๆ 100 ล้านเหรียญ
นอกจากนี้ปี 2020 ยังเป็นปีแรกที่ดิสนีย์ไม่สามารถครองส่วนแบ่งตลาดในอเมริกาเหนือมากที่สุด แถมยังพลิกกลับด้านอีกต่างหาก สตูดิโอที่มีส่วนแบ่งตลาดมากที่สุดคือโซนี ที่ 22.2% แล้วก็เป็นยูนิเวอร์แซลที่ตามมาติดๆ 21.95% จากรายได้รวม 487 ล้านเหรียญ วอร์เนอร์ บราเธอร์ส และดิสนีย์ตามมาเป็นที่สามและสี่ โดยวอร์เนอร์ฯ ทำเงินในปี 2020 ไป 258 ล้านเหรียญ ครองส่วนแบ่งตลาด 11.66% ขณะที่ดิสนีย์ทำรายได้ 255 ล้านเหรียญ มีส่วนแบ่งตลาด 11.53% อย่างไรก็ตามตัวเลขนี้ ไม่ได้รวมตัวเลขรายได้ของทะเว็นตี เซ็นจูรี สตูดิโอ ที่เคยเป็นทะเว็นตี เซ็นจูรี ฟ็อกซ์ สตูดิโอและทางดิสนีย์ซื้อมา ซึ่งทำรายได้ในปี 2020 187 ล้านเหรียญ ครองส่วนแบ่งตลาด 8.43% แล้วก็ตามด้วยพาราเมานท์ ที่มีส่วนแบ่งตลาด 8.28% เมื่อทำรายได้ 183 ล้านเหรียญในปีที่ผ่านมา
ภาพยนตร์มากมายหลายเรื่องในปี 2020 ต้องถูกเลื่อน หรือถูกยกเลิกการฉายในโรงภาพยนตร์ แล้วส่งลงตลาดโฮมเอนเตอร์เทนเมนท์แทน ขณะที่หนังซึ่งยังเปิดตัวในโรงภาพยนตร์อย่าง Tenet และ The New Mutants ก็ถูกเมินจากผู้ชม ซึ่งยังลังเลกับการกลับไปชมภาพยนตร์ในโรง Tenet ของผู้กำกับคริสโตเฟอร์ โนแลน ที่เป็นหนังบล็อคบัสเตอร์ทุนสูงเรื่องแรก ที่เข้าฉายในโรงภาพยนตร์ในช่วงของการระบาด ทำเงินในสหรัฐอเมริกา-แคนาดาไป 46 ล้านเหรียญ และทำรายได้รวมทั่วโลก 362 ล้านเหรียญ และถัดมาอีกหลายเดือน Wonder Woman 1984 ก็เข้าฉายในวันคริสต์มาส ซึ่งโรงภาพยนตร์กว่า 60% ยังปิดให้บริการ หนังซูเปอร์ฮีโรภาคต่อเรื่องนี้ ที่เปิดตัวพร้อมกันทั้งในโรงและบริการสตรีมิงเอชบีโอ แม็กซ์ ทำเงินในอเมริกาเหนือไป 32 ล้านเหรียญ และ 132 ล้านเหรียญทั่วโลก
นักวิเคราะห์บ็อกซ์ออฟฟิศมองย้อนกลับไปในปี 2020 ที่ไม่มีอะไรเหมือนเดิมด้วยมุมมองในแง่ดี ถึงแม้โรงภาพยนตร์จะปิดให้บริการในช่วงเวลาที่ดีที่สุดของปี ขณะที่หนังใหญ่อย่าง Mulan ไม่เข้าฉายในโรงหนังในอเมริกาเหนือ และ No Time to Die ก็ถูกเลื่อนฉาย แต่ผู้เชี่ยวชาญก็ยังมองว่า ธุรกิจโรงภาพยนตร์จะกลับมาได้
“ถ้าปี 2020 เป็นการพิสูจน์อะไรสักอย่าง ก็คงเป็นประสบการณ์ชมภาพยนตร์ในโรงหนัง ยังมีเสน่ห์, มีความสำคัญ และยืนหยัดท้าทายอุปสรรคที่เข้ามา” พอล เดอร์การาบีเดียน นักวิเคราะห์อาวุโสของคอมสกอร์กล่าว “ถึงกระนั้นปี 2021 จะเป็นการทดสอบที่แท้จริงว่า อนาคตของหนังจอใหญ่จะเป็นยังไง”
#MovieStory: ไปดูโลกหลังหายนะในสายตาของอุตสาหกรรมหนังตะวันออก จาก Alice in Borderland มาถึง Sweet Home...
อ่านแล้วชอบ อย่าลืมกดติดตาม และยังมีเรื่องราวมากมายให้อ่านได้ที่ www.sadaos.com และทำความรู้จักกันได้มากกว่านี้ด้วยการกดไลค์เพจ www.facebook.com/Sadaos

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา