ด่วน !! ข่าวดีมาก วัคซีนของ Novavax
มีประสิทธิภาพป้องกันโรคสูงถึง 95.6%
ทำให้หุ้นกระโดดขึ้นไปถึง 26%
ที่สำคัญคือ มีประสิทธิภาพในการป้องกันไวรัสกลายพันธ์ุสายพันธุ์อังกฤษ(B1117)ได้ถึง 85.6% ด้วย
รายงานการศึกษาวิจัยวัคซีนของบริษัท Novavax สหรัฐอเมริกา ที่ทำการทดลองในประเทศอังกฤษ
ในกลุ่มอาสาสมัคร 15,000 คน อายุระหว่าง 18-84 ปี และมีอยู่ถึง 4000 คน หรือ 27% ซึ่งอายุมากกว่า 65 ปี ซึ่งสำคัญมาก เพราะอายุกลุ่มนี้เป็นกลุ่มเสี่ยงต่อโควิดโดยตรง และจะต้องรับวัคซีนเป็นกลุ่มแรก
ผลการศึกษาวิจัยพบว่า วัคซีนมีประสิทธิภาพในการป้องกันโรคได้สูงถึง 95.6% ในกลุ่มที่เป็น
โควิดสายพันธุ์เดิม
ส่วนไวรัสสายพันธุ์ใหม่ที่กลายพันธุ์เรียกว่า B-117 หรือไวรัสสายพันธุ์ใหม่ของอังกฤษ วัคซีนก็ยังป้องกันได้ถึง 85.6%
ทำให้ค่าเฉลี่ยในการศึกษาวิจัยครั้งนี้ ประสิทธิภาพของวัคซีนสูง 89.3%
โดยมีผู้ที่ติดเชื้อในกลุ่มอาสาสมัคร 62 ราย
เป็นกลุ่มที่ฉีดวัคซีนเพียง 6 ราย
และกลุ่มที่ไม่ได้ฉีดวัคซีน 56 ราย
โดยมีอาการรุนแรงเพียง 1 ราย
ใน 62 รายนี้ เป็นไวรัสสายพันธุ์ใหม่ที่กลายพันธุ์ถึง 32 รายด้วยกัน
ขณะเดียวกันบริษัท Novavax ยังได้ทำวิจัยที่แอฟริกาใต้ ซึ่งงานวิจัยอยู่ในเฟส 2b พบว่าที่แอฟริกาใต้ ผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่เป็นไวรัสกลายพันธุ์สายพันธุ์ใหม่ของแอฟริกาใต้(ซึ่งมีรายงานการศึกษาในหลอดทดลองว่า ไวรัสสายพันธุ์แอฟริกาใต้มีความสามารถในการต่อสู้กับภูมิต้านทานที่เกิดจากวัคซีน) ทำให้ประสิทธิภาพในการป้องกันโรคลดต่ำลงไปเหลือ 60%
ทั้งนี้ผู้บริหารของบริษัทไฟเซอร์และบริษัทโมเดิร์นนาก็ได้ออกมาให้ข่าวอย่างไม่เป็นทางการว่า วัคซีนของทั้งสองบริษัท มีประสิทธิภาพในการป้องกันไวรัสสายพันธุ์ใหม่ของแอฟริกาใต้ลดลงเช่นกัน
วัคซีนของ Novavax ที่ป้องกันได้ 60% คือในผู้ติดเชื้อ 44 ราย เป็นผู้ที่ได้รับวัคซีน 15 ราย และไม่ได้รับวัคซีน 29 รายโดยมีอาการรุนแรงหนึ่งราย
กลุ่มดังกล่าวเป็นกลุ่มที่ผลตรวจโรคเอดส์เป็นลบ
ส่วนในกลุ่มที่มีโรคเอดส์เป็นบวกด้วยนั้นประสิทธิภาพในการป้องกันลดลงไปเหลือ 49.4% แต่กลุ่มตัวอย่างยังเล็กมากคือ 4400 คน
ที่น่าสนใจคือ 92.6% ของเคสที่ติดเชื้อ เป็นไวรัสสายพันธุ์ใหม่ของแอฟริกาใต้
และหนึ่งในสาม พบว่ามีภูมิต้านทานต่อโควิดสายพันธุ์เดิมแล้ว นั่นแปลว่าผู้ที่ติดโควิดสายพันธุ์เดิมที่หายแล้ว ยังสามารถมาติดโควิดสายพันธุ์แอฟริกาใต้ได้อีก
นับเป็นข่าวดีอย่างมาก ที่วัคซีนของ Novavax เป็นวัคซีนตัวแรกที่มีหลักฐานพิสูจน์ว่า มีความสามารถในการป้องกันไวรัสกลายพันธุ์ ทั้งสายพันธุ์ของอังกฤษและสายพันธุ์ของแอฟริกาใต้
ซึ่งกำลังเป็นที่กังวลว่า ทั้งสองสายพันธุ์นั้นจะก่อให้เกิดประสิทธิภาพที่ด้อยลงของวัคซีนที่ผลิตไปแล้วล่วงหน้า
เทคโนโลยีของวัคซีน Novavax เป็นการใช้โปรตีนเป็นฐาน(Protein-Based) ซึ่งเคยใช้ผลิตในวัคซีนไข้หวัดใหญ่(Influenza Vaccine) และวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก(HPV Vaccine) มาแล้ว จึงมีความปลอดภัยค่อนข้างสูง
วัคซีนสามารถเก็บได้ที่อุณหภูมิตู้เย็น 2-8 องศา เซลเซียส ที่สำคัญคือสามารถผลิตได้เป็นจำนวนมากและรวดเร็ว เนื่องจากมีการเติมสารกระตุ้น
(Adjuvant) ให้สร้างภูมิต้านทานได้สูง จึงใช้ตัวโปรตีนจำนวนน้อย
ขณะนี้มียอดการสั่งจองของอังกฤษแล้ว 60 ล้านเข็ม
และสหรัฐอเมริกาก็ได้สนับสนุนเงินให้ 1.75 พันล้านเหรียญสหรัฐเพื่อที่จะจองวัคซีน 100 ล้านเข็ม
และยังได้รับสนับสนุนจาก Bill&Melinda Gates Foundation อีก 15 ล้านเหรียญสหรัฐ
ยังคงมีงานวิจัยทำอยู่ต่อเนื่องที่สหรัฐอเมริกาและเม็กซิโก จำนวนอาสาสมัครกว่า 30,000 คน
เทคโนโลยีโปรตีนเบส(Protein Based) นั้น เป็นการตัดต่อพันธุกรรมของไวรัส(Recombinant Protein) ใส่เข้าไปในไวรัสพาหะที่ไม่ก่อโรค((Baculo virus) และส่งเข้าไปใน Moth cell เพื่อให้มีการสร้างโปรตีน หลังจากนั้นเมื่อผลิตได้เอสโปรตีน(S-protein) แล้ว ก็นำมารวมกันเป็น Nanoparticle บวกกับตัวกระตุ้น( Adjuvant) แล้วฉีดให้กับมนุษย์ เพื่อสร้างภูมิต้านทานต่อไป
ต้องถือว่าเป็นข่าวดีมากอีกข่าวหนึ่ง เพราะมีประสิทธิภาพในการป้องกันโรคได้สูง และยังป้องกันไวรัสกลายพันธุ์สายพันธุ์อังกฤษได้ดี
นอกจากนั้น ก็ผลิตได้เร็วและจำนวนมาก เก็บได้ที่อุณหภูมิตู้เย็นธรรมดาด้วย
จึงทำให้หุ้นของบริษัท Novavax กระโดดขึ้นไปทันที 26%
Reference
- 84
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
