29 ม.ค. 2021 เวลา 15:01 • ดนตรี เพลง
จะเริ่มสร้าง "Digital Music" ได้อย่างไร ? - ตามลำดับเลย คือ:
1
1. อุปกรณ์และเครื่องมือ(Hardware และ Software) ซึ่งปัจจุบันมีให้เลือกมากมาย
1.1 Hardware : เริ่มต้นสิ่งแรกสุดคือ เครื่องคอมพิวเตอร์ ทั้งแบบ Desktop หรือ Laptop ที่มี Ram และ ซีพียู ระดับปานกลางขึ้นไป ผมใช้คอมตั้งโต๊ะอายุมากกว่า 10 ปีมาแล้ว สเป็ค "Pentium(R) Dual-Core CPU E5300 @ 2.60GHz 2.59GHz RAM 4 GB" จะเห็นได้ว่าเก่าแก่มาก แต่ก็สามารถสร้างงานเพลง(ขนาด 32bit) มานานมากกว่า 10 ปีมาแล้ว ดังนั้น คอมฯรุ่นใหม่ๆยิ่งจะทำได้ดีกว่า และ พัฒนาไปได้ไกลกว่าแน่นอน หนุ่มสาวรุ่นใหม่ อย่าให้แพ้เชียวนะ 555
ถัดมาที่ขอแนะนำควรมี กรณีถ้าไม่มี คือ ชุดลำโพงที่มีคุณภาพ ถ้าเริ่มต้น ก็เอาระดับที่มีคุณภาพเสียงระดับปานกลางขึ้นไปสักหน่อย คือตอบสนองย่านความถี่เสียงได้ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งเสียงทุ้ม (ช่วงเสียงต่ำ หรือเสียง Bass) ไม่ใช่ใช้ "ลำโพงก๊องแก๊ง" น้ำหนักเบาหวิว มาตรฐานลำโพงนี้ ให้นำไปใช้กับการเลือกใช้หูฟังด้วยเช่นกัน เพราะภายหลังจากนี้ คุณจะต้องมี VSTi (Virtual Studio Technology - instrument) รวมทั้งโปรแกรม Effects ที่จำเป็นเบื้องต้นอีกมากมายตามมา และหลายๆ Instruments หรือเครื่องดนตรี มีช่วงความถี่เสียงที่มากกว่าปกติ สำหรับการรับฟังเพลงธรรมดาทั่วๆไป นั่นเอง อาทิ เสียง Grand Piano ในช่วงความถี่ต่ำมากๆ หรือ เสียงออร์แกนซินธีไซเซอร์ ที่มีเสียงกลาง-เสียงสูงมากๆ ฯลฯ การคัดเลือก "ลำโพง" (หรือหูฟัง) จึงเป็นเรื่องสำคัญ เพราะแม้ว่า อุปกรณ์หลักๆ อาทิ MIDI Keyboard หรือ MIDI Controller ของคุณจะมีราคาแพง แต่ใช้ Speakers ที่ "คุณภาพไม่ถึง" ก็เปรียบเสมือน คุณใช้ VSTi "Piano" ที่ถูกสร้างเพื่อจำลองเสียง "Stainway & Sons Piano" แต่พอเล่นออกมาเป็นเสียง Toy Piano นั่นเอง หรือ เปรียบดั่งนักดนตรี ระดับโลก เล่นเพลงให้นักร้องชาวบ้านร้องนั่นเอง
Hardware ลำดับถัดมา ก็คือ MIDI Keyboard หรือ MIDI Controller ซึ่งภาษาไทย เรานิยมเรียกว่า "คีย์บอร์ดใบ้" เพราะถ้าคุณนำมาเสียบต่อเครื่องขยาย-ลำโพง โดยตรง มันไม่มีเสียง จะต้องผ่านระบบคอมฯ หรือโน๊ตบุ๊ค ที่มีโปรแกรมกลุ่ม DAW (Digital Audio Workstation) หรือไม่ก็ Sound Module ภายในเครื่อง อันที่จริงแล้ว ตัวแป้นคีย์ที่คุณใช้พิมพ์งาน โพสท์ข้อความ นั่นแหละ ที่สามารถใช้แทน MIDI Keyboard ได้ทันที เพียงคุณมี ซาวน์โมดูล หรือไม่ก็โปรแกรมกลุ่ม DAW (ปัจจุบัน มีหลายคนใช้เพียง คีย์บอร์ดพิมพ์งานธรรมดา ก็สามารถเล่นเพลงทั่วๆไปได้แล้ว ฝรั่ง มีคนเขียนโปรแกรมไว้นานเกือบ 20 ปีมาแล้ว โดยเล่นได้เฉพาะแป้นคีย์ตัวอักษร ซึ่งได้ราวๆ 2 อ็อกเทฟกว่าๆ 1 octave คือความถี่เสียง โด-เร-มี-ฟา-โซล-ลา-ที และครึ่งเสียง รวม 12 ตัวโน๊ต แต่ล่าสุด พี่จีนเราก้าวหน้ากว่าฝรั่ง เขียนให้เล่นได้ทั้งแป้นตัวอักษร และ แป้นตัวเลขด้านขวา นั่นหมายความว่าสามารถเล่นได้มากกว่า 3 อ็อกเทฟทันที เอาไว้ว่างๆจะเขียนและเล่าให้ฟังเฉพาะเรื่องนี้นะครับ เพราะผมก็ใช้มานานกว่า 20 ปีมาแล้ว เวลาพักสายตาจากจอคอมฯ)
 
1.2 Software อย่างที่กล่าวไว้ในย่อหน้าบน MIDI Keyboard ชื่อไทยก็บอกชัดๆแล้วว่า "คีย์บอร์ดใบ้" การนำไปเล่นทันที ต่อพ่วงกับเครื่องขยาย-ลำโพง ในแบบ อีเล็กโทน หรือ คีย์บอร์ดทั่วไปที่จำหน่ายตามท้องตลาด จะไม่มีเสียง เพราะมันไม่มีส่วนของภาคขยายสัญญาณอยู่ในตัวเองเลยสักวงจรเดียว โดยหลักการเบื้องต้น มันทำหน้าที่คล้ายๆกับแป้นคีย์บอร์ดคอมพิวเตอร์ ที่คุณใช้พิมพ์งานกันประจำนั่นแหละ ผู้คนส่วนใหญ่จึงไม่เข้าใจ พอเห็นมี MIDI Keyboard หลายยี่ห้อ มีลิ่มคีย์แบบเปียโน-อีเล็กโทน และซ้ำบางยี่ห้อราคาแสนถูก แค่หลักร้อยบาทหรือพันต้นๆ รีบสั่งซื้อทางออนไลน์มาให้ลูกหลานเล่น ไม่มีเสียง 555 (เคยอ่านโพสท์ในเว็บจำหน่ายออนไลน์ บางรายถึงกับด่าผู้ขายแบบเสียๆหายๆไปเลย 555)
จึงต้องทำความเข้าใจตรงนี้ก่อนนะครับ ส่วนใหญ่แล้ว อีเล็กโทน และ คีย์บอร์ดแบบพกพาทั่วไป อาทิ Casio, YamahaPorta-sound, หรือ คีย์บอร์ดออร์แกนของฝั่งจีนหลายๆยี่ห้อ เป็นระบบ "Analog" คุณสามารถซื้อมา เสียบปล๊กไฟ หรือใส่ถ่าน กดเล่นได้เลย แต่สำหรับ MIDI Keyboard หรือ MIDI Controller ร้อยทั้งร้อย เป็นระบบ "Digital" คุณต้องนำมาเชื่อมต่อกับ คอมพิวเตอร์, โน๊ตบุ๊ค, หรือแม้แต่สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ๆ ที่พ่วงหรือมี ซาวนด์โมดูล ภายใน หรือไม่ก็ต้องมี โปรแกรมกลุ่ม DAW ติดตั้งไว้แล้ว จึงจะทำให้คีย์บอร์ดของคุณ "สร้างเสียงดนตรี" ออกมาได้ ทางลำโพง ปัจจุบันจะเป็นโปรแกรม(ที่จับต้องไม่ได้) มากกว่า ซาวนด์โมดูล(ที่จับต้องได้) ซึ่งมีทั้ง แบบฟรี(เดโม) และแบบเสียเงิน ช่วงแรกๆสำหรับมือใหม่ที่ต้องการเรียนรู้แนะนำ ลงโปรแกรมแบบ Demo ไปก่อน เพราะยังไงๆก็ต้องเรียนรู้ฟังชั่นต่างๆ อีกมากมาย เป็นการติดตั้งโปรแกรมด้วยตนเอง โดยจะ Download จากเว็บไซท์ทางการ ที่จัดจำหน่ายโดยตรง
โปรแกรมกลุ่ม DAW มีมากมาย แต่ที่นิยมกันในระดับ Home Studio ได้แก่ FL Studio, Studio One, และ Ableton ( *คุณสามารถเข้าดูข้อมูลและรายละเอียดเพิ่มเติม ที่ https://www.pongsathornpmusic.com/single-post/the-ultimate-guide-to-9-best-daws-of-2018 )
โปรแกรม DAW ที่ติดตั้งไว้แล้ว มันทำหน้าทีอะไร ? DAW ก็มีหน้าที่แปลงคอมพิวเตอร์ของคุณให้เป็นอุปกรณ์ทำเพลง โดยฟีเจอร์หลักๆ 4 ประการของ DAW นั้นได้แก่
1. Audio Recording/Editing : รองรับการบันทึกเสียงและตัดต่อเสียง
2. MIDI Sequencing : สื่อสารกับเครื่องดนตรีต่างๆ ด้วย MIDI
3. Mixing : ปรับระดับเสียงและปรุงแต่งเสียงของแทร็คต่างๆ ด้วย Mixer
4. Mastering : ปรับปรุงคุณภาพเสียงในขั้นสุดท้ายก่อนจะเป็นแทร็คที่เสร็จสมบูรณ์
ภายหลังจากที่คุณติดตั้ง DAW ไม่ว่าจะเป็นค่ายไหนก็ตาม เรียบร้อยแล้ว โดยทั่วไปก็สามารถใช้ คีย์บอร์ดพิมพ์งานของคุณ ให้กลายเป็นเสมือน MIDI Keyboard ได้ทันที จะใช้ Test Sounds หรือ เล่นเพลง หรือแม้แต่สร้างงานเพลงก็ทำได้เช่นเดียวกัน แต่จะสะดวก และง่ายกว่ามากขึ้น ถ้าเชื่อมต่อเข้ากับ MIDI Keyboard เพราะจะช่วยให้คุณเล่น หรือทำงานเพลง สร้างผลงานดนตรี ได้ง่ายมากขึ้น มีความพิถีพิถัน ละเอียดมากขึ้น เนื่องจากแสดง หรือรวมฟังชั่นต่างๆ ในการเล่น หรือทำงานเพลง ไว้เป็นกลุ่มเดียวกัน ในรูปแบบ ตัวเลื่อนระดับเสียง ตัวสไลด์เสียง ปุ่มหมุน(Knob) หรือ ปุ่มกดต่างๆ ไปจนถึงลิ่มคีย์ที่เป็นแบบ Velocity คือเป็น Touch Sensitivity ตามระดับการกดลิ่มคีย์หนักเบา ซึ่งแน่นอนว่า แป้นคีย์พิมพ์เอกสารทำไม่ได้ เป็นต้น
2. ความรู้-ทักษะด้านดนตรีเบื้องต้น และ แรงบันดาลใจ
แน่นอน พรสวรรค์ แม้จะไม่มี แต่สำหรับคนทั่วไป สามารถใช้ "พรแสวง" แสวงหาความรู้ได้ ในศาสตร์ทุกแขนง บนโลกใบนี้ ความรู้เบื้องต้นด้านดนตรี ก็ไม่ใช่เรื่องยุ่งยากอีกต่อไปแล้วในยุคสมัยไอที และเครือข่ายอินเตอเน็ท รวมทั้งการฝึกฝน ที่จะทำให้เกิดทักษะ การเล่น และการสร้างงานเพลง ก็สามารถทำได้ง่ายกว่าเมื่อ 30 ปีที่แล้วมากมายจริงๆ
อาทิตัวอย่าง ถ้าคุณชอบเพลงใดสักเพลง เรื่อง สกอร์โน๊ตบนบรรทัด 5 เส้น แบบสมัยก่อน เอาเก็บไว้ก่อน แต่มาเน้น "ทักษะการฟัง" จากเสียงเพลง ฟังซ้ำๆ พร้อมๆกับศึกษาการสร้าง(กด)คอร์ดบนลิ่มคีย์ คอร์ด C, F, G7 ฯลฯ มี Pattern ในการกดอย่างไร แน่นอนหาภาพตัวอย่างได้ทางอินเตอร์เน็ทอีกเช่นกัน! พร้อมๆกับฟังซ้ำๆจากเพลงที่คุณได้ Save เก็บเอาไว้ ในที่สุดไม่ถึงสัปดาห์ คุณก็จะสามารถเล่นเพลงๆนั้นได้เอง โดยอาจไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่า อ้าวเล่นได้แล้วเหรอ 555 และเมื่อนำมาเล่นบนโปรแกรม DAW ก็จะสามารถ "แปลงมาเป็นไฟล์MIDI" และ "แปลงมาเป็นสกอร์โน๊ต" บนบรรทัด 5 เส้น เหมือนเช่นที่นักดนตรีทำกัน ในที่สุด
แน่นอนสำหรับทั้งหมดที่กล่าวมานี้ ขึ้นอยู่กับว่า ตัวคุณเองมี "แรงบันดาลใจ" แค่ไหน และระดับใด เท่านั้น เพราะในยุคโลกอนาคต "โลกดิจิตอล" มีแนวโน้มที่ "กาย"(วัตถุ) มีความสำคัญลดน้อยถอยลงแต่ "จิต" มีความสำคัญมากขึ้น หลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้นจริง แต่กลับ "จับต้องไม่ได้" เทคโนโลยีมีราคาที่ถูกลงอย่างรวดเร็ว (ต้นทุนต่ำลงบวกกับมีขนาดเล็กลงอย่างมหาศาล) อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมากก่อนในประวัติศาสตร์มนุษย์ ทุกๆคนบนโลกสามารถ "มี" และ "เข้าถึง" อุปกรณ์ (Device) ได้อย่างเท่าเทียมกันมากกว่ายุคสมัยใดๆไปแล้ว แน่นอนที่ ตัวตัดสิน "ความไม่เท่าเทียมกัน" จึงไม่ใช่เพียงเรื่อง "ความรู้" แต่กลับจะเป็นเรื่องของ "แรงบันดาลใจ" ที่มีไม่เท่ากัน เท่านั้นเอง ^_^
* ขอขอบคุณ คุณ Pongsathorn Posayanonth: Film Music Composer
[https://www.facebook.com/pongsathornposayanonth] สำหรับข้อมูลประกอบบทความนี้
โฆษณา