30 ม.ค. 2021 เวลา 06:16 • ประวัติศาสตร์
“ด้วยอำนาจของน้ำมนต์ ภะคะวา ___ ให้เงินทองไหลมาเทมา”
พระครูสังวรานุโยค (ช่อ ปัญญาปทีโป)
"ด้วยอำนาจของน้ำมนต์ ภะคะวา__ให้เงินทองไหลมาเทมา"
พระคาถานี้ หลวงพ่อช่อ วัดโคกเกตุ เมืองแม่กลองท่านเมตตาภาวนากำกับยามเมื่อเราไปขอน้ำมนต์อันเปนที่เลื่องลือของท่านใส่แกลลอนกลับมาประพรมที่บ้าน
ท่านสั่งว่า
"น้ำมนต์นี้ชื่อน้ำมนต์ ภะคะวา ตื่นเช้ามาให้เอาประพรมที่หน้าร้าน ประพรมที่ข้าวของที่จะขาย เวลาประพรมให้ภาวนา ว่า
ด้วยอำนาจน้ำมนต์ภะคะวา_ให้เงินทองไหลมาเทมา"
"ใครหัวเราะเยาะ ใส่เรา จะยิ่งขลัง"
"ห้ามผสมน้ำเพิ่มนะ ใช้ได้เท่าที่เอาไป อย่าผสมน้ำเพิ่ม"
หลวงพ่อช่อ กับบาตรน้ำมนต์
ปี 2545-6 ครอบครัวไปจับธุรกิจทำนากุ้ง เปนนากุ้งน้ำเค็มแต่ว่าไปเลี้ยงกันอยู่ในบ่อบางเลน เขตจังหวัดนครปฐม ใช้วิธีซื้อน้ำทะเลบรรทุกรถมาใส่บ่อ แล้วมีมาตรวัดความเค็มจับเอาให้ได้ระดับ
เวลานั้นกิจการเลี้ยงกุ้งส่งขายเมืองนอกเฟื่องฟู ลงทุนแสนบาท ในระยะเวลาสามเดือนได้คืนเท่าตัว มีหมอสัตว์มาเปิดห้องแล็ปทดสอบน้ำบ่อนากุ้ง ตรวจโรคให้กุ้งกันอยู่ทั่วไป ทรัพย์ในดินสินในน้ำนี้ ตกกลางคืนจะต้องเฝ้า เฝ้าอย่างว่านอนกอดปืน ด้วยภัยโจรในดงนั้นมีชุกชุม ปวงพวกเขาหากินบนความทุกข์แห่งเรา ผู้ซึ่งไปหากินบนชีวิตสัตว์น้ำนั่นอีกทีหนึ่ง
ความยินดีในกำไรแห่งอาชีพเลี้ยงสัตว์ฆ่าสัตว์นั้นชะรอยจะอยู่ไม่นาน เงินลงทุนขยายบ่อเช่าพื้นที่เพิ่มนั้นลงได้ไม่นานก็บังเกิดเหตุประหลาด
"กุ้งลอย"
คำๆนี้เกษตรกรนากุ้งหวั่นไหวนัก หากว่า "กุ้งลอย" ด้วยว่ากุ้งนั่นมันเปนสัตว์หากินหน้าดินใต้น้ำ เราจักไม่เห็นตัวมันหรอก หากว่ามันสุขภาพดี แต่ทว่าถ้าเกิดมีเรื่อง ไม่ว่าอากาศเปลี่ยน ความเค็มเปลี่ยน ห่าลง พวกมันทั้งหลาย_ไม่ไหว มันจะลอยแพขึ้นบนผิวน้ำ อันเปนสัญญาณแห่งความหายนะมาถึง
1
เวลานั้นทุกคนทุกฝ่ายเห็นวิบัติภัยมาเยือนกุ้งทยอยลอยขึ้นทุกบ่อจากจำนวน 12 บ่อ
ผู้มีหน้าที่ก็วิ่งวุ่น ตักน้ำตักกุ้งไปห้อง "แล็ป" เลาะไปตั้งแต่ย่างบางเลนเลยลงไปจนจะถึงมหาชัยบ้านแพ้ว สัตวแพทย์ก็ส่ายหน้า หาความผิดปกติไม่เจอ
ยังมีผู้รู้ผู้หนึ่ง เมื่อทราบถึงหายนะจะมาเยือน ดังนี้ ท่านก็ให้ความเมตตา ในความมืดนั้น ชี้ช่องส่องไฟให้ไปกราบพระอภิญญารูปหนึ่ง นามกรว่า พระครูช่อ อยู่วัดโคกเกตุ เเม่กลอง
โอ่งน้ำมนต์ วัดโคกเกตุ
เวลานั้นพระเดชพระคุณมีชนมายุสูงมากแล้ว
ร่างสูงโปร่งขาวใหญ่ของท่านนั่งสุขุมอยู่บนเก้าอี้เคียงด้วยตั่งวางของสัพเพเหระ ในอาคารศาลาการเปรียญหลังคาสูง เวลานั้นท่านเจ็บด้วยอาการไข้ น้ำมูกใสไหลออกจมูกข้างขวาต้องซับออกด้วยกระดาษฟางขาวทุกครึ่งนาที
มีผู้คนเข้าไปกราบสักการะมาก พวกเขาเหล่านั้นจะซื้อแกลลอนใหม่ๆที่ทางวัดมีขาย แกลลอนละ 30 บาท เอาไปตวงน้ำมนต์ในโอ่งเซรามิคลายสีขาวแปดเหลี่ยมกลางศาลา ไขฝาปิดแล้วหอบหิ้วมาหาท่าน อย่างว่าจะให้ท่าน "มนต์" ให้อีกครั้ง
สมเด็จทรง กระสุนแบน
ท่านมอบพระสมเด็จสีขาวแจกให้ทุกคนไป ไม่เรียกร้องอะไรจากผู้มาเยือน
เมื่อถึงคราวของเราท่านได้เพ่งอภิญญามองว่า ปัญหาที่เรากราบเรียนนั้นจะแก้ไขอย่างไรได้ จากนั้นท่านจึงว่า
หลวงพ่อได้เปนพระครูสัญญาบัตรตั้งแต่ตอนหนุ่ม
"มีกี่บ่อ?"
เรากราบเรียนว่า 12 บ่อ ท่านพยักหน้าและเข้าสมาบัติด้วยอาการสำรวม แล้วเมตตาชี้แนะว่า
"เอาน้ำมนต์ไปนะ ไปเทลงบ่อที่มุมบ่อสี่ทิศ ทิศละแกลลอน"
"ห้ามผสมน้ำนะ เทไปอย่างนั้น ผสมน้ำแล้วใช้ไม่ได้"
เรากราบลาด้วยความหวังเรืองขึ้น และทุลักทุเลตวงน้ำมนต์ใส่รถให้ได้ 48 ถัง
ระยะทางเกือบสองชั่วโมงถึงบางเลนนั้น เราไม่รีรอจะเทน้ำมนต์ลงบ่อกุ้งทั้งหลาย ยามเย็นสายลมพัดมา ก็ให้ได้พบว่ากุ้งที่ลอยนั้น ค่อยๆจมลง สถานการณ์กลับสู่ภาวะปกติ
พัดยศ พระครูสัญญาบัตร
เก็บกุ้งขายได้แล้ว ปวงเราทั้งหลายพร้อมใจกันไปเลี้ยงเพลพระ ที่วัดโคกเกตุ ซึ่งพระเดชพระคุณเปนเจ้าอาวาส ประธานของคณะนั้นเราเชิญแม่ของทุกคนไป เวลานั้นท่านอายุได้แปดสิบปี
ที่ศาลาฉันจังหันยามเพลนั้น เเลดูพระเดชพระคุณเดินเหินเเคล่วคล่อง ร่างใหญ่สูงขาวนั่งเปนประธานสงฆ์ เรียกเอาภิกษุสามเณรทั้งอารามมารับภัตตาหาร
รายรอบนั้นเห็นเรือพายสำปั้นทรงเรียวแบบชาวแม่กลองแขวนอยู่ในโรงเรือ เปนเรือเรียวบางที่พระภิกษุสงฆ์ในอารามพายออกโปรดสัตว์บิณฑบาตลัดเลาะไปตามคูร่องคลองลัดแห่งดงชาวสวนทุกเช้า
รูปเรือสำปั้น ฝีมือชุมชนคนรักหัวตะเข้ถ่าย
ประเคนหวานแล้ว เราทั้งหลายนั่งรออังคาสพระอยู่ ท่านเปรยขึ้นมาว่า
"เลี้ยงกุ้งขายจะทำไปอีกนานเท่าไร?" และส่งนัยยะแห่งการบิณฑบาตขอเราให้ละเสียซึ่งชีวิตสัตว์ค้าขายยังขีพ
1
พระมหาไถ่ ผู้เฝ้าคอยรับบาปเคราะห์ไถ่ทิ้งให้ ในพระพุทธศาสนาฝ่ายไทยเปนอย่างนี้
ท่านเล่าให้ฟังว่า
ทุกเช้ามืดตีสาม ท่านจะลุกขึ้นมาทำน้ำมนต์ น้ำมนต์นี้ท่านทำได้เองตั้งแต่อายุห้าขวบ ท่านไม่รู้ว่าทำไมจึงทำได้ แต่ท่านรู้ว่าท่านต้องทำ ท่านได้ทำน้ำมนต์นี้เรื่อยมาทุกเช้า เปนวัตร
ยามเมื่อท่านเข้าสู่เพศภิกษุภาวะแล้ว ท่านก็ถือวัตรนี้
ครั้งหนึ่งสมเด็จพระมหาสมณเจ้า เสด็จตรวจการณ์คณะสงฆ์แม่กลอง มาถึงวัดโคกเกตุบุญญสิริ ทรงสอบสวนกิริยาการทำน้ำมนต์ออกเเจกจ่ายของ พระช่อ
ท่านได้กราบทูลตอบคำถาม ว่าท่านทำได้เองตั้งแต่อายุห้าขวบ ท่านไม่รู้ว่าทำไมจึงทำได้ แต่ท่านรู้ว่าท่านต้องทำ ท่านได้ทำน้ำมนต์นี้เรื่อยมาทุกเช้า เปนวัตร
สมเด็จทรงมีพระวินิจฉัย ว่า "ชะรอยจะเปนสัญญาเก่า ติดมาแต่ชาติปางก่อน"
พระบูชาหลวงพ่อ
น้ำมนต์ของท่านนี้ ท่านว่า "ชื่อ น้ำมนต์ภะคะวา" เวลาใช้ประพรมสิ่งของจะขายให้ภาวนา
ว่า
"ด้วยอำนาจน้ำมนต์ภะคะวา_ให้เงินทองไหลมาเทมา"
มีทนายผู้ใหญ่ในจังหวัดนครปฐมตกที่นั่งลำบากจะขายอาคารตึกแถวสำนักงานสามคูหา ราคาก็ถูกมาก แต่หามีผู้ใดติดต่อมาขอซื้อไม่เปนเวลาปีกว่า
ได้ประพรมอาคารด้วยน้ำมนต์ภะคะวา ที่หลวงพ่อแผ่เมตตาให้ ไม่นานก็ขายได้
ผู้ขายรถยนต์มือสองก็เจอประสบการณ์ค้าง่ายขายคล่องเช่นเดียวกัน
หลวงพ่อกำชับนั้นมีอยู่สองประการ คือ
1. ห้ามผสม
2. ใครหัวเราะใส่ว่าเรางมงายจะยิ่งขลัง
หลวงพ่อช่อ วัดโคกเกตุ ฉายาปัญญาปทีโป เปนคนเขาย้อย มีรูปงามมาแต่ยังเยาว์ เมื่ออายุ22ท่านอุปสมบทที่พัทธสีมาวัดบางเค็ม เปนสัทธิวิหาริกในหลวงพ่อชุ่ม วัดกุฏีบางเค็ม ท่านสืบวิชาทางคงกะพันจากหลวงพ่อชุ่ม พระสมเด็จของท่านนั้นมีผู้พกพาไปแล้วถูกจ่อยิงที่ศีรษะ ปรากฏว่าลูกกระสุนติดแบนยู่อยู่ที่หน้าผาก ไม่สามารถยิงเข้ากะโหลกได้
ต่อมาท่านเข้าไปต่อวิชาด้วยคุณหลวงพ่อสด วัดปากน้ำ ท่านทำลูกแก้วสารพัดนึกด้วย ยามนั้นเราพาคณะที่ทำงานไปกราบท่าน ท่านให้ไปตีกลองเภรีที่ศาลา ภาวนาว่า "ชิตังเม" ให้ชนะทุกสิ่ง
เหรียญรุ่น 2 หลวงพ่อช่อ ฝีมือออกแบบนายช่างเทวดา เกษม มงคลเจริญ เครดิตภาพ The Siam Arts & Treasures IG
ท่านบอกว่าการอบรมสั่งสอนคน จะพูดคำหวานๆเสมอไปไม่ดีต้องมีการพูดถูกแพงๆปะปนกันไป
เหรียญรูปไข่รุ่นสองของท่านเปนที่นิยมมากกว่ารุ่นแรก ด้วยว่าสวยงามนักออกแบบโดยนายช่างเทวดา เกษม มงคลเจริญ เมื่อปี 2519 หลังท่านรับพระราชทานพัดยศพระครูสัญญาบัตร ที่พระครูสังวรานุโยค นับเปนสมาชิก "ทีมสังวร" อีกรูปหนึ่ง หลังจากมรณะละสังขารในปี 2551 สรีระสังขารของหลวงพ่อนั้นกลับไม่เน่าเปื่อย คงสภาพเหมือนท่านนอนหลับไป และแข็งกลายเปนหินไม่มีกลิ่นเหม็นเลย
ทุกวันนี้สังขารไม่เน่าเปื่อยของท่านยังอยู่ในโลงประดับมุข
เรือแบบเดียวกันที่วัดกระทุ่มเสือปลา
โฆษณา