30 ม.ค. 2021 เวลา 14:17 • ท่องเที่ยว
"ภูกระดึง"
การเที่ยวในแต่ละครั้ง
ให้ประสบการณ์​ ที่หาไม่ได้จากการดู
ภูกระดึง 2020
หลังจากช่วงที่แข่งขันลด​น้ำหนักกับที่ออฟฟิศแล้ว
เราก็เครื่องร้อน....เพราะวิ่งรอบสนาม​ 5​ km.ได้แล้ว
เลยคิดว่าเราต้องไปปีนเขาสักหน่อย
จากที่เคยพูดลอยๆ อยู่หลายครั้ง
ว่าอยากไป ภูกระดึง
ในที่สุด... ก็ถึงวันที่ได้ไปจริงๆสักที
ก่อนไป​ เพื่อนวิ่งเทรล บอกว่า​
"มึงต้องออกกำลังขาเยอะๆนะ สควอช เยอะๆ"
เราก็ได้แต่คิดในใจว่ามันขนาดนั้นเลยหรอ
ก็แค่เดินขึ้นเขา​ 5​ km.​ ปกติก็วิ่งได้อยู่แล้ว
ป้ายระยะทาง ก่อนขึ้นภูกระดึง
ระยะทางจากข้างล่าง​จนถึงหลังแป​
ประมาณ​ 5.5 km
หลังแป​ คือจุดสิ้นสุดการปีนเขา​ เป็นทางเรียบๆ
ให้เราเดินได้ชิลๆ ไปจนถึงวังกวาง
ซึ่งวังกวางก็คือจุดกางเต็นท์นั่นเอง
แวะได้ทุกร้าน น้ำแข็งไส เฉาก๊วย 😆
พอเอาเข้าจริงทางเดินขึ้นเขา​ 5.5​ km.
เป็นอะไรที่ยาวนานมาก​ และเหนื่อยมากๆ
เราพักทุกซำที่มีที่ให้พัก
แวะกินน้ำแข็งไส​ และเฉาก๊วยตลอดทาง
ของกินมีให้กินเกือบตลอดทาง​
พกน้ำไปน้อยๆก็พอ​ แบกเยอะแล้วเหนื่อย
แต่ราคาของก็จะสูงขึ้นเรื่อยๆ​
ตามค่าแรงที่ต้องจ้างคนแบกขึ้นมานั่นแหละ
ช่วง 1-2 km.แรก
เส้นทางระหว่างขึ้น​ภู ช่วง1-2​ km.​ แรก
ต้นไม้จะค่อนข้างแห้งแล้ง​
ต้นไม้แห้ง​ให้อารมณ์ฤดูใบไม้ร่วง😂😂😂​
ตรงนี้เรายังเดินได้แบบชิลอยู่​ ยังไ​ม่เหนื่อยมาก
ช่วงแรกๆ​ จะเป็นทางชัน
อยากจะบอกทุกคนว่าไม่ต้องเร่ง
ค่อยๆเดิน​ เดินไปพักไป​ แวะถ่ายรูป​ อะไรไปก่อน
ถ้าเร่งมากไป... ช่วงหลังๆจะหมดแรง​ เดินไม่ไหว
พอเดินไปเรื่อยๆ​ ต้นไม้ก็จะเริ่มหนาขึ้น
เห็นใบไม้สีเขียวมากขึ้น​
และทางก็จะเดินยากขึ้นด้วย
ทางเดิน1กิโลเมตรสุดท้าย
ในระยะ​ กิโลเมตรสุดท้ายก่อนถึงหลังแป
ทางชันมาก​ จนต้องมีบันไดให้ปีนขึ้น
ถึงมีบันไดเราก็ยังรู้สึกว่ามันก็ยังเดินยากอยู่ดี
บันไดที่พาดตั้งอยู่กับหินเกือบจะ​ 90องศา
คิดถึงตอนลงแล้วว่าเราจะลงยัง​ไง​ 😆😆
และช่วงนี้จะมีป้ายเตือนระวังช้างป่า​ อยู่ตลอดทาง
ดีในวันที่เราไป​ น้องไม่มาเดินเล่นให้เห็น
ถ้าเป็นแบบนั้น.. เราคงได้เหนื่อยเพิ่มไปอีกแน่ๆ
จนในที่สุดเราก็ถึงหลังแป กันสักที
ถึงกันแบบสะบักสะบอมมาก.... 😅😅
ทางจากหลังแปไปวังกวาง
จากหลังแป...ใช่ว่าเราจะได้นอนพักกันได้เลย
ยังต้องเดินต่อไปอีก​ 9km. เพื่อไปจุดกางเต๊นท์
ถึงตอนนี้รู้สึกอยากเรียกแกร๊บไบท์มาก
ทำไม.. ไม่มีแกร็บไบท์คะ​ ทางเป็นถนนแบบนี้
เอารถขึ้นมาขับได้นะ.....
เมื่อไม่มีรถ ก็ต้องทำใจ
หลักจากล้างหน้า​ เข้าห้องน้ำกันเรียบร้อย
เราก็เดินกันต่อ.... และพักไป1ครั้ง​
ก่อนจะถึงจุดกางเต๊นท์
เพื่อนกางเต๊นท์ให้เรียบร้อย
เมื่อไปถึงจุดกางเต๊นท์​วังกวาง
เราก็ไม่ต้องทำอะไรแล้ว
เพราะเพื่อนที่วิ่งเทรล​ กับแฟนนาง
ขึ้นมาจัดการกางเต๊นท์ไว้ให้เรียบร้อย
ใช่ค่ะ...นางขึ้นมาถึงก่อน​
และใช้เวลาแค่​ 4​ ชั่วโมงมาถึงที่นี่​
จากนั้น​ก็อาบน้ำ​ กินข้าว​ และกางเต๊นท์ 5หลัง
และหลับไป​ 1​ ตื่น​
เห็นข้อดีของการออกกำลังกายเลย​ 😂😂
และพวกเราที่เหลือ​ ใข้เวลา​ 8ชั่วโมงนิดๆ
เดินจิง​น่าจะ4ชั่วโมง​
อีก4ชั่วโมงพักกิน​ พักนั่งตลอดทาง
เมื่อมาถึงแล้วเราก็มานั่งรอกระเป๋า
จากพี่ๆ​ นักหาบ​ ของจะถูกเอามาวางไว้กลางลาน
เราไปเอาของและจ่ายเงินกับพี่ๆเค้าโดยตรงได้เลย
เป็นอาชีพ​ ที่โหดมาก​ๆ​
ที่เราเห็นมีทั้ง​ ผู้ผญิง ผู้ชาย​ และเด็ก​มัธยม​
น้องๆบอกว่ามาหาเงินช่วงวันว่าง...กัน
นับถือเลยค่า
ช่วงเย็นวันแรกที่ขึ้นไปถึง​
เราเดินไปดูพระอาทิตย์ตก
ระยะทางไปกลับก็แค่​4 km.​เท่านั้นเอง
เราเดินไปครึ่งทาง​ ได้แต่คิดว่าเราอยากดูพระอาทิตย์ตกหรอ? ​😂😂
นั่งดูที่เต๊นท์กันไหม​ แต่เมื่อคนอื่นๆ​จะไป
เราจะอ่อนแอไม่ได้ไง... เราต้องเข้มแข็ง
ไปก็ไป... ก็ได้
เดินๆๆ กันอีกรอบไปดูพระอาทิตย์ตก
พอไปถึง... ใช่่คะ​
มองไม่เห็นพระอาทิตย์​เลย 😂😂
ไม่รู้ว่าเค้าตกไปแล้ว​ หรือเพราะสภาพอากาศ
เราก็เดินเหงาๆกลับเต๊นท์กันเถอะค่ะ​
เช้าวันต่อมา​ เราได้ข้อสรุปกันแล้วว่า
ถ้าจะเดินเที่ยวให้รอบๆ​ คงจะไม่ครบ
เลยตัดสินใจเช่าจักรยาน
ปั่นจักรยานบนภูเขาสนุกดีนะคะ...
ยิ่งทางเป็นดินทรายนี่...อื้อหือ​ อย่าให้พูดเลยค่ะ
เรียกว่าแบกจักรยานเดินดีกว่าค่ะ
เหมือนเราเอาจักรยานมาแบกเล่นเลยค่ะ
แต่ก็ได้ไปหลายที่​ ทั้ง​
น้ำตก(ที่ไม่มีน้ำ)
และผาต่างๆ​ ให้เราไปนั่งเล่น​ นอนเล่นกัน​
เราก็ปั่นกันไปเรื่อย​
แวะกินข้่าวที่จุดชมวิวแต่ละผา
จนถึงตอนเย็น...
ใช่ค่ะ... เราต้องดูพระอาทิตย์ตกกันอีกแล้ว
จุดนี้.. คือจุดไคลแม็กเลยค่ะ
ทุกคนต้องมาถ่ายรูปที่จุดนี้กัน
เราเลยไม่ได้ถ่ายค่ะ... เพราะขี้เกียจต่อคิว​😅
ถ่ายแต่วิวมาให้เพื่อนๆได้ดูละกัน
ตะวันตกแล้ว
ถามว่าสวยไหม... ก็สวยนะ
แต่พอถึงตอนเย็น​อุณหภูมิก็ลงลงแบบไม่ได้ตั้งตัว
เราไม่มีเสื้อกันหนาวกันเลย... นั่งหนาวๆกัน
และจากจุดนี้ถึงที่พักก็ค่อนข้างไกล
ประมาณ​ 9​km.​ เราเลยคิดว่าควรกลับกันได้แล้ว
เจ้าหน้าที่เอาไฟมาติดจักรยานให้ทุกคน
เพราะสองข้างทางที่ปั่นกลับ​ ไม่มีไฟเลย
มันมืดมากๆ​ จนแทบมองไม่เห็นทาง
แต่เรารู้สึกปั่นเก่งกว่าตอนขามา​ มาก
พอไม่เห็นว่าเป็นพื้นทราย​ เราก็ปั่นไม่หยุดเลย
ไม่ได้แบกจักรยานเหมือนตอนขามาแล้ว
ปั่นไปสักพักจนไปเจอเจ้าหน้าที่​ กำลังรวมกลุ่มอยู่
เพื่อนนักวิ่งเทรล​ เลยบอกว่า
เราควรไปปั่นเป็นกลุ่มกับเจ้าหน้าที่
เพราะทางที่เราปั่นเป็นทางอยู่ริมผา.. และมันมืด
มองไม่เห็นว่าตรงไหน​กว้้าง.. หรือแคบลง
เวลาปั่น​ เจ้าหน้าที่จะตะโกนบอกตลอดทาง
ว่าให้ชิดซ้าย​ หรือข้างหน้ามีหิน​ มีกิ่งไม้
ทุกคนก็จะตะโกนบอกคนข้างหลังไปเรื่อยๆ
จนเรากลับถึงเต๊นท์กันโดยสวัสดิภาพ
ไม่เจอสิ่งเร้นลับ​ เหมือนที่เคยอ่านรีวิว​😱😱
ปั่นจักรยานท่ามกลางแสงจันทร์
เป็นการเที่ยวที่​ สนุก​ดี​ ได้ทำอะไรแปลกๆ
เราเคยอ่านรีวิวการเที่ยวภูกระดึง
ภาพสวยๆที่คน​ รีวิวไว้
มันเทียบไม่ได้เลย.....
กับการเดินทางจริงเพื่อไปถึงตรงนั้น
นอกจากความสวยงามของธรรมชาติ
เรายังต้องสู้กับธรรมชาติในตัวเรา
ที่เรียกร้องให้เราหยุดเดิน​ ​ให้เราพัก​ ตลอดทาง
แต่พอเราทำมันได้​ รู้สึกชนะทุกๆอย่าง
และที่สำคัญกว่านั้น.. คงเป็นเพื่อนร่วมทาง​
เราจะรู้สึก​ ไม่เหนื่อย​ มีแรง​เดินต่อ
เมื่อมีมิตรภาพดีๆ​ อยู่ข้างๆ
คอย​ช่วยเหลือ​ ดูแล​ จนไปถึงจุดหมาย
อันนั้นแหละ... ที่สำคัญที่สุด
สำหรับการเดินทางไกล.....
ลองไปกันสักครั้งนะคะ​ ที่นี่ให้อะไรมากจริงๆ
ไว้ครั้งหน้าพบกันใหม่นะ... ภูกระดึง
ปล.​ มีคนถามเยอะว่าเราปวดขาไหม?
จะบอกว่าไม่ปวดเลยค่ะ​
เพราะกินยาคลายเส้นทุกวันเลย...
ร้านขายของข้างบนมีขายค่ะ​ 😆😆

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา