30 ม.ค. 2021 เวลา 15:33 • ไลฟ์สไตล์
ไวน์คืออะไร และ ไวน์มีกี่ประเภท?
ไวน์ หรือ เหล้าองุ่น เป็นเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ทำจากการหมักน้ำองุ่นแดงหรือเขียวกับยีสต์ที่มีตามธรรมชาติจากเปลือกองุ่น ยีสต์จะกินน้ำตาลแล้วเปลี่ยนน้ำตาลเป็นแอลกอฮอล์ และก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ เพื่อให้ไวน์มีรสชาติที่กลมกล่อมและมีกลิ่นหอม จึงมักนำไปหมักบ่มต่อในถังไม้โอ๊คหรือถังสแตนเลส อีกประมาณ 6 เดือนถึง 3 ปีตามสูตรของนักปรุงไวน์แต่ละคน
1
เครื่องดื่ม”ไวน์” แบ่งออกเป็น 4 ประเภท (บางท่านมีการแบ่งเป็น 5 ประเภท) ได้แก่
1. เทเบิ้ลไวน์ (Table wine) หรือ สติลไวน์ (Still wine) เป็นไวน์ไม่มีฟอง มีระดับแอลกอฮอล์อยู่ที่ 7- 15% เมื่อแบ่งตามสีจะแบ่งได้ 3 กลุ่ม คือ ไวน์แดง ไวน์ขาว และไวน์ขมพู หรือนิยมเรียกว่าไวน์โรเซ่ ซึ่งทั้ง 3 กลุ่มนี้มีกลิ่น รสชาติ และโครงสร้างแตกต่างกัน ไวน์ประเภทนี้มักจะดื่มได้ทุกโอกาส ซึ่งส่วนใหญ่นิยมดื่มคู่กับอาหาร
2. สปาร์กกลิ้งไวน์ (Sparkling wine) เป็นไวน์ที่มีฟองซึ่งเกิดจากกระบวนการหมักครั้งที่สองของยีสต์ (second fermentation) มีระดับแอลกอฮอล์อยู่ที่ 9 - 15% ตัวอย่างไวน์ประเภทนี้ ได้แก่ แชมเปญ (Champagne) เครม๊องก์ (Crémant) คาว่า (Cava) เซ็ก (Sekt) สปูมันเต้ (Spumante) Frizzante (ฟริซซานเต้) Prosecco (โปรเซ็คโก้) และ Lumbrusco (ลัมบรุสโก้) เป็นต้น ไวน์ประเภทนี้เหมาะในการใช้ดื่มในงานเฉลิมฉลอง งานมงคลต่างๆ
3. ฟอร์ติไฟด์ไวน์ (Fortified wine) เป็นไวน์ที่มีแอลกอฮอล์สูงประมาณ 17 - 22% เนื่องจากมีการผสมบรั่นดีลงไปด้วย เป็นไวน์ที่มีชื่อเฉพาะเจาะจง ชนิดที่โด่งดังมาก ได้แก่ พอร์ท (Port) มาเดียร่า (Madiera) มาลาก้า (Malaga) มาร์ซาล่า (Marsala) และ เชอร์รี่ (Sherry)
3
4. อะโรมาไทซ์ไวน์ (Aromatized wine) หรือ Apéritif wine (แอพเพริทิฟไวน์) เป็นฟอร์ติไฟด์ไวน์ที่ปรุงแต่งด้วยเครื่องเทศ สมุนไพร หรือรากไม้ ที่รู้จักกันดีคือ Vermouth (เวอร์มุท) มักนิยมดื่มก่อนรับประทานอาหาร เพื่อเป็นการเรียกน้ำย่อย หรือ Bitter (บิตเทอร์) ที่ใช้ผสมในเครื่องดื่มค็อกเทลต่างๆ มีรสออกขมๆ กลิ่นฉุนๆ ผู้รู้บางท่านอาจจะรวมไวน์ประเภทนี้ไว้ในฟอร์ติไฟด์ไวน์ค่ะ แต่ปุ้ยอยากแยกเพราะว่าไวน์อะโรมาไทซ์ทำมากจากวัตถุดิบที่ต่างออกไป
1
นักเขียนบางท่านอาจจะเพิ่มไวน์หวาน (Sweet wine หรือ Dessert wine) เป็นอีกหนึ่งประเภทด้วยค่ะ ไวน์หวานเป็นไวน์ที่มีระดับน้ำตาลสูงมากกว่าเทเบิ้ลไวน์ ซึ่งความหวานที่ได้นั้นมาจากน้ำตาลคงค้างที่เหลือจากการหมักไวน์ (Residual sugar) มีระดับแอลกอฮอล์ประมาณ 13 - 14% มักดื่มคู่กับขนมหวาน ช็อคโกแลต หรือดื่มเป็นของหวานไปเลย
หากใครอยากรู้เพิ่มเติม สามารถฟังได้ใน “คอไวน์” podcast ได้เลยค่ะ 🥂
โฆษณา