⚽️🌍 5 ฟุตบอลโลกที่น่าจดจำ
5 โมเมนต์ฟุตบอลโลกที่น่าจดจำ !!
ฟุตบอลโลกเริ่มจัดแข่งขันครั้งแรกเมื่อปี 1930 ที่ประเทศอุรุกวัย หากนับจนถึงปัจจุบันมีการจัดการแข่งขันไปแล้ว 21 ครั้ง มีแชมป์ถึง 8 ประเทศ มากสุดคือบราซิลได้ไปครองมากถึง 5 สมัย
มีโมเมนต์ระหว่างการแข่งขันมากมาย เราจึงจัดอันดับ 5 โมเมนต์ฟุตบอลโลกที่น่าจดจำมาให้ท่านได้ระลึกถึง จะมีโมเมนต์ไหนบ้าง ติดตามกันได้เลย !!!
1994 : 🇮🇹 อิตาลี - บราซิล 🇧🇷
ในปี 1994 ที่เจ้าภาพคือประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นฟุตบอลโลกครั้งที่ 15 ในสมัยนั้นมีทีมชาติที่เข้าร่วมชิงชัย 24 ชาติ และถือเป็นครั้งแรกที่มีการจัดการแข่งขันที่ทวีปอเมริกาเหนือ
ในนัดชิงชนะเลิศปี 1994 เป็นการพบกันระหว่างทีมชาติอิตาลีและทีมชาติบราซิล ในเกม 90 นาทีไม่มีทีมใดทำประตู จึงต้องตัดสินหาแชมป์โดยการดวลจุดโทษ ถือเป็นครั้งแรกในการแข่งขันรายการนี้ที่ต้องหาแชมป์ด้วยการดวลจุดโทษ
โมเมนต์ที่เป็นตำนานเกิดขึ้นในการยิงลูกโทษตัดสิน นั้นคือการที่กองหน้าอิตาลีนามว่า 'โรเบอร์โต้ บาจโจ้' หนึ่งในดาวดังประจำทัวร์นาเมนต์นั้นยิงจุดโทษข้ามคานออกไปอย่างน่าเสียดาย ส่งผลให้ถ้วยแชมป์ตกเป็นของทีมชาติบราซิล ด้วยการชนะในการดวลจุดโทษ 3-2
1982 : 🇮🇹 อิตาลี - บราซิล 🇧🇷
ย้อนกลับไป 12 ปีหลังทั้งสองทีมเจอกันในนัดชิง 1994 ในปี 1982 ปีดังกล่าว'ทัพแซมบ้า'คือตัวเต็งในการแข่งขันรายการนี้ ด้วยรูปแบบการเล่นที่พริ้วไหวดุจสายน้ำ ลีลาทักษะเฉพาะตัวของผู้เล่นแต่ละคน แต่มันก็ไม่ง่ายเสมอไป เมื่อต้องโคจรมาเจอทีมชาติอิตาลี
ในเกมนั้นทีมชาติบราซิลเปิดเกมใส่อิตาลีอยู่ตลอด พาบอลมาป้วนเปี้ยนอยู่ในเขตพื้นที่อิตลาหลายครั้ง แต่กองกลางและกองหลังของอิตาลีก็กันเอาไว้ได้
โดยในเกมนั้นเป็นฝ่ายอิตาลีที่ออกนำได้ก่อนในนาทีที่ 5 แต่โซคราเตสของบราซิลก็ตีเสมอได้หลังตามหลังเพียง 7 นาที ต่อมาอีกครั้งในาทีที่ 25 เปาโล รอสซียิงประตูที่สองของเจ้าตัวในเกมพาอิตาลีหนีออกไปอีกครั้ง เกมดำเนินมาถึงนาทีที่ 68 ฟัลเกาก็ตามยิงตีเสมอให้บราซิลได้อีก เป็นการตามตีเสมอถึงสองครั้งสองครา เกมผ่านไปถึง 74 เปาโล รอสซี นักเตะของอิตาลียิงประตูชัย เป็นประตูที่ 3 แฮตทริคของเขา พาทีมชาติอิตาลีชนะ 3-2 ผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศไปเจอทีมชาติโปแลนด์ได้สำเร็จ
1998 : 🇳🇱 เนเธอร์แลนด์ - อาร์เจนติน่า 🇦🇷
ในการแข่งขันฟุตบอลไม่มีช่วงเวลาไหนน่าตื่นเต้นเท่าช่วงท้ายเกมที่ชี้เป็นชี้ตายที่สุดแล้ว ในเกมการแข่งขันฟุตบอลทั้งหลายมีเกิดขึ้นอยู่หลายครั้งหลายหนแต่ไม่มีครั้งในการแข่งขันฟุตบอลโลกที่เฟอร์เพ็คเท่าลูกยิงของเบิร์กแคมป์ในเกมกับอาร์เจนติน่าอีกแล้ว
ในเกมนั้นตลอด 90 นาทีทั้งคู่ยังเสมอกันอยู่ที่ 1-1 หากเสมอจะตั้งเตะในช่วงต่อเวลา 120 นาที แต่ก่อนจะเข้าช่วงทดเจ็บแฟรงค์ เดอ บรัว ทุ่มบอลให้ เฮลล์ มารี ส่งบอลเข้าด้านในให้เบิร์กแคมป์เลี้ยงบอลเข้าไปยิงประตูอย่างสวยงาม ส่งผลให้ทัพกังหันผ่านเข้ารอบไปเจอบราซิลในรอบรองชนะเลิศ เขี้ยทัพฟ้า-ขาวตกรอบกลับบ้าน อย่างสุดมันส์ เป็นประตูที่สร้างความสุขให้ฮอลแลนด์ทั้งชาติแต่ทำลายหัวใจของอาร์เจนติน่าทั้งผองเลยก็ว่าได้
1966 : 🏴 อังกฤษ พบ เยอรมันตะวันตก 🇩🇪
ปัจจุบันที่เรามีวีเออาร์ตัดสินว่าลูกไหนเข้าลูกไหนไม่เข้านั้น หากย้อนกลับไปในฟุตบอลโลก 1966 เทคโนโลยีเหล่านี้ยังไม่เกิด ต้องตัดสินโดยการมองและชี้ขาดของกรรมการเท่านั้น
ฟุตบอลโลกครั้งนั้นนัดชิงชนะเลิศเป็นการพบกันของเจ้าภาพอังกฤษ กับ ทีมชาติเยอรมันตะวันตก เกมนั้นต้องเตะถึง 120 นาทีหลังเสมอในเกมปกติ 2-2
ในนาที 101 กองหน้าทีมชาติอังกฤษ จอฟ์ฟ เฮิร์ท ยิงบอลชนคานเด้งลงมาที่เส้นประตู แฟนบอลทั้งในสนามและหน้าทีวี ต่างรอคำตัดสินของกรรมการว่าเข้าหรือไม่ กรรมการชาวสวิสต์ได้วิ่งมาสอบถามไลน์แมนชาวรัสเซีย และได้คำตัดสินว่าลูกบอลนั้นข้ามเส้นไปแล้ว ส่งผลให้อังกฤษออกนำ 3-2 หลังจากโดนยิงลูกที่สาม เหมือนกับว่าเยอรมันจะถอดใจ ในนาทีที่ 120 จอฟ์ฟ เฮิร์ท ยิงประตูปิดท้ายตอกฝาโลงและเป็นประตูที่ 3 ของเจ้าตัว พาทีมชาติอังกฤษชนะ 4-2 คว้าแชมป์ฟุตบอลโลกสมัยแรกและสมัยเดียว
จอฟ์ฟ เฮิร์ท กลายผู้เล่นคนแรกในประวัติศาสตร์ที่สามารถยิงแฮตทริคในนัดชิงชนะเลิศฟุตบอลโลกได้
ในภายหลังลูดยิงเจ้าปัญหาลูกนั้นถูกเปิดย้อนดูหลายครั้งว่าลูกบอลนั้นเข้าและข้ามเส้นแล้วจริงหรือไม่ แต่อย่างไรก็ตามหลังจากการคว้าแชมป์ในครั้งนั้นเหมือนเป็นอาถรรพ์ของทีมชาติอังกฤษที่ไม่สามารถผ่านเข้าถึงนัดชิงชนะเลิศได้อีกเลย
1986 : 🇦🇷 อาร์เจนติน่า พบ อังกฤษ 🏴
นี่คือเกมที่แฟนบอลไม่มีวันลืมอย่างแน่นอน เพราะในเกมนั้นถือได้ว่ามีสองสุดยอดประตูเกิดขึ้น แต่ว่าทั้งสองลูกแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
6 นาทีหลังเริ่มครึ่งหลัง เสมอกันอยู่ 0-0 ดาวยิงตัวจิ๋ว มาราโดน่า ได้โอกาสดวลกลางอากาศกับผู้รักษาประตูอย่างปีเตอร์ ชิลตัน แต่ด้วยความสูงที่แตกต่างกันดิเอโก้ มาราโดน่าเลยตัดสินใช้มือปัดบอลข้ามตัวชิลตันเข้าไป และผู้ตัดสินก็ไม่ได้ว่าอะไรส่งผลให้เป็นลูกขึ้นนำของอาร์เจนติน่า
แต่ไม่นานมาราโดน่าคนเดิมก็สร้างสิ่งน่าเหลือเชื่อ ลากบอลจากครึ่งสนามกว่า 60 หลา ผ่านกองหลังทีมชาติอังกฤษ 5 คน ส่งบอลเข้าสู่ก้นตาข่าย ประตูนั้นถูกขนานนามว่าเป็น'ประตูแห่งศตวรรษ' อาร์เจนติน่าหนีออกห่าง 2-0 แม้ว่าใกล้จบเกม ลีเนเกอร์จะมายิงให้อังกฤษตีตื้นมา 2-1 แต่ก็ยังไม่ทัน จบเกมอาร์เจนติน่าชนะ 2-1
อ้างอิง :
- 1
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
