1 ก.พ. 2021 เวลา 14:41 • ไลฟ์สไตล์
[EXCLUSIVE] Chapter 3.1: “วัย/ วุ่น/ เรียน”
สวัสดีค่ะทุกคนวันนี้พบกับตอนพิเศษที่มีชื่อว่า “วัย/ วุ่น/ เรียน”
เป็นตอนพิเศษที่แตมแบ่งเนื้อหาย่อยออกเป็น 2 Chapter นะคะ
มาถึงตอนนี้เราก็ยังคงวนเวียนอยู่กับการทำความรู้จักกัน
แบบจัดเต็ม Exclusive ต่อเนื่องกันเรื่อย ๆ อีกแล้วค่ะ
(อย่าเพิ่งเบื่อกันน้า…)
😄
หลังจากที่เมื่อสองวันก่อนนี้แตมได้เล่าเรื่องราว
เกี่ยวกับบุคลิกภาพของตัวเองไปแล้วนะคะ
ว่าแตมเป็นคนที่มีบุคลิกภาพประมาณไหน
วันนี้แตมก็เลยอยากจะมาเล่าเรื่องราวต่อ
ในอีกมุมนึงเกี่ยวกับชีวิตวัยเรียนของแตมค่ะ
จากคนที่เคยเป็นนักเรียน จนถึงปัจจุบันนี้ก็ยังเป็นอยู่
และยังพยายามหาโอกาสที่จะ “เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ” เมื่อมีโอกาสนั่นเองค่ะ
📌ที่มาของชื่อตอน “วัย/ วุ่น/ เรียน”?
ภาพประกอบ (1)
สำหรับชื่อตอน “วัย / วุ่น/ เรียน” นะคะ
มาจากการที่แตมแบ่งเรื่องราว
ภาพรวมชีวิตแต่ละช่วงของแตม
ออกเป็นทั้งหมด 4 ส่วน ด้วยกันค่ะ
ซึ่งจะแบ่งตามช่วงวัยแต่ละช่วงของแตม ดังต่อไปนี้ค่ะ
ส่วนที่ 1: วัยเด็ก (อนุบาล - ประถม)
ส่วนที่ 2: วัยรุ่น (มัธยม - มหาลัย)
ส่วนที่ 3: วัยทำงาน (เป็นเรื่องเล่าเกี่ยวกับการฝึกงาน - การทำงานจริง)
และ ส่วนที่ 4: วัยแห่งการเรียนรู้
ในส่วนที่ 3 และ 4 นี้จะไปอยู่ใน Chapter 3.2 นะคะ
เพราะเดี๋ยวเนื้อหาจะยาวจนเกินไปค่ะ
ส่วนคำว่า “วุ่น” มาจากภาพรวมของชีวิตแตมเอง
ที่แตมรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนที่มีวงจรชีวิตค่อนข้างวุ่นวายอยู่ตลอดเวลา
คำว่า “เรียน” มาจากความชอบของแตม
ที่ชอบเรียนรู้สิ่งใหม่อยู่เสมอ เมื่อมีโอกาสหรือเวลาว่าง
ทั้งหมดนี้จึงกลายมาเป็นที่มาของ [EXCLUSIVE] Chapter 3
ส่วนหนึ่งของซีรีส์ ABOUT ME ที่บอกเล่าเรื่องราวความเป็นแตมนั่นเองค่ะ
😊
(ว่าแล้วก็ไปอ่านต่อได้เลย) 😊
📌ส่วนที่ 1: วัยเด็ก ( อนุบาล - ประถม)
ภาพประกอบ (2)
แตมเกิดที่ จ.นนทบุรี ค่ะ (เพลง สาวเมืองนนท์ ดังแว๊บเข้ามาในหูเลย)
เมื่อก่อนเคยอาศัยอยู่ที่กรุงเทพฯ
อยู่โซนพัฒนาการ เขตสวนหลวง เมื่อนานมาแล้ว
เด็กหญิงแสตมป์ อายุ 1 วัน
ชีวิตวัยเด็กของแตมเป็นช่วงชีวิตที่มีการโยกย้ายที่อยู่ไปในหลายๆที่เลยค่ะ
จนได้มาลงเอยอยู่บ้านของยายที่ต่างจังหวัด
ตอนเด็กๆ แตมจำได้ว่าตัวเองชอบเรียนพวกวิชา ศิลปะ มากเป็นพิเศษ
อีกทั้งแตมยังเป็นเด็กที่ชอบทำกิจกรรมประจำโรงเรียนอีกด้วยค่ะ
ไม่ว่าจะเป็นการแข่งขันประกวดวาดภาพระบายสี
แข่งประกวดแต่งกาพย์ แต่งกลอน
แข่งตอบคำถามวิชาการในโรงเรียน
แข่งต่อศัพท์ภาษาอังกฤษ (Crossword game)
และอื่นๆอีกมากมาย
แตมเข้าร่วมหมดเลยค่ะในตอนนั้น
ในวัยเด็กเป็นช่วงชีวิตที่ขยันทำกิจกรรมแบบสุดๆไปเลย
พอมาช่วง ป.6 แตมก็ได้มีโอกาสเป็นประธานนักเรียนของโรงเรียน
แต่จริงๆแล้วก็ไม่ได้อยากเป็นผู้นำใครเขาหรอกนะคะ
รู้สึกไม่มั่นใจในตนเองเอาซะเลย เหมือนได้รับตำแหน่งมาแบบงงๆ
ประมาณนั้นเลยค่ะ ><
แต่ก็ถือว่าได้ประสบการณ์ที่ดีมากเช่นกันค่ะ
กับช่วงเวลารวมๆกันในวัยเด็ก
ได้มีโอกาสฝึกฝนตัวเองในด้านการสื่อสารกับคนอื่น
จากที่เคยเป็นเด็กเงียบๆ ไม่ค่อยพูดจากับใคร
ไม่ค่อยกล้าเริ่มต้นบทสนทนากับใครก่อน
การเป็นประธานนักเรียนที่โรงเรียนในตอนนั้น
ก็ได้กลายมาเป็นจุดเริ่มต้นเล็กๆ
ในเรื่องของ “การฝึกสื่อสารกับคนอื่น” มาจากที่โรงเรียน
เมื่อครั้งเรียนอยู่ที่โรงเรียนประถมนั่นเองค่ะ
📌ส่วนที่ 2: วัยรุ่น (มัธยม - มหาลัย)
ภาพประกอบ (3)
ภาพรวมช่วงมัธยมต้น
หลังจากที่เรียนจบประถมแล้วแตมก็เข้าเรียนโรงเรียนมัธยมต่อ
เป็นโรงเรียนประจำอำเภอค่ะ อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลกัน
จากโรงเรียนประถมเดิมของแตม
เข้ามาเรียนเทอมแรกแตมได้อยู่ห้อง ม.1/8
ซึ่งเทอมแรกยังไม่มีการแบ่งห้องเรียน
ยังคงเป็นการเรียนวิชาพื้นฐานทั่วไปก่อน
ที่โรงเรียนมัธยมของแตมจะมีการแบ่งสายการเรียน
เด็กวิทย์-คณิต, เด็กห้องภาษา
ตั้งแต่ช่วง ม.ต้น เลย ก็จะเป็นประมาณนี้ค่ะ
เทอมต่อมาแตมได้ย้ายห้องจาก ม.1/8 ไปเรียนห้อง ม.1/1
เป็นห้องวิทย์-คณิต แบบเต็มสูบเลย (ห้องคิงนั่นเองค่ะ)
ทั้งที่ในความเป็นจริงแตมอยากไปอยู่ห้องภาษามากกว่า
(ถ้าจำไม่ผิดน่าจะเป็นห้อง ม.1/3 ค่ะ)
แต่เพราะตอนนั้นแตมไม่หนักแน่นกับตัวเองมากพอ
คิดว่าตัวเองเรียนอะไรก็ได้ ยังไม่ค่อยรู้จักตัวเองด้วยค่ะ
ว่าจริงๆแล้วตัวเองชอบเรียนอะไร
แตมก็เลยเรียนห้องนี้ไปแบบเรียนให้พอรอดไปได้ก็พอแล้ว
ห้องนี้ค่อนข้างมีความกดดันอยู่มากสมควรเลยค่ะ
เน้นวิทยาศาสตร์กับคณิตศาสตร์ด้วยตามสไตล์
แต่แตมอาจโชคดีที่ได้เจอคุณครูที่ใจดีมาตลอด
และคุณครูเองก็ค่อนข้างที่จะเข้าใจแตมด้วยค่ะ
แตมเลยพยายามปรึกษาคุณครู พยายามตั้งใจเรียน
ช่วง ม.ต้น ผลการเรียนก็เลยอยู่ในระดับต้นๆของห้อง
(ซึ่งความเป็นจริงแล้วแตมไม่ถนัดวิชาในสายวิทยาศาสตร์-คณิตศาสตร์ เลยค่ะ)
และแล้วก็ผ่านช่วงชีวิต ม.ต้น มาได้แบบงงๆก่งก๊งอยู่ดีค่ะ
ภาพรวมช่วงมัธยมปลาย
ผ่านมาสู่ช่วงชีวิตมัธยมปลายที่แตมค่อนข้างรู้สึกเสียดาย
ที่ตัวแตมเองก็ยังเป็นคนที่ไม่หนักแน่นกับสิ่งที่ตัวเองถนัดอีกเช่นเดิม
อาจเป็นเพราะในยุคของแตมการเรียนสายวิทย์
ทำให้เรารู้สึกว่าเรามีโอกาสเลือกเรียนสาขาใดๆในระดับมหาลัยได้มากกว่าด้วย
(ไม่รู้มีใครเคยมีประสบการณ์คล้ายๆกันรึเปล่านะคะ)
แล้วยิ่งเป็นคนไม่ค่อยมั่นใจกับตัวเองแบบแตมแล้วด้วย
พอบอกที่บ้านว่าอยากเรียนสายภาษาก็โดนเบรกทันที
โอเค ไม่เป็นไรเรียนสายวิทย์ก็ได้
สรุปแตมยังคงเลือกเรียนสายวิทย์-คณิต
ฝืนความไม่ถนัดของตัวเองไปเรื่อยๆ อีกแล้วค่ะทุกคน
ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ก็คงจิตใจเข้มแข็งเลือกเรียนสิ่งที่เราชอบมากกว่า
ดีกว่ามาฝืนตัวเองเรียนสายวิทย์-คณิต จนจบมัธยม
ชีวิตช่วงมัธยมปลายของแตมเรียกได้ว่า
เป็นช่วงชีวิตที่ค่อนข้างวุ่นวาย ทุลักทุเลกับการเรียนพอสมควรเลยก็ว่าได้ค่ะ
เนื้อหา ม.ปลาย ก็เริ่มยากขึ้น เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ
แถมแตมเรียนห้องพิเศษอีกแล้วค่ะ
แต่ที่แตมเลือกเรียนห้องนี้ก็เพราะว่า
เรียนเป็นภาษาอังกฤษนั่นเองค่ะ
(มีภาษาด้วยค่อยรู้สึกว่าน่าสนุกขึ้นมาหน่อย)
เล่าเพิ่มอีกเรื่องนึงนะคะช่วง ม.ปลาย
ด้วยความที่ชอบอ่านหนังสือ เสพสื่ออย่างซีรีส์จีนด้วย
ไม่ว่าจะเป็นแนวกำลังภายใน
หรือ พวกซีรีส์แนวย้อนเวลาของจีน
สนใจเรื่องประวัติศาสตร์ของจีน
มีความสนใจเรื่องภาษาจีนและภาษาอื่นๆด้วย
ก็เลยได้รับเลือกโหวตจากเพื่อนๆและรุ่นน้องในรายวิชาชุมนุมในตอนนั้น
ให้เป็นประธานชุมนุมวัฒนธรรมจีน ช่วง ม.4-ม.5
จำได้ว่าตอนนั้นแตมติดเรื่อง กระบี่เย้ยยุทธจักร (2013) หนักมากค่ะ
เรื่องนี้ฮั้วเจี้ยนหัวเป็นพระเอก (พ่อเล้งฮู้ชงของฉัน) 😁
กระบี่เย้ยยุทธจักร (2013) ค่ะ
(พูดถึงซีรีส์เดี๋ยวจะยาวมากเกินไปขอหั่นฉับไว้เพียงเท่านี้ก่อนนะคะ)
ปล. ว่าแต่มีใครเป็นคอหนังจีนหรือซีรีส์จีน
สามารถแนะนำซีรีส์หรือหนังจีนสนุกๆที่คอมเมนต์ใต้โพสต์นี้ได้เลยนะคะ
(มาต่อกันค่ะ...เล่าเอง นอกเรื่องเอง ดึงกลับเข้าเรื่องเองนักเลงพอค่ะ แฮะๆ)
นอกจากการเป็นประธานชุมนุมวัฒนธรรมจีนแล้ว
แตมยังเคยแสดง Skit (ละครสั้นภาษาอังกฤษ)
ในการแข่งขันเป็นตัวแทนศิลปหัตถกรรมระดับจังหวัด
และได้มีโอกาสเป็นตัวแทนไปแข่งระดับภาคต่อ ที่ จ.เชียงใหม่ เมื่อปี 2555
(แต่ไม่ได้ไปต่อระดับประเทศนะคะ)
จากกิจกรรมที่แตมได้ลองทำมาทั้งหมด
ทำให้แตมเริ่มรู้จักตัวตนของตัวเองมากขึ้น
ว่าตัวเองมีความสนใจในเส้นทางสายศิลป์
มากกว่าจะไปทางวิทย์-คณิต
แต่บางครั้งชีวิตก็ไม่ได้มีทางเลือกให้เรามากมายขนาดนั้น
นึกเสียใจตอนนี้ก็ไม่รู้จะเสียใจไปทำไมน่ะค่ะ
คิดว่าอย่างน้อยในตอนนั้นเราก็มีโอกาสลงมือทำ
ในสิ่งที่เราทำแล้วมีความสุข
ในช่วงระยะเวลานั้นก็พอจะรู้สึกดีใจมากแล้วค่ะ
แต่เรื่องราวสุดปั่นป่วนก็ยังไม่จบอยู่แค่นั้น
หลังจากที่จบ ม.6 และกำลังวางแผนจะเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัย
ความ “แตม เอาอีกแล้วนะแตม” ก็บังเกิดขึ้นกับชีวิตอีกครั้งค่ะ
เมื่อแตมตัดสินใจเลือกเรียนต่อในสายวิศวกรรม
ภาพรวมช่วงมหาวิทยาลัย
แตมตัดสินใจเลือกเรียนต่อในสายวิศวกรรมระดับมหาลัยที่ มทส. ค่ะ
(มทส. คือ ชื่อย่อ "มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี" จ.นครราชสีมา)
ชีวิตช่วงมหาลัยของแตมก็ยังคงได้ทำกิจกรรมชมรมของมหาลัยบ้าง
แต่ก็ไม่เยอะมากเท่าสมัยวัยเด็กกับวัยรุ่นที่ผ่านมา
เคยเข้าค่ายร่วมกับเพื่อนๆนักศึกษาต่างชาติ
เป็นกิจกรรมที่นักศึกษามาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกัน
ถ่ายภาพร่วมกันกับเพื่อนๆและ Professor ชาวญี่ปุ่นหลังพรีเซนต์มินิโปรเจกต์เสร็จค่ะ
ด้วยความที่แตมสนใจภาษาอังกฤษเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
และค่อยๆสะสมมาจากการเล่น Crossword
รวมถึงเคยแข่ง Skit (ละครสั้นภาษาอังกฤษ) มาก่อน
แตมเลยคิดว่าการเข้าค่ายกับเพื่อนๆนักศึกษาต่างชาติ
เป็นโอกาสทองที่แตมจะฝึกการใช้ภาษาอังกฤษ
(ยังคงพยายามหาโอกาสให้ตัวเองได้ใช้ภาษาอังกฤษเพราะแตมยังพูดไม่ค่อยเก่งค่ะ)
เป็นความทรงจำที่ประทับใจมากๆในตอนนั้นเลยก็ว่าได้ค่ะ
นอกจากทำกิจกรรมวิชาการในมหาลัยแล้ว
แตมก็ยังเคยเป็นนักศึกษาพาร์ทไทม์
อยู่ที่ห้องแลปในสถาบันวิจัยซินโครตรอนในช่วงเรียนปี 3 เห็นจะได้ค่ะ
เป็นประสบการณ์ที่ดีมากๆค่ะ ได้อยู่ใกล้กับเรื่องราววิทยาศาสตร์&เทคโนโลยี
ก็รู้สึก Wow อยู่ไม่น้อยเลยทีเดียวค่ะ
และแล้วก็เรียนจบมาได้แบบพอถูไถเกรดปกติทั่วๆไป
ได้มาทั้ง D ทั้ง W ประดับทรานสคริปต์เพียบเลยเช่นกันค่ะ
อยู่โคราชรวมๆกันก็เป็นเวลาประมาณ 5 ปี ได้ค่ะ
เป็นยังไงบ้างคะทุกคนชีวิตวุ่นๆของแตม
กับเส้นทางชีวิตไม่ได้เรียนในสิ่งที่ตัวเองอยากเรียนจริงๆ
ถ้าย้อนเวลากลับไปได้
แตมก็คงเลือกที่จะเรียนเกี่ยวกับสาย Creative สายทำสื่อ ประมาณนี้ค่ะ
รู้สึกเหมือนเราได้ Active ตัวเองอยู่ตลอดเวลา
แล้วเวลาที่เราคุยเรื่องข่าวให้คนอื่นฟังแล้วเขาเข้าใจ
ในสิ่งที่เราต้องการสื่อสารได้ แตมรู้สึกดีมากเลยค่ะ
แตมเคยได้ยินประโยคนึง
“สิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว มันดีเสมอ”
มันคงจะดีในแง่ที่ว่าทุกๆเรื่องราวที่เกิดขึ้นในชีวิตของเรา
ล้วนแล้วแต่ให้ประสบการณ์กับเรานี่แหละมั้งคะ
สำหรับใครที่บังเอิญได้ผ่านมาอ่านบล็อกนี้ของแตม
แล้วกำลังสับสนอยู่ ไม่รู้ว่าจริงๆแล้วเราชอบอะไรกันแน่?
แตมอยากจะบอกนะคะ
ว่าลองให้เวลากับตัวเอง เริ่มต้นสังเกตตัวเอง
จากชีวิตประจำวันของเราก่อนก็ได้ค่ะ
ว่าชอบทำอะไรบ้าง เขียนออกมาเป็นข้อๆเลยก็ได้ค่ะ
แล้วลองให้เวลากับสิ่งๆนั้นดูนะคะ ^_^
ทำในสิ่งที่เรารักและอย่าลืมรักในสิ่งเราทำ
เราจะมีความสุขและอยู่กับสิ่งๆนั้นได้นานค่ะ
: )
สำหรับวันนี้ [Exclusive] Chapter 3.1 ก็จบลงแต่เพียงเท่านี้นะคะ
ค่ำคืนนี้หลับฝันดีราตรีสวัสดิ์นะคะทุกคน

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา