31 ม.ค. 2021 เวลา 11:06 • ธุรกิจ
รีวิวววร้านเนื้อแท้
ตอน : ความอร่อยของใครของมัน
2 ปีที่แล้วผมมีโอกาสได้สัมภาษณ์พี่โต (ซิลลี่ฟูลส์) เกี่ยวกับร้านเนื้อแท้ของแกซึ่งกำลังดังเป็นพลุแตก
ช่วงนึงก็คุยถึงรสชาติอาหารแต่ละเมนูที่แกเป็นคนกำหนดสูตรให้เชฟทำตาม และแกจะเป็น QC คอยไปชิมตามสาขาต่างๆ อยู่เสมอว่ามีใครแอบเปลี่ยนแปลงอะไรหรือเปล่า
ผมเคยได้ชิมผัดกะเพรา, เกาเหลา, ซุปเนื้อ, ข้าวมันดี, สปาเกตตีคาโบนาร่า, สเต็ก, โจ๊กเนื้อ, มันบด, เบอร์เกอร์ ฯลฯ
ก็ต้องบอกว่ามีบางอย่างผมก็ไม่ wow แต่บางอย่างก็ wowwwww สุดๆ เลย แต่รสชาติอาหารส่วนมากจะค่อนไปทางหวานหน่อยเพราะพี่โตแกชอบหวาน แม้แต่ซุปเนื้อที่ผมกินมาทั้งชีวิตตามร้านและงานบุญต่างๆ ที่ต้องเปรี้ยวเค็มเผ็ดนำ แต่ของแกกลับหวานนำซะงั้น!
พี่โตบอกไว้ใจความว่า "ผมให้ทำอาหารตามลิ้นผม (รสนิยม) คือผมว่ารสนี้อร่อยสำหรับผม ผมอยากบอกทุกคนว่านี่คืออร่อยในนิยามผม ถ้าคุณชอบก็มากินซ้ำ ถ้าไม่ชอบก็กินเพื่อเรียนรู้กันว่า เออแบบนี้ก็มีคนว่าอร่อยนะ แต่เราชอบแบบอื่นก็ไปกินร้านอื่นที่เราชอบแทน เพราะอาหารมันเป็นรสนิยมจริงๆ อร่อยของแต่ละคนไม่เหมือนกัน แต่ถ้าไม่มีรสลายเซ็นทางร้าน มันก็ไม่มีจุดเด่น" (จบการอ้างอิง)
เอาจริงคือแกมีความเป็นศิลปินสูงอยู่แล้ว และแกก็ยังยืนยันว่าแกทำอาหารแบบศิลปิน มีสไตล์ชัดเจนของตัวเอง ถ้านึกถึงตอนเป็นซิลลี่ฟูลส์+แฮงแมน ความเป็นแกก็คงความเป็นเอกลักษณ์ชนิดที่ว่าผ่านมาสิบปีแล้วคนก็ยังเอ่ยถึงและยอมรับของความสุดในเส้นทางศิลปินของแก
ใช่! มีคนที่อาจไม่ฟังผลงานของแกเลย ไม่ชอบสไตล์ของแกเลย แต่อีกฟากหนึ่งแกก็มีแฟนคลับจำนวนมหาศาลที่ชอบแกแบบไม่รู้จะอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้ยังไง ชอบจนยกให้เป็นที่หนึ่งในใจตลอดกาลก็มี
กลับมาที่เรื่องอาหารของแกผมว่ามันก็ไม่ต่างกันครับ 'รสนิยม' มันของใครของมันจริงๆ และมันจะมีคนที่ชอบเหมือนกัน คล้ายกัน หรือขั้วตรงข้ามกันอยู่เสมอ คนชอบเหมือนก็รีวิวกันแบบเข้าขั้น 'อวย' ก็เขาชอบอ่ะ... ส่วนคนไม่ชอบก็รีวิวติดลบแบบว่า 'ผิดหวัง' ไม่สมคำร่ำลือ
บทเรียนสำคัญในเรื่องนี้สำหรับผมคือสุดท้ายมันก็อยู่ที่รสนิยมจริงๆ ครับ ผมจึงมองว่าเราน่าจะกินเพื่อเรียนรู้ แลกเปลี่ยนวัฒนธรรม รับรู้ความอร่อยในมุมคนอื่น แล้วมองกันด้วยสายตาที่เป็นมิตรมากขึ้นครับ
รักและศานติ
โฆษณา