Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
ราชวัตร สามเสน RCW_SS
•
ติดตาม
6 ก.พ. 2021 เวลา 11:15 • ความคิดเห็น
•การพิสูจน์ความแท้ของพระบรมสารีริกธาตุ•
ด้วย น้ำ
ด้วย รัศมี
พระมหาธาตุเจดีย์ชเวดากอง
อนึ่งปรากฏการณ์เกี่ยวแก่พระธาตุนี้ ปวงปุถุชนทั่วไปก็มักจะเห็นแยกเปนสองทาง ทางหนึ่งก็ศรัทธาและนับถือว่าข้างในคือพระบรมสารีริกธาตุ เปนกระดูกของพระพุทธเจ้า หรือ เปนพระอรหันตธาตุ กระดูกของพระอรหันต์ แต่ว่าเปนที่รู้กันว่ามิใช่กระดูกธรรมดา เปนแต่กระดูกคนที่สุกใสพร่างพราวขึ้นอย่างเพชร อันเกิดจากท่านที่ใช้ดวงจิตบริสุทธิ์จากการประพฤติปฏิบัติธรรม ฟอกซักธาตุขันธ์ของท่านให้สะอาดบริสุทธิเอง ในทางวิทยาศาสตร์ก็ไม่น่าเเปลกอะไรเพราะเพชรก็เปนสารประกอบไฮโดรคาร์บอน กระดูกก็เปนสารประกอบไฮโดรคาร์บอน เหมือนกัน กระดูกกลายเปนเพชรได้ใช้เวลาแสนๆปี ผ่านแรงกดดันและสภาวะต่างๆหลายประการ เวลานี้อเมริกามีวิธีเอากระดูกพ่อแม่ที่รักไปอัดด้วยเทคโนโลนีจำเพาะกลายเปนเพชรใสขึ้น อยากเอาติดตัวไปก็เพียงทำเรือนเเหวนใส่ ไม่ต้องไปลอยทิ้งน้ำหรือหาโกศใส่อีก พระท่านก็มีเทคโนโลยีฝ่ายพระเรื่องนี้เหมือนกัน_ย่นเวลาการแปรสภาพเปนเพชร
อีกทางหนึ่งก็ว่า ใช่ไม่ใช่ต้องพิสูจน์เสียให้รู้แน่ ว่าดีเด่อย่างไร ถ้าไม่แน่ก็ไม่นับถือ ฉะนี้
ประเด็นดังกล่าวนี้ก็มีผู้กล่าวถึงและตั้งคำถามที่และถามเอากับพระธาตุไชยา ว่าพระธาตุข้างในนั่นแท้ไหม รู้อย่างไรว่าแท้ ตานี้ฝ่ายกรมศิลป์ก็บอกว่าไม่รู้เปนเรื่องความเชื่อ ฝ่ายเจ้ากูพระสงฆ์มารับผ้าห่มพระธาตุก็นิ่งใบ้อยู่
จึงได้เรียนเชิญหมู่ท่านผู้ข้องทั้งหลายล้อมวงเข้าแล้วเล่าให้ฟังว่า อีคำถามพรรค์นี้ไม่ได้เพิ่งมามีเอาวันนี้หรอก มีมานาน แต่ปีมะโว้แล้ว คนโบราณเขาก็ไม่ได้โง่ เขาก็ตั้งคำถามเหมือนกัน
เรื่องนี้ตา _นายสมบุญ อิ่มโอชา เปนผู้อธิบายให้ฟัง ว่า วิธีพิสูจน์นั้น ท่านให้ตั้งเครื่องบัดพลีบอกกล่าวขอขมา และ เชิญพระธาตุลงลอยในขันเล็กๆบรรจุน้ำ พระธาตุที่แท้มีความถ่วงจำเพาะน้อยกว่าน้ำ จะลอยน้ำได้เสมอ และลักษณะการลอยไม่ใช่ตุ๊มๆต่อมๆ เปนการลอยอย่างมีกำลังแรงตึงผิวเหยียดน้ำออกจากองค์พระธาตุ สามารถสังเกตเห็นได้ มาถึงขั้นนี้แล้วถือว่าได้สบประมาทอัฐิธาตุของท่านผู้สำเร็จมาพอสมควร ถ้าว่าอยากจะให้มันสุดๆไปก็จงตั้งจิตอธิษฐานขอให้ท่านเคลื่อนที่วนรอบขันให้เห็นเปนบุญตาเมื่อท่านค่อยเคลื่อนที่วนบนผิวน้ำแล้วก็ให้กราบขอขมาเสียค่าที่ล่วงเกินไปสงสัยท่าน ซึ่งก็ไม่มีเครื่องประกันว่าท่านจะงดโทษให้ เพราะ"ท่าน" ที่จะให้คุณโทษนี้มิใช่ตัวเจ้าของธาตุเองซึ่งเข้าสู่นิพพานภาวะไปแล้วทิ้งพระธาตุเปนเครื่องยืนยันความมีอยู่จริงของพระสัทธรรมให้เราปฏิบัติตามเพื่อสำเร็จมรรคผลต่อไป หากแต่เปนเทพยดาผู้รักษาพระธาตุนั้นต่างหากจะเปนผู้กระทำหน้าที่อดโทษงดคุณแก่ผู้อยู่ว่างๆแล้วท้าทาย
ทั้งนี้ความศักดิสิทธิ์ของพระธาตุนั้นไม่มีสิ่งไรสำคัญยิ่งไปกว่าความจริงที่ว่าศักดิ์สิทธิ์นั้นคืออะไร ก็ต้องเฉลยเปนภาษาอังกฤษว่า ศักดิ์สิทธินั้นคือ success
เพชรนิลจินดาบนยอดพระมหาเจดีย์ชเวดากอง
อะไรๆที่ศักดิสิทธิ์ก็เนื่องมาแต่ท่าน/แต่สิ่งนั้นๆได้ success ผู้คนซึ่งบรรลุถึงความรู้แจ้งได้พากเพียรกระทำการเพื่อรู้แจ้งนั้นมาโดยยากและต่อเนื่องจนสำเร็จ_success เราจึงนับถือว่าท่านนั้นๆของๆท่านนั้นๆศักดิ์สิทธิ นัยยะนี้พระเดชพระคุณอุปัชฌาย์พระธรรมโพธิวิเทศได้ให้ข้อคิดไว้คราวตั้งคำถามในใจเมื่อไปเขาคิชกูฏที่อินเดีย
ความศักดิสิทธิ์ของพระธาตุจึงเปนด้วยที่ท่านโดยตัวเองเปนหลักฐานแสดงความสำเร็จ_success ของการปฏิบัติธรรมจนหลุดพ้นได้ตามนัยทางศาสนา
เจดีย์พระธาตุนั้นโบราณเขาว่าสร้างแล้วได้บุญ เพราะใช้เปนที่เก็บหลักฐานว่าผู้ใดสามารถปฏิบัติตามพระสัทธรรมได้ก็จะสมบูรณ์ดัวยบริสุทธิภาวะ มีกระดูกแปรเปนเพชรได้เหมือนอย่างที่เก็บไว้เปนหลักฐานนี้
ส่วนการสละทรัพย์บูชาพระธาตุนั้นก็ได้บุญมาก ด้วยว่าได้สละของพอกพูนโลภโมโทสันออกจากตัวหนึ่งล่ะ ได้ทำปริศนาธรรมให้คนไม่เข้าใจได้ฉงนหนึ่งล่ะ ว่าคนๆหนึ่งบ้าบออย่างไรเอาของมีค่าไปแขวนไว้ตามเจดีย์ไม่เอาไปขายเปนเงินไว้บำเรอความสุขแก่ตน
นอกนี้แล้วกว่าเขา/เธอจะได้ทราบความจริงว่าพระสัทธรรมของพระผู้มีพระภาคเจ้านั้นเปนทรัพย์ถาวร เปนทรัพย์มีค่ายิ่ง ยิ่งกว่าแก้วแหวนเงินทองติดเจดีย์ถวาย ด้วยตามติดไปพัฒนาดวงใจดวงจิตได้ แม้ว่าหมดกายหยาบที่ยังอยู่ด้วยโภคทรัพย์หยาบต้องบำเรอนั้น
ส่วนกรณีการพิสูจน์พระธาตุตามที่ตาบอกนั้นท่านระบุถึงข้อเเม้อย่างว่า prerequisite- เงื่อนไขบังคับก่อน ที่จะกระทำการพิสูจน์ว่าคนทำจะต้องมีความบริสุทธิมากพอสมควร จึงจะทำพิธีการดังกล่าวนี้ได้ เนื่องเพราะพระธาตุนั้นท่านเปนบริสุทธิภาวะ ซักฟอกธาตุขันธ์มาจนของน่ารังเกียจอย่างกระดูกอย่างเลือด อย่างปอยผมเกิดเปนเกล็ดเปนเพชรพร่างพราวขึ้นอย่างอัญมณี ผู้ที่จะสื่อจะเชื่อมกันก็ต้องมีบริสุทธิภาวะสูงพอสมควรอย่างจะ"รับ" กันได้
ในกรณีของพระบรมกษัตราธิราชนั้น ฝ่ายพม่า ลังกา มอญ ล้วนให้ความสำคัญแก่พระบรมสารีริกธาตุในฐานที่เปนสิ่งแสดงถึงบุญญาธิการของกองกษัตริย์ฝ่ายพุทธศาสนิก พระเจ้าบุเรงเนองเคยแต่งสำเภาบรรทุกทองคำไปไถ่เอาพระบรมสารีริกธาตุจากมือคริสตชนถึงกรุงลังกาก็เคย
ฝ่ายคริสต์เรียกของชนิดอย่างพระธาตุว่า relics ซึ่งอาจเปนอย่างอื่นที่สัมผัสพระวรกายพระคริสต์ผู้บริสุทธิ์มาก็ได้ ไม่จำกัดว่าน้องเปนกระดูก/เลือดของท่าน เช่น ผ้าห่ม ผ้าห่อ เปนต้น
พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าฯ รัชกาลที่ 4 ยามจะทรงพิสูจน์พระธาตุนั้น ทรงใช้วิธีอธิษฐานบารมี โดยเฉพาะกับองค์พระปฐมเจดีย์ซึ่งทรงพระราชศรัทธามาก บางคราวทรงตั้งเครื่องบัดพลีและกระทำการเสี่ยงสัตยาธิษฐานขอให้พระธาตุที่ในองค์พระปฐมเจดีย์ได้ปรากฏแก่พระองค์ ทรงนำบาตรพระไปตั้งรอไว้ ช้านานก็มิได้เกิดปรากฏการณ์พระธาตุ'เสด็จ' มาสู่พระองค์ท่านตามคำอธิษฐาน จนเมื่อเสด็จกลับพระนครแล้ว วันหนึ่ง ที่ในหอพระนาก ใกล้พระพุทธรัตนสถาน เกิดเอะอะกันขึ้นว่าพระพุทธรูปองค์หนึ่ง ตั้งไว้ใกล้ที่พระสัมพุทธพรรณี จู่ๆแสดงอาการเหมือนไฟไหม้ คือองค์พระโลหะนั้นแดงฉานขึ้นเหมือนถูกไฟ super Heat ลนเข้า แต่ไม่เกิดประกายเพลิงออกมา เมื่อเหตุสงบลงเเล้วสำรวจดูในเศียรพระนั้นมีพระธาตุเสด็จมา 2 องค์
ครั้นถึงสมัยรัชกาลที่ 6 ทรงดำรงพระอิสริยยศที่สยามมกุฎราชกุมาร ยามดึกทรงพระอักษรอยู่ที่พระที่นั่งองค์หนึ่งในเขตพระราชวังสนามจันทร์ ทอดพระเนตรออกไปช่องพระแกลเห็นดวงไฟสุกเย็นขนาดเท่าผลส้มโอ กำลังเคลื่อนที่รอบปล้องไฉนขององค์พระปฐมเจดีย์ โดยมีการเคลื่อนวนขวากระทำประทักษิณทักษินาวรรต ทรงนับได้ถ้วนสามรอบ เกิดสนเท่ห์ในพระราชหฤทัยยิ่งนัก มีพระราชดำริว่าชะรอยจะเปนด้วยมีสารฟอสฟอรัสจับอยู่แถบปล้องไฉนพระเจดีย์ จึงเรืองแสงขึ้นยามอากาศชื้นฝนตก ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้ขุนนางไทยและฝรั่งไปร่วมกันตรวจหาฟอสฟอรัส แต่ไม่พบ
ต่อมาทรงมีพระราชหัตถเลขากราบบังคมทูลพระบรมราชชนกนาถ ถึงเหตุดวงไฟผลส้มโอกระทำทักษิณาวรรตรอบพระปฐมเจดีย์ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าฯ ทรงตอบว่า -พ่อก็เคยเห็นเหมือนกัน- นัยยะว่าโดยจำเพาะในวันพระ พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 6 จึงได้ทรงเฉลิมพระนามพระที่นั่งที่ประทับทรงเห็นปรากฏการณ์ประหลาดนี้ว่า พระที่นั่งปาฏิหาริย์ทัศนัย องค์พระที่นั่งนั้นยังคงมีอยู่จนบัดนี้
ทั้งนี้การพิสูจน์ทราบกรณีของพระธาตุต่างๆนั้น ไม่เปนสารัตถะ แต่อย่างใด ด้วยเหตุว่าความเคารพนับถือในพระศาสดา ลำพังเพียงแม้พระนามของท่านผู้เปนศาสนิกได้ยินได้เห็นก็บังเกิดความนอบน้อมเคารพอยู่แล้ว ด้วยอำนาจความนับถือศรัทธา ไม่ได้มีเหตุให้ต้องพิสูจน์เพื่อเรียกศรัทธาจากผู้ไม่ใช่ศาสนิกเพิ่มเติมอีก อันอำนาจอธิจิตยองมนุษยปุถุชนที่สำรวมเพ่งกระแสแห่งความนับถือไปยังวัตถุใดๆหนึ่งๆนั้น พระเดชพระคุณพระราชสังวรญาณ (พุธ ฐานิโย) เคยอธิบายว่าแม้ผู้เพ่งมองนั้นไม่มีกำลังจิตขนาดใหญ่หรือสำเร็จอิทธิคุณใดๆ เมื่อสั่งสมมากๆเข้า ฐานรับนั้นก็เปี่ยมไปด้วยกำลังเข้าได้เอง ดังนี้แล้วเจดียสถานใดฝูงชนผู้สงบสำรวมจิตไปสักการะด้วยความศรัทธา ด้วยปฏิบัติบูชาก็อาจทำให้เปนแหล่งพลังงานทางจิตที่สงบเย็นแผ่กำลังออกให้ผู้ไปเยือนสัมผัสรับรู้ได้อย่างนั้นโดยอาจไม่จำเปนต้องอาศัยพระธาตุ
คงจะเหลือแต่เพียงในกรณีมิจฉาทิฏฐิตั้งใจเอาลูกแก้วลูกปัดปลอมมาอ้างเอาว่าเปนพระธาตุจัดแสดงเก็บสตางค์ให้คนสองจำพวกคือ ช่างสงสัย กับช่างงมงายเข้าไปเสียสตางค์ ฝ่ายแรกยินดีจ่ายเพื่อไปพิสูจน์ ฝ่ายหลังยินดีจ่ายเพื่อได้เข้าถึงของวิเศษกว่าใครๆ เช่นนี้แล้วก็เปนบาปกรรมขั้นต้นของผู้ต้นคิดทำกิจกรรม และเปนบาปเคราะห์ขั้นปลายแก่ผู้เข้าร่วมกิจกรรมสองประเภทดังกล่าว
ผู้ที่เปนที่ยอมรับในวงการพิสูจน์พระบรมสารีริกธาตุ และ พระอรหันตธาตุร่วมสมัย คือสมเด็จพระญาณสังวรสมเด็จพระสังฆราชเจ้าองค์ที่ 19 แห่งรัตนโกสินทร์ สมเด็จท่านเมื่อมีผู้นำสิ่งมีลักษณะเปนพระธาตุขึ้นถวายแล้ว มักทรงใช้เวลายามสงัด เปิดมิติทางจิตเพื่อติดตามดูที่มาที่ไป ของพระธาตุนั้น และจะทรงจดบันทึกไว้ว่าผลแห่งการติดตามนั้นทำให้ทรงทราบว่าเปนของท่านผู้ใด และจะประทานต่อให้เจ้าอาวาสเจ้าคณะต่างๆในปกครองนำไปบรรจุในพระพุทธรูป หรือ พระเจดีย์ต่อไป
กรณีของพระธาตุเจดีย์ต่างๆแต่โบราณนั้น ไม่จำเปนต้องมีของไปอามิสเพื่อจะบูชาท่าน หากเปนเช่นนั้นแล้วพระพุทธศานาก็จะไม่ใช่เปนของกลางที่สัมผัสและเข้าถึงได้ระหว่างชนทุกชั้นไม่ว่าจะยากดีมีจน อันเปนการผิดหลักการของพระศาสนาที่พระพุทธองค์ทรงกำจัดชนชั้นวรรณะออกไปให้แล้ว
โบราณได้รจนาเอาไว้ว่าเพียงกาย_วายา_ใจก็สามารถแสดงความเคารพโดยกำหนดอธิษฐานเอาส่วนต่างๆเปนเครื่องบูชาได้ดังนี้
มือข้าฯสิบนิ้วยกขึ้นหว่างคิ้ว ต่างธูปเทียนทอง
ดวงพักตร์ โสภา ต่างมาลากรอง
ดวงเนตรทั้งสอง ต่างประทีปถวาย
ผมเผ้าเกล้าเกศ ต่างประทุมเมศบัวทองพรรณราย
วาจาเพราะพร้อง ต่างละอองจันทร์ฉาย
ดวงจิตขอถวาย ต่างรสสุคนธาฯ
ดอกไม้ธูปเทียนที่ซื้อหาเข้าไปบูชาพระธาตุนั้นจึงเปนของเบื้องต้นเสียเปล่า หากไม่น้อมตัวน้อมใจเข้าสำรวมกาย_วาจา_ใจเเละนำข้อสำรวมเช่นว่านี้ไปปฏิบัติ อันเข้าขั้นปฏิบัติบูชา เกินขึ้นกว่าขั้นอามิสบูชาที่บูชาด้วยสิ่งของ อันน่าจะทำให้พระศาสดาทรงพลอยยินดีที่ศาสนิกมีกำลังก้าวขึ้นชั้นคำสอนที่สูงขึ้นและเข้าใกล้พระสัทธรรมของพระพุทธองค์ได้มากกว่าเดิม
นอกจากนี้สาธุชนพึงเดินทักษิณาวรรตเอาหัวไหล่ขวาชี้เข้าที่ศูนย์กลางบรรจุพระธาตุ อันเปนธรรมเนียมแสดงรหัสการเคารพบูชาด้วยไหล่ขวาของพวกอริยะกะมาแต่สมัยพุทธกาล
บางคนก็ถามว่าเดินไปทำไม ก็ขออธิบายว่า การสำรวมกาย_วาจา_ใจ ในทางพุทธศาสนาเปนเรื่องสำคัญ การสำรวมได้เพียงชั่วขณะหนึ่งนับเปนกุศลเปนผลดีแก่ตัว การทำกิริยาเดินวนด้วยกายสงบ วาจาสงบ(บางคนสวดมนต์) ใจสงบ ดังนี้ ก็เปนกุศลผลดีดังนั้น
ข้อที่พีงสังเกตเกี่ยวกับพระธาตุนั้น ชนบางพวกทราบดีว่าเปนที่นับถือบูชาของศาสนิกชน ได้ดำเนินการเล่นกลมายา เอาเพชรปลอมพลอยซีกมาอ้างว่าเปนพระธาตุจากนั้นก็เอายัดใส่มือพระสงฆ์ทำทีว่าทุกครั้งที่พรมน้ำมนต์ มัดหญ้าคาที่จุ่มลงในน้ำมนต์นั้นเมื่อสะบัดออกโปรยน้ำมนต์จะมีเม็ดพระธาตุปลอมหลุดหล่นลงมาด้วย พระสงฆ์ที่ร่วมกลมายาเหล่านี้โดยมากมักเปนพระหนุ่มเณรน้อยที่ปล่อยตัวปล่อยใจให้แก่ลาภสักการะ และหวังใจจะสร้างความโด่งดังแก่ตัวเอง คณะทำงานที่อดรนทนไม่ได้ประกอบด้วยผู้สำเร็จการศึกษาจาก บีอี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์รุ่นต่างๆกันได้ร่วมมือในการพิสูจน์มายากลนี้โดยไม่ได้รอให้ภาครัฐผู้เชื่องช้าและหมกมุ่นกับแต่เรื่องของตัวเข้ามาจัดการ คนหนึ่งเปนเจ้าของรายการวาไรตี้โด่งดัง อีกคนหนึ่งเปนรองนายกสมาคมพ่อค้าเพชร เมื่อได้เกล็ดพระธาตุที่ร่วงออกมาจากการพรมน้ำมนต์ของพระเณรนั้นแล้วก็พิสูจน์ด้วยกระบวนการอัญมณีศาสตร์ พบว่าเปนของทำอย่างเพชร มีขายทั่วไปที่พาหุรัด นี่เอง สอดรับกับการที่ทุกครั้งพระเณรนี้จะพรมน้ำมนต์ต้องพะวักพะวงกับมัดหญ้าคาและต้องมีย่ามใบหนึ่งติดอยู่ข้างตัวเสม อ เปนท่าทีของการบรรจุกระสุน ก่อนจะยิงออกมาด้วยวิธีประพรม เมื่อรู้ว่าจับไต๋ได้แล้วก็ค่อยเลิกราและหายไปจากวงการ
บันทึก
1
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
ตอบคำถาม เรื่องไทยคดี
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย