กรอบความคิด 2 แบบ
คนกลุ่มหนึ่งประสบความสำเร็จแบบครึ่ง ๆ กลาง ๆ ในขณะที่อีกกลุ่มประสบความสำเร็จอย่างก้าวกระโดด
ถ้าถามว่าคนสองกลุ่มนี้มีสิ่งใดที่ไม่เหมือนกัน
คำตอบคงจะเป็น “ความคิด”
เพื่อน ๆ หลายคนน่าจะรู้จักกรอบความคิด “Fixed Mindset” กับ “Growth Mindset” กันดี
แต่ถ้าหากใครที่ยังไม่รู้จัก ผมจะพาเพื่อน ๆ ไปรู้จักกับกรอบความคิดทั้งสองนี้ พร้อมทั้งพาไปดูว่าทำไมคนที่มีกรอบความคิดแบบ Fixed ถึงอยู่กับที่ ไม่พัฒนาสักที ในขณะที่คนที่มีกรอบความคิดแบบ Growth เติบโตขึ้นเรื่อย ๆ อย่างไม่หยุดไม่หย่อน
"กรอบความคิด 2 แบบ" แบ่งปันแนวคิดจากหนังสือ Mindset
คนที่มีกรอบความคิดแบบตายตัวหรือ Fixed Mindset มักจะคิดว่าคนที่จะประสบความสำเร็จได้ ต้องเก่งตั้งแต่เกิดเท่านั้น หรือต้องมีพรสวรรค์เท่านั้น ซึ่งแม้ไม่ต้องพยายามทำอะไรมากมายก็จะประสบความสำเร็จได้ง่าย ๆ
ดังนั้น พวกเขาจึงมุ่งมั่นที่จะพิสูจน์ตัวเองอยู่ตลอดเวลาว่าตัวเองเก่งเรื่องในเรื่องใดเรื่องหนี่งจริงหรือไม่ หากทำได้ไปสักพักและพบว่าไม่สำเร็จสักทีก็จะล้มเลิกแล้วบอกกับตัวเองว่า “ตัวเองไม่มีทางเก่งเรื่องนี้แน่ ๆ” หรือบอกว่า “เป็นเพราะตัวเองไม่ได้มีพรสวรรค์ด้านนี้” และเมื่อคิดเช่นนั้น พวกเขาก็จะบอกว่า “เรื่องนี้ พยายามไปก็เท่านั้น”
ยิ่งไปกว่านั้น หากพวกเขาพิสูจน์แล้วว่าตัวเองเก่งจริง เขาก็มักจะเก่งแค่ในระดับหนึ่งเท่านั้น
เช่น เด็กคนหนึ่งสอบได้คะแนนสูงสุดในโรงเรียน หากดูแบบผิวเผินจะดูเหมือนกับเด็กคนนี้ประสบความสำเร็จในการเรียน แต่ถ้าเด็กคนนี้มีกรอบความคิดแบบตายตัว เด็กคนนี้ก็จะไม่กล้าไปสอบแข่งขันในระดับที่สูงกว่า ไม่ว่าจะเป็นระดับจังหวัด หรือระดับประเทศ เพราะกลัวว่าหากไปเจอคนที่เก่งกว่าตัวเอง ตัวเองก็จะกลายเป็นคนที่ไม่เก่งขึ้นมาทันที เด็กคนนี้จึงเก่งแค่ในระดับโรงเรียน และจะไม่เก่งไปมากกว่านี้
ไม่ต้องสงสัยเลยว่ากรอบความคิดแบบตายตัวจะทำให้คนเราพบกับความสำเร็จแบบครึ่ง ๆ กลาง ๆ เพราะมันไม่เพียงแต่นิยามความพยายามว่าเป็นสิ่งที่เสียเวลา แต่ยังนิยามความล้มเหลวประหนึ่งว่าเป็นจุดจบของชีวิต ซึ่งจริง ๆ คุณเองก็รู้ว่ามันไม่ใช่
กลับกัน คนที่มีกรอบความคิดแบบพัฒนาได้ หรือ Growth Mindset จะนิยามความพยายามและความล้มเหลวที่แตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง
พวกเขาจะไม่คอยพิสูจน์ตัวเองว่าเก่งจริงหรือไม่ เพราะพวกเขาเชื่ออย่างยิ่งว่าทุกความสามารถล้วนเกิดจากความพยายามอย่างหนัก นักกีฬาระดับโลกที่ดูเหมือนจะมีพรสวรรค์ทุกคนล้วนผ่านการฝึกซ้อมมาอย่างหนัก และยังคงฝึกซ้อมอยู่อีกเสมอแม้ว่าจะประสบความสำเร็จแล้วก็ตาม
คนที่มีกรอบความคิดแบบพัฒนาได้จึงพัฒนาตัวเองอย่างสม่ำเสมอ เมื่อไรก็ตามที่พวกเขาเก่งแล้ว พวกเขาก็จะคิดว่ายังสามารถเก่งกว่านี้ได้อีก หรือยังมีอีกหลายคนที่เก่งกว่าพวกเขาอีกมากมาย แต่นั่นไม่ได้ทำให้พวกเขาปิดกั้นตัวเองเหมือนคนที่มีกรอบความคิดแบบตายตัว พวกเขาจะกล้าเผชิญหน้ากับความจริง อ้าแขนรับความท้าทายอยู่เสมอ
แม้ว่าในบางครั้งพวกเขาจะล้มเหลว จริงอยู่ที่พวกเขาเสียใจ แต่พวกเขาจะไม่จมอยู่กับมันนานเกินไป พวกเขาจะมองหาบทเรียน มองหาข้อผิดพลาดของตัวเองเพื่อแก้ไขให้ดียิ่งขึ้น
Fixed Mindset vs. Growth Mindset by Nigel Holmes
เมื่อไม่ได้มองว่าความพยายามเป็นเรื่องเสียเวลา จึงประสบความสำเร็จได้อย่างก้าวกระโดด
เมื่อไม่ได้มองว่าความล้มเหลวเป็นจุดจบของชีวิต จึงได้เรียนรู้สิ่งต่าง ๆ มากมาย
อย่างไรก็ตาม คนเราไม่จำเป็นต้องมีกรอบความคิดแบบพัฒนาได้สำหรับทุกเรื่อง
เรื่องบางเรื่องเราอาจจะมีกรอบความคิดแบบตายตัว
แต่เรื่องบางเรื่องเราก็อาจจะมีกรอบความคิดแบบพัฒนาได้
เช่น สมมติว่าคุณอยากเป็นนักเปียโน ไม่ได้อยากเป็นจิตกร
คุณก็ไม่จำเป็นต้องพยายามฝืนวาดรูปที่คุณไม่ชอบ แต่คุณจะพยายามฝึกซ้อมเปียโนอย่างหนัก
สุดท้ายไม่ว่าคุณจะมีกรอบความคิดแบบไหน สิ่งที่สำคัญคือขอให้คิดถึงกรอบความคิดแบบพัฒนาได้ไว้ให้ดี บางทีคุณอาจจะไม่ต้องมีมัน แต่ในบางทีคุณอาจจะต้องการให้มัน.
อย่างน้อยก็ในวันที่คุณไม่รู้ว่าจะเดินไปทางไหน และเดินไปอย่างไรต่อดี
ชอบกดไลก์ ใช่กดแชร์ เพื่อเป็นกำลังใจให้นักเขียน
.
“1 คนอ่าน 100 คนรู้” ร่วมแบ่งปันสิ่งดีๆ ไปด้วยกัน ผ่านการอ่านหนังสือ
.
ติดตาม Book Borrow ได้ใน
FB : fb.me/bookborroww
IG : @bookborroww
Blockdit : blockdit.com/bookborroww
#mindset #ใช้ความคิดเอาชนะโชคชะตา #กรอบคิดสองแบบ #fixedmindset #growthmindset #bookborrow
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
