1 ก.พ. 2021 เวลา 03:08 • ประวัติศาสตร์
#ยาวหน่อยค่อยๆอ่านนะจ๊ะ
“คบคนพาลพาลพาไปหาผิด”
“คบบัณฑิตบัณฑิตพาไปหาผล”
สุภาษิตสอนใจให้ทุกคน
เพื่อหลุดพ้นกิเลสเหตุเมามัว
“ตกกระไดพลอยโจน”โดนรับบาป
ในสภาพก่อกรรมกระทำชั่ว
เมื่อสมรู้ร่วมคิดผิดไม่กลัว
จึงเกลือกกลั้วเกิดคดีมีมากมาย
เกรียนยกแก๊งแรงยกก๊วนกวนยกกลุ่ม
ชอบมั่วสุมส่งผลจนเสียหาย
มิยับยั้งห้ามเพื่อนเตือนใจกาย
หลงอบายมุขเสพสุขลวง
ควรรู้คบบัณฑิตคิดศึกษา
จะนำพาพบสิ่งดีที่ใหญ่หลวง
ชีวิตเกิดมงคลดลทั้งปวง
ย่อมผูกพ่วงประเด็นสู่เส้นชัย
กัลยาณมิตรประสิทธิ์สร้าง
คือหนทางสุขจริงที่ยิ่งใหญ่
สมาคมอุดมการณ์สมานใจ
จับมือไว้ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน
สุภาษิตข้อคิดสอนย้อนระลึก
โปรดจงใช้สำนึกตรึกตรองมั่น
ดำรงคู่ศีลธรรมเป็นสำคัญ
คือคุณค่ารังสรรค์บัณฑิตเอย
จะเป็นพาลหรือบัณฑิตหากคิดคบ
ย่อมประสบมิตรสัมพันธ์กันทั้งสิ้น
ขอเพียงตนไม่ทำตัวมั่วราคิน
มั่นตงฉินความดีในชีวา
หมั่นชักชวนเพื่อนพาลให้อ่านเขียน
ช่วยปรับเปลี่ยนพฤติกรรมล้ำคุณค่า
แล้วต่อยอดความคิดวิทยา
ด้วยคบหาบัณฑิตลิขิตตน
สร้างสังคมสมดุลคุณประโยชน์
ขอจงโปรดเกื้อกูลเพิ่มพูนผล
มิทอดทิ้งผู้ด้อยกว่าปัญญาชน
พิพัฒน์คนแบบอย่างสร้างชาติไทย
อย่าแยกเหยียดพาลบัณฑิตคิดทับถม
หยุดหยามข่มยกตนว่าข้ายิ่งใหญ่
มีดีชั่วแต่ละคนปะปนไป
ระลึกไว้เตือนสติมิลำพอง
มิสายเกินการกลับใจใฝ่ธรรมะ
เลิกลดละกิเลสเหตุมัวหมอง
บัวสี่เหล่าต่างระดับจับตามอง
สักวันต้องเบ่งบานกลางลานบึง
แม้ติดตมจมใต้โคลนโดนเหยียบย่ำ
แสงแห่งธรรมยังสว่างส่องทางถึง
คบคนพาลคบบัณฑิตคิดคำนึง
ช่วยฉุดดึงสู่ความดีย่อมมีคุณ
เมื่อเรามีพื้นฐานของการคิด
รู้ถูกผิดแยกแยะดีและชั่ว
หากจะต้องคบใครอย่าไปกลัว
เพียงรู้ตัวมีสติลิขิตตน
คบเพื่อนพาลพาลพาไปหาผิด
คบบัณฑิตบัณฑิตพาไปหาผล
พึงระลึกเสมอเมื่อเจอคน
ย่อมปะปนชั่วดีมีสองทาง
“ยุคไทยแลนด์สี่จุดศูนย์”สมบูรณ์พร้อม
แต่อย่ายอมเสื่อมเสียเป็นเบี้ยล่าง
หลากบัณฑิตเห็นแก่ได้ไม่ละวาง
ด้วยเอาเปรียบเหยียบย่างอย่างนักบุญ
อย่าตั้งแง่แค่เปลือกนอกหลอกจัดฉาก
หลังหน้ากากซ่อนนิยามความหมกมุ่น
เราต้องมีเหตุผลเป็นต้นทุน
วิเคราะห์คุณคำนึงโทษโปรดไตร่ตรอง
ใช่บัณฑิตแล้วจะมีดีทุกสิ่ง
ใช่คนพาลเลวจริงยิ่งหม่นหมอง
อย่าเห็นงามตามกระแสแผ่ครรลอง
เสพสนองชอบเพราะเชื่อเมื่อถูกใจ
เอาศีลธรรมเป็นแกนกลางสร้างคุณค่า
ผ่านเวลามิตรภาพก็ทราบได้
ตนพึ่งตนเตือนตนย่อมพ้นภัย
เลือกคบใครพาลบัณฑิตภาษิตเตือน
วางจวักตักข้าวขาวสะอาด
ไว้ในถาดสำรับใกล้กับหม้อ
ทุกวี่วันผ่านไปไม่รั้งรอ
ยังคงตักข้าวต่อก็เหมือนเดิม
กลิ่นแกงกรุ่นหอมฟุ้งจรุงจิต
ไม่เคยติดปลายจวักสักครั้งเสริม
มิขวนขวายไขว่คว้ามาเพิ่มเติม
ไม่ริเริ่มฝึกหัดพัฒนา
เป็นจวักดักดานน้อยการกิจ
แม้ใกล้ชิดแกงอร่อยก็ด้อยค่า
ไม่เคยรู้รสชาติขาดปัญญา
เพราะศรัทธาสิ่งผิดคิดว่าดี
จวักวางข้างหม้อสอพลอใกล้
แต่ก็ไม่ซึมซับกับกลิ่นสี
สัมผัสเพียงข้าวเปล่าไม่เข้าที
เหมือนบุญมีมากล้ำแต่กรรมบัง
เพื่อบอกกล่าวประเด็นนี้ที่สาธก
ขอหยิบยกพุทธองค์ทรงสอนสั่ง
“อเสวนา จะพาลานัง”
สติตั้งระลึกรู้คู่กายใจ
คบบัณฑิตควรเข้าถึงซึ่งสิ่งถูก
ศีลธรรมปลูกความดีที่สดใส
เปรียบจวักตักแกงนั้นแล้วฉันใด
ลุความนัยภาษิตสื่อคือมงคล
โฆษณา