3 ก.พ. 2021 เวลา 03:00 • กีฬา
“ทีมชาติอิตาลี” ที่ผมมั่นใจ
BY โพนี่จี้จุด (พงศ์ปณต ตั้งตราชู)
ในวันที่ผมกำลังเขียนนี้ ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป หรือ “ยูโร 2020” ยังคงมีกำหนดเตะวันที่ 11 มิถุนายน - 11 กรกฎาคม ปีนี้เหมือนเดิม หลังจากเลื่อนมาด้วยเหตุผลของการแพร่ระบาดเชื้อไวรัส Covid-19 ทั่วภูมิภาคยุโรปอย่างต่อเนื่อง และรุนแรง จนฟุตบอลลีกจำเป็นต้องหยุดเตะ ในบางประเทศถึงขั้นตัดจบคว้าแชมป์ไปเลยก็มี ซึ่งแฟนทุกบอลคงทราบดีอยู่แล้ว
หลังการจากไปของ จาน เปียโร่ เวนทูร่า ที่สร้างประวัติศาสตร์สุดยอดแย่ในรอบศตวรรษ โดยการไม่สามารถพาทีมชาติอิตาลีไปเล่นฟุตบอลโลก 2018 ที่ประเทศรัสเซีย รวมถึงแข้งดังหลายคนก็เริ่มจะโรยราตาทอายุขัย จึงทำให้สมาคมฟุตบอลอิตาลี หรือ FIGC จ้าง โรแบร์โต้ มันชินี่ อดีตกุนซือผู้คว้าแชมป์กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และอินเตอร์ มิลาน มารับบทบาทผู้สังคยานา ลูกหนังแดนมักกะโรนี ให้แฟนบอลกลับมาศรัทธาอีกครั้งหนึ่ง
ซึ่งการมาของ "มันโช่" ทำให้เราได้เห็น เหล่าวัยรุ่น สายเลือดใหม่ ไฟแรง นำทีมโดย เฟเดอริโก้ คิเอซ่า ปีกตัวจี๊ดของยูเวนตุส ลูกชาย เอนริโก้ คิเอซ่า, นิโก้ บาเรล่า ห้องเครื่องสุดอึดวิ่งพล่านทั่วสนามของอินเตอร์ มิลาน, ซานโดร โตนาลี่ ตัวตัดเกมจอมเทคนิค ของ เอซี มิลาน, มอยเซ่ คีน ดาวยิงตีนระเบิด ที่ฟอร์มร้อนแรงของปารีส แซงค์ แฌแมง แถมด้วย นิโกโล่ ซานิโอโล่ เด็กมหัศจรรย์ของโรม่า ภายใต้การดูแลของแข้งจอมเก๋ามากประสบการณ์อย่าง เลโอนาโด้ โบนุชชี่, จอร์โจ้ คิเอลลินี่ คอยประคับประคอง และปลูกฝังนิสัยผู้ชนะ ให้เด็กๆมีความกระหายอยู่เสมอ ภายใต้ระบบการเล่น 4-3-3
แม้ว่าฟังดูสวยหรู เหมือนอัศวินขี่ม้าขาวมากู้โลก แต่ก็คงต้องบอกว่า การออกสตาร์ทของ มันชินี่ ดูค่อนค่างทุลักทุเลพอสมควร ประเดิมด้วยการแข่งขัน ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก ฤดูกาล 2018/19 อิตาลีตกรอบแรกด้วยผลงาน ชนะ 1 เสมอ 2 แพ้ 1 อยู่กลุ่ม A2 ร่วมกับ โปรตุเกส และโปแลนด์
แต่ดูจากรูปเกมภายใต้การนำทัพของ มันชินี่ ทำให้เห็นถึงความไม่ยอมแพ้ ต่างจากยุคของ ปู่เวนทูร่า ที่เหมือนถอดใจยอมแพ้ แม้เสียงนกหวีดยังไม่เป่าหมดเวลา 5 แต้ม จาก 12 แต้ม กับทรงบอลที่พอไปวัดไปวาได้มากขึ้น คงจะเร็วไปหากพูดว่า เขาไม่เหมาะสมในฐานะโค้ชทีมชาติอิตาลี
หลังจากได้ชิมรางกับ ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก ไปเรียบร้อยแล้ว สนามต่อไปคือ ฟุตบอลยูโร 2020 รอบคัดเลือก ที่เป็นของจริงแท้แน่นอน โดยอิตาลีอยู่กลุ่ม J ร่วมกับ กรีซ, บอสเนีย, ฟินแลนด์, อาร์เมเนีย และ ลิชเท่นสไตน์
พวกเขาพิสูจน์ให้สื่อต่างๆ ทั้งในประเทศ และต่างประเทศให้รู้ว่า อิตาลีคนดีคนเดิมได้กลับมา พร้อมกับอัพเกรดเวอร์ชั่นเป็น 2.0 จากสถิติการแข่งขันรอบคัดเลือก สามารถทำได้ 30 คะแนนเต็ม จากการแข่งขันทั้งหมด 10 นัด ยิงไปทั้งหมด 37 ประตู เสียเพียงแค่ 6 ประตู คลีทชีท 6 นัด โดย 9 ประตูจากทั้งหมด เกิดขึ้นในแมตช์ที่พวกเขา เปิดบ้านเจอทีมชาติอาร์เมเนีย พร้อมจบแมทช์นั้นไป 9-1 นับเป็นหนึ่งในประวัติศาสตร์ของอิตาลี ที่ยิงคู่แข่งได้มากขนาดนี้ ซึ่งต้องใช้เวลากว่า 73 ปี หลังจากทำได้ครั้งล่าสุดในฟุตบอลโอลิมปิกปี 1948
จากที่เล่นบอลไม่เป็นทรง ดูอ่อนปวกเปียก ไร้เสาหลัก ไร้ที่มั่น ดูล่องลอยเหมือนเป็นธาตุอากาศ มาในวันนี้เต็มไปด้วยความดุดัน กระหาย มีความเขี้ยว ไม่ปล่อยให้แต้มหลุดออกไปง่ายๆ มันทำให้ผมรู้สึกมีความหวังกับการเชียร์อิตาลีมากขึ้น ในตลอดระยะเวลากว่า 7 ปี ที่เห็น "จอมทัพอัซซูรี่" ที่เคยยิ่งใหญ่ ทำได้แค่เพียงประคับประคองตัวเองไม่ให้ทรุดหนักไปกว่านี้
แม้อนาคตอาจไม่แน่นอน แต่ โรแบร์โต้ มันชินี่ เคยให้สัมภาษณ์กับสื่อ Leadership Sport Forum เมื่อปลายปี 2019 ก็ได้แสดงถึงความมั่นใจ ทีมชาติบ้านเกิดของเขาจะสามารถคว้าแชมป์ยูโรได้ ซึ่งตัวเขาเองก็ยอมรับว่า ทีมชาติอื่นก็มีความแข็งแกร่งไม่แพ้กัน และต่างมีเป้าหมายคว้าชัยชนะในรายการนี้ แต่ตัวเขาเองก็อยากสร้างอนาคตที่ยิ่งใหญ่ให้ทีมชาตินี้เช่นเดียวกัน
สำหรับ ยูโร 2020 อิตาลีนั้นอยู่กลุ่ม A พร้อมกับ สวิสเซอร์แลนด์, ตุรกี และเวลส์ ดูไม่ยาก แต่ก็ไม่ง่าย ถ้าหากรักษาฟอร์มการเล่นให้โดดเด่นเหมือนรอบคัดเลือกได้ เส้นทางสู่แชมป์ ก็คงเป็นเรื่องที่ไม่ไกลเกินเอื้อม
แน่นอนว่า การแสดงความมั่นใจของผมในตอนนี้ ยังไม่มีอะไรเป็นหลักประกันอย่างแน่แท้ สำหรับผมแล้ว การสร้างสายเลือดใหม่ภายใต้การคุมทัพของ มันชินี่ มันก็น่าจะเพียงพอแล้ว ว่า “อิตาลีปีนี้ไม่ได้มาเล่นๆ”
ยูโรปีนี้ ทุกท่านเชียร์ทีมไหนกันบ้าง มาบอกกันได้นะครับ :)
- โพนี่จี้จุด
#EURO2020 #Azzuri #Football #Italy #PonyJeeJud #โพนี่จี้จุด
โฆษณา