2 ก.พ. 2021 เวลา 00:00 • ดนตรี เพลง
Massive attack อัลบั้ม “Mezzanine”
- Welcome to the darker side -
“Rising son” เป็นเพลงซิงเกิ้ลแรกที่ถูกปล่อยออกมาเมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม ปี ค.ศ.1997 ซึ่งเป็นเวลานานถึง 9 เดือน ก่อนที่ตัวอัลบั้ม “Mezzanine” อัลบั้มที่สามของ Massive attack วงดนตรีจาก Bristol หนึ่งในผู้บุกเบิกดนตรี Trip hop จะวางจำหน่าย ช่วงเวลาก่อนที่อัลบั้มเต็มจะปล่อยนี้สื่อให้เห็นถึงความยากลำบากในการทำงานและความเป็นเพอร์เฟคชันนิสต์ของวงได้เป็นอย่างดี
และเพราะเพลงนี้นี่เองที่ทำให้แฟนเพลงรับรู้ได้ในทันทีถึงความเปลี่ยนแปลงในด้านซาวด์ของวงซึ่งต่างจากสองอัลบั้มแรกที่ผ่านมา
Rising son เต็มไปด้วยซาวด์จากเอฟเฟครีเวิร์ปที่อื้ออึง ไลน์เบส Dub ที่ฟังดูหน่วง บีทกลองอิเล็กทรอนิกส์ที่มืดหม่นรวมไปถึงเสียง Sample จากเพลง “ I found a reason “ ของวงดนตรี The Velvet Underground ที่ถูกนำมาประกอบอีกด้วย
เมื่อเทียบกับสองอัลบั้มแรกของวงอย่าง Blue lines และ Protection ที่ซาวด์โดยรวมจะออกไปทางดนตรี Soul Reggae และ Hip Hop แล้ว อัลบั้ม Mezzanine ที่ทางวงโปรดิวซ์ร่วมกับโปรดิวเซอร์ Niel Davidge นี้ แนวทางกลับออกไปทางดนตรี Electronics Reggae รวมถึงดนตรี Rock และ Post-punk ที่ทำให้โทนรวมของอัลบั้มดูมืดหม่นมากกว่าเดิม
และแน่นอน การเปลี่ยนแปลงในแนวทางอัลบั้มนี้ของวงก็ไม่ได้เป็นไปอย่างราบรื่นและส่งผลให้ไม่นานหลังจากอัลบั้ม “Mezzanine” วางจำหน่าย สมาชิกยุคบุกเบิกดั้งเดิม “Mushroom” หรือ “Andrew Vowles” ก็ลาออกจากวง
ข้อพิพาทที่เป็นตัวชนวนเหตุหลักแห่งการแยกทางกัน (นอกจากความล่าช้าในการออกอัลบั้มนี้แล้วด้วยนั้น) เกิดจากความไม่ลงรอยกันของสมาชิกในวงซึ่งตอนนั้นมีสามคน ด้วยความเห็นต่างทางแนวดนตรีเป็นประเด็นสำคัญ ความเห็นที่ไม่ลงรอยกันระหว่างสองสมาชิก “Robert Del Naja” หรือ “3D” กับ “Mushroom” โดยทาง Del Naja ต้องการให้อัลบั้มนี้มีความเป็น Rock และ Post-punk มากขึ้นซึ่งก็ได้รับการสนับสนุนจากอีกหนึ่งสมาชิกหลักของวงนั่นคือ “Grant “Daddy G” Marshall” และโปรดิวเซอร์ Niel Davidge อีกด้วย ในขณะที่ “Mushroom ไม่เห็นด้วยจนถึงกับเคยพูดขึ้นมาระหว่างการทำอัลบั้มนี้ว่า “สรุปตอนนี้พวกเรากลายเป็นวง Punk กันแล้วใช่ไหมวะ?”
ซ้าย Robert Del Naja “3D” กลาง Grantley Evan Marshall “Daddy G” ขวา Andrew Lee Isaac Vowles “Mushroom”
ความไม่ลงรอยนี้ยังคงมีต่อมาในซิงเกิ้ลที่สองของอัลบั้ม “Teardrop” ซึ่ง Mushroom ในคราวแรกอยากให้นักร้องที่มาร้องในเพลงนี้เป็นคนอื่น แต่ในที่สุดสมาชิกอีกสองคนของวงกลับผลักดันให้ Liz fraser นักร้องแห่งวง Cocteau Twins วงระดับตำนานในแนว Dream pop และ Shoegaze มาร้องในเพลงนี้แทน และยังรวมไปถึงการแอบส่งเพลงนี้ไปให้ Madonna แบบลับๆโดย Mushroom แต่ภายหลังสมาชิกวงที่เหลือก็รู้เข้าจนได้โดยการเจอ email จากผู้จัดการของ Madonna ที่ตอบกลับมาว่าเธอยินดีที่จะร้องในเพลงนี้ (ซึ่งภายหลังสมาชิกที่เหลือในวงนอกจาก Mushroom ก็โหวตให้ไอเดียนี้ตกไป)
อัลบั้มนี้เปิดมาด้วยเพลงแรก “Angel” โดยภายหลังมันได้กลายมาเป็นหนึ่งในเพลงหลักในโชว์ของ Massive attack ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการผสมผสานระหว่างสไตล์เพลง นับเป็นหนึ่งในเพลงที่ Rock ที่สุดของวง เพลงนี้เต็มไปด้วยผนังเสียงจากกีต้าร์ไฟฟ้าซึ่งถือว่าเป็นสิ่งใหม่เมื่อเทียบกับอัลบั้มที่ผ่านๆมา ทุกอย่างในเพลงระเบิดขึ้นหลังจากที่มันดำเนินไปได้ 2 นาทีครึ่งหลังจากช่วงแรกของเพลงที่คืบคลานไปอย่างเชื่องช้า
Inertia creeps เพลงลำดับที่สี่ในอัลบั้มรวมถึงยังเป็นซิงเกิ้ลที่สี่ที่ปล่อยออกมา ได้รับแรงบันดาลใจส่วนหนึ่งมาจากสัดส่วนจังหวะของเพลงระบำหน้าท้องพื้นบ้านของประเทศกรีกและตุรกีซึ่ง 3D สมาชิกในวงได้รู้จักและได้ยินมาระหว่างไปเที่ยวที่เมือง Istanbul ด้วยจังหวะพื้นบ้านแบบนี้มาผสมกับเสียงซินธ์ที่วงสร้างขึ้นร่วมด้วยกีต้าร์แบบ Fuzz พร้อมเครื่องเคาะอย่าง Tamborine เพลงนี้จึงถือเป็นอีกหนึ่งมิติใหม่ในด้านซาวด์ของวง
Liz fraser ผู้ร้องเพลง Teardrop
หนึ่งในช่วงเวลาที่สวยงามที่สุดของอัลบั้มคงหนีไม่พ้นเพลงอย่าง Teardrop ซึ่งแตกต่างจากมาตรฐานทางเพลง Pop ทั่วไปในขณะนั้น เพลงนี้เป็นหนึ่งจากในสามเพลงของอัลบั้มที่ Liz fraser ร้องไว้อย่างที่กล่าวข้างต้น เสียงร้องของเธอเข้ากันได้ดีกับ riff ของเพลงสุดลึกลับที่ดำเนินไปคู่กับบีทแบบ Trip hop แทนที่จะเป็นเสียงร้องที่ดูลึกลับไปกับซาวด์ดนตรี เสียงร้องของ Liz กลับดูอ่อนไหวเปราะบาง Liz ได้รู้ข่าวว่า Jeff buckley นักร้อง นักแต่งเพลง ดาวรุ่ง (ลูกชายของศิลปินรุ่นใหญ่ Tim buckley) ผู้ที่มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับเธอในตอนนั้น เสียชีวิตไปในขณะที่อยู่ในช่วงการบันทึกเสียงเพลง Teardrop ความเศร้านั้นจึงถูกถ่ายทอดลงในเพลงนี้ผ่านการเขียนเนื้อเพลงของเธอ
Horace Andy อีก1นักร้องรับเชิญหลักในอัลบั้มนี้
ยังมีอีกส่วนผสมหนึ่งที่น่าสนใจในอัลบั้มนี้นั่นคือนักร้องรับเชิญหลักอีกคนที่ชื่อว่า Horace Andy นักร้อง reggae ระดับตำนานที่มีส่วนช่วยให้อัลบั้มมีมิติมากยิ่งขึ้นเช่นในแทร็ค Angel หรือ Man next door ด้วยเสียงร้องที่มีความนุ่มนวล แหลมสูง ผสมด้วยเทคนิค Vibrato ทำให้เกิดเป็นส่วนผสมที่ลงตัว เพิ่มความดราม่าและอ่อนโยนคู่ไปกับดนตรีที่มืดหม่นและลึกลับ
เราจะยังพบ Sample น่าสนใจต่างๆที่แทรกอยู่และเติมเต็มอัลบั้มนี้ให้สมบูรณ์ได้อีกไม่ว่าจะเป็นเสียงกีต้าร์จากแทร็คของวง The Cure หรือเสียงกลองของ John Bonham มือกลองแห่งวง Led Zeppelin เช่นในแทร็ค Man next door เป็นต้น
อย่างไรก็ตามอัลบั้มนี้กลับเป็นหมุดหมายสำคัญทางดนตรีของวงซึ่งสามารถเทียบได้กับอัลบั้ม Ok computer ของ Radiohead หรือ Sgt. pepper’s lonely hearts club band ของ The Beatles เลยทีเดียว เพลงหลายๆเพลงในอัลบั้ม Mezzanine ยังคงเป็นหัวใจหลักในโชว์ของ Mazzive attack มาจนถึงปัจจุบัน
3 สมาชิกหลักในขณะนั้น
อัลบั้มนี้ยังถือเป็นอัลบั้มที่ประสบความสำเร็จที่สุดของ Massive attack ในแง่ของการตลาด อัลบั้มติดชาร์ทอันดับหนึ่งใน UK ขึ้นชาร์ทของ The top 100 ของอเมริกา ขายได้มากกว่าสองล้านก๊อปปี้ทั่วโลกและยังเป็นอิทธิพลทางดนตรีให้แก่วงรุ่นหลังอีกมากมาย หลายเพลงในอัลบั้มถูกเอาไปคัฟเวอร์ในหลากหลายเวอร์ชั่นอีกด้วย
Mezzanine ยังคงเป็นผลงานทางดนตรีที่ยอดเยี่ยมต่อมาจนถึงทุกวันนี้ ถือเป็นความงามแห่งวิถีใหม่ในสุ้มเสียงที่มืดมนกว่าของ Massive attack เสมอมา
#LASTBANDINTHEWORLD
โฆษณา