3 ก.พ. 2021 เวลา 00:39 • ธุรกิจ
Who owns the business? Ep.8
ใครเป็นเจ้าของTencent ซึ่งเป็นบริษัทเจ้าของ wechat เเละเกมส์ Rov ???
เขาคนนั้นก็คือ หม่า ฮั่วเถิง หรือ โพนี่ หม่า เกิดวันที่ 29 ตุลาคม 1971 เกิดในเมืองโจวหยาง มณฑลกวางตุ้ง ประวัติในวัยเด็กค่อนข้างปกปิด เนื่องจาก โพนี่ หม่า ไม่นิยมให้สัมภาษณ์ออกสื่อเท่าไหร่นัก
โพนี่ หม่า ร่วมกับเพื่อนอีก 3 คน ก่อตั้งบริษัท Tencent ขึ้นมาในปี 1998 ในช่วงแรกให้บริการเกี่ยวกับ System Integration หรือบริการวางระบบคอมพิวเตอร์และเครือข่ายสำหรับองค์กรเป็นหลัก
โพนี่ หม่า และเพื่อน ๆ ต้องทำทุกหน้าที่ในบริษัท ตั้งแต่ภารโรง โปรแกรมเมอร์ บัญชี พนักงานขาย ซึ่งเป็นเรื่องปกติของ SME ที่เพิ่งเริ่มต้นทำธุรกิจ เพื่อให้ธุรกิจอยู่รอด ในขณะเดียวกัน โพนี่ หม่า ก็หาโอกาสที่จะพัฒนาบริษัทให้ไปได้ไกลกว่านี้
ในที่สุด ในปี 2000 Tencent ก็พบเนื้อคู่ คือบริษัท Naspers จากแอฟริกาใต้ ที่เข้ามาร่วมลงทุนกับ Tencent แต่ก็ต้องแลกกับหุ้นที่สูงถึง 46% ของบริษัท ซึ่ง Tencent ไม่มีทางเลือกอื่น เพราะต้องการเงินสดเข้ามาพยุงธุรกิจ
ทำให้ Tencent สามารถดำเนินกิจการต่อไปได้ และทำกำไรในเวลาต่อมา โดยในปัจจุบันนี้ Naspers ยังคงมีสัดส่วนหุ้นใหญ่อยู่ใน Tencent แม้จะมีสัดส่วนหุ้นที่ลดลง(จากการเพิ่มทุน)บ้างก็ตาม
และในปี 2004 นี้เอง Tencent ได้เริ่มขยายธุรกิจเข้าสู่ตลาดเกมออนไลน์ โดยเริ่มจากการซื้อลิขสิทธิ์จากบริษัทเกมต่าง ๆ ทั้งในญี่ปุ่น จีน เกาหลีใต้ มาให้บริการผู้เล่นในประเทศจีน โดยสร้างรายได้ผ่านการขายไอเท็มต่าง ๆ ในเกม ทั้งเสื้อผ้าและอาวุธ โดยใช้เงินเสมือน
ซึ่งกลายเป็นแพลตฟอร์มที่ทำเงินมหาศาลในเวลาต่อมา ภายหลังเมื่อธุรกิจเริ่มเติบโต Tencent จึงเริ่มพัฒนาเกมของตัวเอง รวมถึงเข้าไปร่วมลงทุนในบริษัทเกมในต่างประเทศมากมาย เช่น
1.Riot Games บริษัทเกมจากสหรัฐฯ เจ้าของเกม League of Legends ที่โด่งดังระดับโลก ตอนนี้ Tencent ถือหุ้นทั้งหมดของ Riot Games แล้ว
2.Supercell ผู้ผลิตเกมมือถือจากฟินแลนด์ เจ้าของเกม Clash of Clans และ Clash Royale ตอนนี้ Tencent ถือหุ้น 84%
3.Epic Games ผู้ผลิตเกมพีซีชื่อดังของสหรัฐอเมริกา มีผลงานอย่าง Unreal, Gears of War ตอนนี้ Tencent ถือหุ้นประมาณ 40% ของ Epic Games
เมื่อมีรายได้มากขึ้น และมาจากทุกทิศทาง จึงมีเงินสดในมือมหาศาล และเงินเหล่านั้นต้องนำไปลงทุนต่อ Tencent จึงเข้าซื้อและลงทุนในกิจการต่างๆอย่างมากมาย เช่น เข้าลงทุนใน JD.com ของ ริชาร์ด หลิว ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซอันดับ 2 ของจีน
รองจาก Alibaba ซึ่ง Tencent ถือหุ้น JD อยู่ 15% (แม้จะมี paipai.com ที่เป็นแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซของตัวเองอยู่แล้ว แต่การถือหุ้นของ JD จะทำให้ Tencent สามารถแข่งขันกับ Alibaba ได้ง่ายขึ้น)
Tencent ยังเซ็นสัญญาเป็นพาร์ทเนอร์กับบริษัทสื่อของอเมริกา อย่าง HBO, NBA, Warner Bros. เพื่อเป็นผู้จัดจำหน่าย/ถ่ายทอดสดแต่เพียงผู้เดียวในประเทศจีนอีกด้วย
โดยมูลค่าทรัพย์สินของ โพนี่ หม่า ในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา มีประมาณ 3.98 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ สูงสุดเป็นอันดับ 1 ของเอเชีย อันดับที่ 2 คือ แจ๊ค หม่า มีทรัพย์สินรวม 3.78 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ อันดับที่ 3 คือซู เจีย หยิน (เจ้าของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ Evergrande Group)
มีทรัพย์สินรวม 3.76 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ในขณะที่ ลี กาซิง อดีตมหาเศรษฐีอันดับ 1 ของเอเชียมีมูล่คาทรัพย์สินลดลงเหลือ 3.39 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ โดยทั้ง 3 คนนี้ คือ โพนี่ หม่า , แจ็ค หม่า และ ซูเจีย หยิน กำลังขับเคี่ยวกันอย่างที่สุด มูลค่าทรัพย์สินของแต่ละคนมีการขึ้นลงตลอดเวลา ดังนั้นจึงผลัดกันขึ้นเป็นที่ 1 แทบทุกเดือน ยังไม่มีผู้ใดทิ้งห่างและชนะแบบขาดลอย แต่คาดว่า ภายในปี 2018
หากสถานะกระแสเงินสดของ Tencent ยังดีมากขนาดนี้ น่าจะเอาชนะการเติบโตจากอสังหาริมทรัพย์ของ ซู เจีย หยิน และ เอาชนะอีคอมเมิร์ซ ของแจ๊ค หม่า ได้อย่างขาดลอยแน่นอน
โฆษณา