2 ก.พ. 2021 เวลา 02:54 • การเมือง
ประเทศเจริญด้วยผู้นำที่มีวิสัยทัศน์
โดย
นิติภูมิธณัฐ
มิ่งรุจิราลัย
หลายท่านสงสัยว่า ทำไมอินโดนีเซียซึ่งแต่เดิมเป็นประเทศที่มีการเมืองสุดแสนจะวุ่นวายขายปลาช่อน จึงกลายเป็นประเทศที่การเมืองนิ่งและมีพัฒนาการด้านประชาธิปไตยสากลอย่างต่อเนื่อง
https://www.beritasatu.com/nasional/217012/ini-3-kapital-politik-sby-di-mata-internasional
ขอตอบว่า เพราะการปฏิรูปการเมืองใหม่เพื่อสร้างประชาธิปไตยที่เข้มแข็ง ยกเลิกการผูกขาดอำนาจของพรรคการเมืองต่างๆ เดิมประชาชนเลือกผู้แทน ผู้แทนก็ไปเลือกประธานาธิบดี ทำให้ประธานาธิบดีไม่มีความเข้มแข็ง จะเป็นประธานาธิบดีอยู่ได้ ก็ต้องต่อรองอำนาจกับผู้แทนและการเมืองกลุ่มต่างๆ
จุดพลิกผันของการเมืองอินโดนีเซียก็คือการเปลี่ยนให้มี ‘การเลือกตั้งประธานาธิบดีโดยตรง’ ขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อ พ.ศ.2547 คนที่ได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีคนที่ 6 แต่เป็นคนที่ 1 ที่มาจากการเลือกตั้งโดยตรงจากประชาชนคนทั้งประเทศคือ ซูซีโล บัมบัง ยุโธโยโน
5 ปีในตำแหน่งประธานาธิบดีของยุโธโยโน การเมืองอินโดนีเซียนิ่งจากการที่ไม่ต้องไปต่อรอง การไม่ต้องพะว้าพะวงเรื่องพรรคและนักการเมืองทำให้ยุโธโยโนทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ และได้รับการเลือกตั้งเป็นสมัยที่ 2 ใน พ.ศ. 2551
ประธานาธิบดีอินโดนีเซียเป็นได้ 2 วาระ คราวนี้ยุโธโยโนไม่ต้องคำนึงถึงการเมืองเลย ไม่ต้องเอาใจใครเพื่อให้มาลงคะแนนให้ตัวเองในครั้งถัดไป
ตอนเป็นประธานาธิบดีสมัยที่ 2 นี่ละครับ ยุโธโยโนเริ่มปฏิรูปกองทัพโดยไม่กลัวทหารที่เสียอำนาจจะมาเล่นงาน แถมแกยังออกกฎหมายที่สนับสนุนการบริหารในระดับภูมิภาคอย่างอิสระ
ก่อนหน้านั้น มีผู้คนใน 2 แห่งของอินโดนีเซียที่อยากจะแยกดินแดน คือ อาเจะห์ และปาปัว ในการเป็นประธานาธิบดีสมัยแรก ยุโธโยโนยังต้องเกรงคะแนนเสียง แต่พอสมัยที่ 2 แกกล้าใช้นโยบายลดความขัดแย้งของกลุ่มที่ต้องการแยกดินแดนทั้ง 2 แห่งจนเหตุการณ์สงบ
https://m.liputan6.com/bisnis/read/2139802/10-kegagalan-sby-di-bidang-ekonomi
ย้อนหลังกลับไปในสมัยการเป็นประธานาธิบดีครั้งที่ 1 ยุโธโยโนยังต้องเกรงใจกลุ่มทุนที่คุมเศรษฐกิจของประเทศ แต่พอชนะเลือกตั้งครั้งที่ 2 ก็ไม่ต้องเกรงใจกันอีกแล้ว แกฟื้นฟูเศรษฐกิจ ปฏิรูปไปสู่เปิดเสรีการตลาด มีการลงนามเปิดการค้าเสรีร่วมกับประเทศต่างๆ
สมัยที่ 2 ยุโธโยโนไม่ต้องกังวลเรื่องฐานการสนับสนุนแล้ว คราวนี้แกฟันกลุ่มข้าราชการและนักการเมืองที่ทุจริตคอรัปชั่นแบบไม่เลี้ยง ซึ่งปัญหาคอรัปชั่นนี่ละครับที่บั่นทอนเสถียรภาพความมั่นคงและความมั่งคั่งของอินโดนีเซียมาโดยตลอด
2
พอยุโธโยโนทำจริง  ประเทศก็เติบโตอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะทางด้านเศรษฐกิจ สามารถลดความเหลื่อมล้ำด้านรายได้ประชาชน
แม้จะเป็นนายทหารนอกราชการ แต่ยุโธโยโนก็มีวิสัยทัศน์ทันสมัย แกปรับปรุงนโยบายด้านเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง จนสามารถรองรับการเปลี่ยนแปลงของภูมิภาคได้
ก่อนหน้ายุคของยุโธโยโนมีเหตุการร้ายเกิดขึ้นหลายครั้ง ถ้าผู้อ่านท่านยังจำได้ มีเหตุระเบิดที่บาหลีเมื่อ พ.ศ. 2545 ชื่อเสียงของประเทศในเรื่องการก่อการร้ายทำให้ภาพลักษณ์ของอินโดนีเซียแย่มากในสังคมโลก แต่เพราะการทำงานจริงจังของยุโธโยโนทำให้ยังประคองประเทศไปได้ ในยุคของยุโธโยโนมีสึนามิที่ทำให้คนบนเกาะสุมาตราตายไปมากกว่า 1 แสน ต่อมามีเหตุระเบิดที่โรงแรมที่จาการ์ตาใน พ.ศ. 2552
สมัยที่ 2 ยุโธโยโนทำแผนแม่บทเพื่อการเร่งรัดและขยายการพัฒนาเศรษฐกิจของอินโดนีเซียที่เรียกกันว่า MP3EI เพื่อเป็นแนวทางในการพัฒนาประเทศโดยมีเป้าหมายชัดเจนที่จะทำให้อินโดนีเซียเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ติดอันดับ 1 ใน 10 ของโลกในอนาคต
เมื่อหมดวาระที่ 2 ของการเป็นประธานาธิบดีของยุโธโยโน อินโดนีเซียก็เปลี่ยนแปลงอย่างเห็นหน้าเห็นหลัง และเมื่อ 9 กรกฎาคม 2557 ก็มีการเลือกตั้งประธานาธิบดีโดยตรงครั้งที่ 3 คนทั่วไปคิดว่าอดีตนายพลปราโบโว ซูเบียนโตจะชนะเลือกตั้ง แต่ประชาชนคนอินโดนีเซียกลับเลือกนายโจโก วีโดโด อดีตนายกเทศมนตรีเมืองโซโลตะวันออกและผู้ว่าการกรุงจาการ์ตา ด้วยภาพลักษณ์ความเป็นคนธรรมดาและเข้าถึงง่าย
https://mobile.abc.net.au/news/2015-04-15/joko-widodo-susilo-bambang-yudhoyono/6395152?nw=0&pfmredir=sm
ถึงตอนนี้วีโดโดกำลังเป็นประธานาธิบดีสมัยที่   2
แค่ได้ผู้นำมีวิสัยทัศน์เพียง 2 คน 4 สมัย
อินโดนีเซียก็พุ่งกระฉูดส่งตูดจัมโบ้แล้วครับ.
โฆษณา