28 ก.พ. 2021 เวลา 01:30 • หุ้น & เศรษฐกิจ
ทริคการเทรดหุ้นแบบไม่เฝ้าจอ
เนยได้รับคำถามเยอะมากๆ ว่า เป็นนักศึกษา
ทำงานประจำ แล้วไม่มีเวลาเฝ้าจอ จะเทรดหุ้นได้มั้ย ?
2
เลยรวบรวมคำตอบมาเขียนเป็น Content เพื่ออธิบายให้เข้าใจมากขึ้นค่า
พอลองถามคำถามนี้กับตัวเอง
เนยคิดว่าส่วนที่ใช้เวลานานคือการวางแผนหลังตลาดหุ้นปิดค่ะ
1
ซึ่งเป็นนักศึกษา ทำงานประจำ แล้วไม่มีเวลาเฝ้าจอ จะเทรดหุ้นได้มั้ย ?
คำตอบคือ ได้แน่นอนค่ะ ไม่มีอะไรยากเกินถ้าเราพยายาม
เนยขอแบ่งเป็น 2 ส่วนนะคะ ส่วนช่วงตลาดปิดและช่วงตลาดเปิด
ซึ่งแน่นอนว่าช่วงตลาดเปิด
เราไม่มีเวลาเฝ้าหน้าจอ เลยอยากแนะนำฟังก์ชั่นอัตโนมัติที่ใช้ฟรีค่ะ
1. เลือกหุ้นพื้นฐานดี
สำหรับมือใหม่เนยอยากให้เริ่มศึกษาจากหุ้นใน SET50 ก่อนค่ะ
มีแค่ 50 ตัวเอง นิดเดียว
แล้วค่อยขยับไปหา SET, MAI, Warrant และ DW ค่ะ
1
SET จะเป็นแหล่งระดมทุนระยะยาวของบริษัทที่มีขนาดใหญ่
ซึ่งมีทุนชำระแล้วหลัง IPO ตั้งแต่ 300 ล้านบาทขึ้นไป
และ mai จะเป็นแหล่งระดมทุนของธุรกิจที่มีศักยภาพขนาดกลางและเล็ก
ซึ่งมีทุนชำระแล้วหลัง IPO ตั้งแต่ 50 ล้านขึ้นไปค่ะ
ช่องทางการทำความรู้จักกับหุ้นใน SET: https://bit.ly/2YvZsGf
ช่องทางการทำความรู้จักกับหุ้นใน MAI ที่อยากแนะนำ : https://bit.ly/2ZuUevM
2. เลือกหุ้นที่ไม่ผันผวนมากหรือ หุ้นที่เรารับความเสี่ยงได้
เนยเคยเล่นหุ้นซิ่งช่วงเรียนค่ะ ตอนเช้าเปิดมา + 20%
พอเลิกเรียนกลับมาที่เดิม ขายทิ้งก็ขาดทุนค่าคอมมิชชั่นอีกค่ะ งงมาก
เลยอยากแนะนำให้คนที่ไม่มีเวลาเฝ้าจอ พยายามเลือกหุ้นที่เราควบคุมได้
หัวข้อนี้เนยเน้นสำหรับคนที่อยากเก็งกำไรนะคะ ส่วนถ้าใครที่เน้นปันผล
ก็ดูจากปันผลและพื้นฐานเป็นหลักก็ได้ค่ะ
อยากแนะนำว่า พยายามเลือกตัวที่ขึ้น-ลงกลางๆ ไม่หวือหวา
หลีกเลี่ยงหุ้นที่เปิดโดดขึ้น-โดดลงแบบน่ากลัว
หรือหุ้นที่ทำไส้บนยาวๆ ไส้ล่างยาวๆ ค่ะ
3. วางแผนเงินที่จะซื้อให้ดีและมีวินัยในการ Stoploss
4. ติดตามข่าวทั้งในและนอกประเทศ
3
4.1 รวมบทวิเคราะห์ของทุกโบรก : https://bit.ly/2x4af0U
4.2 หุ้นที่ Volume เข้าผิดปกติจากที่นักลงทุนต่างชาติซื้อ-ขายผ่านNVDR : https://bit.ly/2B5qtbS
1
4.3 รายงานเศรษฐกิจและการเงินรายเดือน จากธนาคารแห่งประเทศไทย : https://bit.ly/30AholZ
4.4 ดัชนีราคาและภาวะเงินเฟ้อ ดัชนีเศรษฐกิจ จากกระทรวงพาณิชย์ : https://bit.ly/3fjfl9X
4.5 รายงานแนวโน้มเงินเฟ้อ จากธนาคารแห่งประเทศไทย : https://bit.ly/2UAChJK
4.6 GDP ของบ้านเรา : https://bit.ly/2UFbxrA
4.7 ดูตลาดต่างประเทศ
- ดัชนี Dow Jones : https://bit.ly/3cWIMNF
- ดัชนี Dow Jones Futures : https://bit.ly/37maOko
- ดัชนี Nikkei : https://bit.ly/2BSlRpF
- ดัชนี Hang Seng : https://bit.ly/2UTmjuL
- Trading Economic รวมข้อมูลครบ : https://bit.ly/3hlIx1
2
4.8 ดูราคาน้ำมันโลก
- Brent Oil เป็นสัญญาน้ำมันที่ส่งมอบที่ยุโรป : https://bit.ly/3fmIKjp
- WTI หรือ Crude Oil เป็นสัญญาน้ำมันที่ส่งมอบที่อเมริกา : https://bit.ly/2XWY4xi
4.8 ค่าการกลั่น (Singapore GRM)
- บทวิเคราะห์ : https://bit.ly/3dXnjVV
- กราฟ : https://bit.ly/2B544Lr
4.9 ดัชนีค่าระวางเรือ : https://tradingeconomics.com/commodity/baltic
4.10 ราคาถั่วเหลือง : https://bit.ly/37w0Xso
4.11 ราคาน้ำตาล : https://bit.ly/2B25TsG
4.12 ราคายางแผ่น (TOCOM) : https://bit.ly/37njyGZ
5. ใช้ตัวช่วยดีๆ อย่างพวกฟังก์ชั่นอัตโนมัติ
1
เนยเอาข้อมูลที่เคยเขียนไว้ มารวมไว้ที่นี่ค่ะ
5.1 Stop Order
ระบบจะส่งคำสั่งซื้อ-ขาย ถ้าราคาตอนนี้ตรงกับราคาที่เราตั้งไว้
สมมุติว่าเนยอยากซื้อหุ้นตอนเบรกแนวต้าน แต่กลัวหุ้น False Break
เราก็ตั้งเงื่อนไขว่ายืนราคาแนวต้านให้ได้ก่อน แล้วค่อยซื้อตาม
1
หรือถ้าอยาก Cut loss หุ้นตอนที่มันหลุดแนวรับ แต่ก็กลัวว่ามันจะเป็นแค่การ Overlap เราก็ตั้งได้ว่า ถ้ามันหลุดราคานี้แล้วดึงกลับ ไม่ลงไปลึกกว่านี้ ระบบก็จะยังไม่ขายให้ค่ะ
2
5.2 Trailing Stop
ระบบจะส่งคำสั่งซื้อ-ขาย ถ้าราคาตอนนี้กลับตัวตามเงื่อนไขที่เราตั้งไว้
อันนี้ตั้งเงื่อนไขกันไว้กันขายหมูได้ดีเลย ยกจุดล็อกกำไรตามราคาหุ้นขึ้นไปเรื่อยๆ
แถมเอาไว้ซื้อหุ้นที่เป็นขาลง แล้วกำลังจะกลับตัว มีโอกาสเป็นต้นรอบได้ด้วย
1
5.3 Bracket Order
ระบบจะส่งคำสั่งซื้อ-ขาย ถ้าราคาตอนนี้เบรกราคาที่เราตั้งไว้ขึ้นไป หรือทะลุราคาที่เราตั้งไว้ลงมา
อันนี้ตั้งเงื่อนไขครั้งเดียวว่าถ้ามันขึ้น เราจะขายทำกำไรที่ราคาไหน แล้วถ้ามันลงแทนล่ะ เราจะขายขาดทุนที่ราคาไหน
5.4 DCA (Dollar-Cost Averaging)
ซึ่งมีความหมายก็คือเป็นการลงทุนแบบถัวเฉลี่ยต้นทุนด้วยจำนวนเงินที่เท่าๆ กัน โดยกำหนดความถี่และระยะเวลาที่ต้องการลงทุน
พูดง่ายๆ ก็คือ การออมหุ้นโดยที่กำหนดเงินทุนว่าครั้งละกี่บาท, กำหนดความถี่ว่าทุกๆ กี่อาทิตย์ กี่เดือน และกำหนดระยะเวลาว่าจะออมแบบนี้นานแค่ไหน โดยที่ไม่ได้สนใจว่าราคาจะเป็นเท่าไหร่
1
การ DCA มีให้เลือกหลายแบบเลย
เนยขอยกบางตัวอย่างตามความเข้าใจนะคะ
- เปิดพอร์ตทั่วไป แล้วทยอยซื้อเอง
เหมาะสำหรับคนที่มีวินัยแบบจริงจัง แล้วไม่อยากฟิกว่าต้องซื้อทุกๆ วันนั้นวันนี้ จะเลือกเฉพาะวันที่หุ้นย่อลงมา แถมชื่อหุ้นและค่าคอมมิชชั่นในการซื้อ-ขายก็เลือกเองได้แบบอิสระ
- เปิดพอร์ตสำหรับ DCA ที่บางโบรกเกอร์มีให้
เหมาะสำหรับคนที่อยากออมหุ้น แต่ไม่มีเวลา เน้นความสะดวก เพราะโบรกจะจัดการให้หมดเลย เราก็แค่ไปเลือกรายชื่อหุ้นที่เขามีให้ เลือกจำนวนเงิน ความถี่ ระยะเวลา แต่ค่าคอมมิชั่นค่อนข้างสูงและเราจะขายเองไม่ได้ค่ะ
- เปิดพอร์ตทั่วไป แล้วใช้ฟังก์ชั่น DCA Order ที่บางโบรกเปิดให้ใช้ อันนี้คือเรื่องที่จะแชร์ในวันนี้ค่ะ เราก็จะเป็นคนใส่เงื่อนไขเองทั้งหมด แถมชื่อหุ้นและค่าคอมมิชชั่นในการซื้อ-ขายก็เลือกเองได้แบบอิสระ อยากขายก็ขายได้ปกติ หรือถ้าไม่อยากออมหุ้นแล้วก็ไม่ต้องใช้ฟังก์ชั่นนี้ แล้วกลับมาเทรดเองได้ในพอร์ตเดียวกัน
( เรื่องขั้นต่ำของค่าคอมมิชชั่น ถ้าใครงง มันคือ ถ้าเทรดแล้วค่าคอมไม่ถึง xx บาท โบรกจะเก็บค่าคอมเหมาๆ xx บาทต่อวันค่ะ *แต่ถ้าวันนั้นไม่มีการซื้อ-ขายเกิดขึ้นก็จะไม่โดนคิดค่าคอมนะคะ)
6. Sense & Notification Settings
อันนี้จะส่งข้อความแจ้งเตือน เฉพาะหุ้นที่เราสนใจ หุ้น Favorite , หุ้นในพอร์ต รวมถึงหุ้นที่เราดูบ่อยๆ
6.1 Stock Movement Alert :
- Most Active Volume คือ หุ้นที่มีปริมาณการซื้อขายสูงสุด
- Most Active Value คือ หุ้นที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด
1
- Top Gainer/Loser คือ หุ้นที่ราคาเปลี่ยนแปลงไปทางบวก/ลบมากสุดเทียบกับราคาปิดของเมื่อวาน
- Top Swing คือ หุ้นที่มีการแกว่งตัวระหว่างราคาสูงสุดและต่ำสุดมากที่สุด
- Big Lot คือ หุ้นที่มีการซื้อขายในจำนวนมาก นอกกระดาน
6.2 Technical Alert
- Break 52 Week High/Low คือ หุ้นที่ราคาปรับตัวสูงสุด/ต่ำสุดในรอบ 52 สัปดาห์ หรือจะมองเป็น 1 ปีก็ได้
2
- Break 5 Days Average Volume คือ หุ้นที่มีปริมาณการซื้อขายวันนี้มากกว่าค่าเฉลี่ยของ 5 วันที่ผ่านมา
6.3 Stock Calendar and Turnover List :
หุ้นที่เราสนใจขึ้นเครื่องหมาย CA (Corporate Action : บริษัทฯ ประกาศดำเนินการ เช่น XD, XR) ิและหุ้นติด Cash Balance
6.4 News : หุ้นที่เราสนใจมีข่าวอัพเดทจากทางตลาดฯ
ในโพสต์นี้เป็นแค่ตัวอย่างและขั้นตอนในการใช้ฟังก์ชั่นนะคะ
หุ้นที่เลือกมาก็แค่ยกตัวอย่าง ไม่ใช่การชี้นำค่ะ
การลงทุนมีความเสี่ยง และไม่มีอะไรหาเงินยากเท่ากับตลาดหุ้นแล้ว เราต้องมีความรู้ลึกรู้จริงก่อนลงทุนนะคะ
โฆษณา