2 ก.พ. 2021 เวลา 17:38 • บันเทิง
สวัสดีครับ
มีผู้ติดตาม เพิ่มมาอีก2
ก็เลยมาขยับเพจสักหน่อย
แบบรู้สึกเกรงใจที่มากดติดตามอ่ะนะ เลยอยากเขียนอะไรดีๆให้อ่านกลับไปบ้าง
..ถึงแม้ผมไม่ค่อยได้เขียนอย่างสม่ำเสมอเท่าที่ตั้งใจไว้ แต่สิ่งที่เขียนทุกครั้งก็ตั้งใจนะ ยังไงแล้วลองย้อนๆอ่านดู อาจเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยนะงิ..
วันนี้เอาเรื่องไรดี นี่ไม่ได้ตั้งใจจะมาเขียน แค่แวะมาดู ปรากฏมีคนติดตามเพิ่มก็เลยนะ สักนิด..
หยิบข่าวนี้มาเป็นTopic ละกันนะ..2-3วันนี้มีกระแสพูดถึง บังเอิญอ่านจบมาตะกี้เลย
ข่าวของ อฟ.(ชาวเนตเขาเรียกแบบนี้เลยเรียกตาม) ใครไม่รู้ว่าข่าวอะไร เดี๋ยวทิ้งลิงค์ไว้ให้ตามไปอ่านนะ
(ใครจะอ่านก็จิ้มลิงค์ อยู่ด้านล่างสุดจ้า)
สรุปแล้วก็เป็นคนดังอีกคน ที่ชีวิตผกผัน ด้วยอะไรหลายอย่างที่ส่งผลพามาถึงจุดนี้
ซึ่งหลายบทความก่อนหน้านี้ ผมพยายามชักชวนเพื่อนๆให้ศึกษาเกี่ยวกับเรื่อง สิ่งที่เป็นเหตุ สิ่งที่เกิดผลในแง่ "กฏอิทัปปัจยตา" ซึ่งเป็นความจริงแท้ของธรรมชาติ หรือใครอยากมองในแง่ของความไม่เที่ยง ตามกฎไตรลักษณ์ ก็ได้อยู่...
สิ่งที่อยากจะบอกเพื่อนๆทุกครั้งที่เจอ.. คนเคยมั่งมีแต่วันนี้ชีวิตพลิกกลับไปเป็นอีกด้าน..นั่นไม่ได้แปลว่าไม่ดีหรอกนะ คำว่าดีขึ้นหรือแย่ลง เป็นมุมมองทางโลก ที่คนทางโลกตั้งกันขึ้นมาเอง เช่น มีเงินเยอะคือดีขึ้น, จนลงคือแย่ลง..เหล่านี้คือบัญญัติทางโลกที่ตั้งขึ้นมาเอง
ในทางพุทธศาสนา จะมองสิ่งเหล่านี้ในความเป็นกลาง เป็นกลางที่ว่านี้ไม่ได้ให้แบบเฉยชา ไม่รู้สึกอะไรนะ.. คือเรื่องความรู้สึกเป็นเรื่องทางจิต ซึ่งเป็นของใครของมัน
ใครอยากจะรู้สึกอะไรก็รู้สึกไป ขึ้นอยู่กับสิ่งที่จิตสั่งสมมา.. บางคนรู้สึกสงสาร,บางคนเห็นใจ,บางคนสะใจ,บางคนเฉยๆ, ใครจะรู้สึกอย่างไรก็ไปตามนั้น แต่หลังจากรู้สึกแล้ว ให้มีสติ รู้ตัวว่าฉันกำลังรู้สึกแบบนี้ จิตฉันเป็นแบบนี้ มันเลือกเองที่จะรู้สึกไปทางนั้น ...เมื่อใดก็ตามที่เรามีสติรู้ตัวว่า เรากำลังรู้สึกอะไร ความรู้สึกนั่นจะหยุดลง ..จากนั้นก็ถึงเวลาพิจารณาความจริงเพื่อบ่มเพาะปัญญากันสักนิด...
ทุกสิ่งล้วนเกิดจากเหตุ..
เพราะมีสิ่งนั้น ก็เลยมีสิ่งนี้
สิ่งนั้นเกิด สิ่งนี้ก็เลยเกิด
สิ่งนี้ดับ สิ่งนั้นก็เลยดับ
จากกรณีข่าวนี้ .. วันที่เขาอู้ฟู้ หลายคนคงอยากเป็นเหมือนเขา พอมาวันนี้ก็อาจไม่อยากเป็นเหมือนเขาแล้วก็ได้ ...
หลายคอมเม้นบอกว่า เป็นเพราะเขาทำตัวเอง ..ใช่แล้วเขาทำตัวเอง แต่มองให้ลึกแบบมีปัญญาไปอีกระดับนึง ถึงสาเหตุที่เขาทำตัวเอง ก็เพราะมีเหตุปัจจัยให้เขาทำ
หลายคอมเม้นบอกว่า ถ้าเป็นฉันรับรองว่าไม่มีทางดำเนินชีวิตพลาดจนเป็นแบบนี้หรอก..ใช่แล้ว..มันย่อมไม่เหมือนกัน เพราะมันมีเหตุปัจจัยคนล่ะแบบแตกต่างกัน...ถ้าสมมติว่า เราได้รับเหตุปัจจัยเดียวกันเหมือนกับเขาแบบเป๊ะๆ100% ทุกอย่าง.. ตั้งแต่ชาติกำเนิด ประสบการณ์ ภาระความกดดัน แผลในจิตใจ วาสนาบารมี อนุสัย เพื่อนพ้องบริวาร สิ่งแวดล้อม การเลี้ยงดู .ฯลฯ เอาแบบเดียวกันเป๊ะๆ ยันอดีตชาติเลย... เชื่อเถอะ ..รับรอง เราก็คงเป็นเหมือนเขานั่นแล
บางจังหวะของชีวิต บางทีเราก็ไม่รู้ตัวหรอกว่า อะไรทำให้เราทำสิ่งที่ผิดพลาดลงไป คือมันไม่รู้ตัวจริงๆ.. ทุกอย่างมีเหตุและปัจจัยมาเป็นตัวกำหนดเสมอ
..ดูอย่างง่ายๆ หลังจากอ่านข่าวจบ เพื่อนๆรู้สึกอย่างไรกับสิ่งที่รับรู้ แน่ล่ะแต่ละคน ก็ย่อมแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับว่าใครสะสมเหตุใดมา... บางคนไม่เคยรู้จัก อฟ.มาก่อน ก็อาจรู้สึกสงสาร,บางคนเคยเสพข่าวด้านวีรกรรมของชีมาก่อน ก็รู้สึกสะใจ, บางคนเห็นว่า ชีมีลูก3 เหมือนตน ก็อาจรู้สึกเห็นใจ.. เห็นไหมมันหลากหลายมากที่แต่ละคนจะรู้สึก ไม่ว่าจะรู้สึกอะไร มันก็ขึ้นอยู่เหตุปัจจัยที่สั่งสมมาของแต่ละคนนั่นแล..
เพื่อนๆลองไล่อ่านคอมเม้นแสดงความคิดเห็นของชาวเนต แล้วตรองดูว่าสิ่งที่เขาแสดงออก ล้วนออกมาจากการเอาตัวตนของตนเอง ใส่เข้าไปในเรื่องราวที่รู้มา..แบบอินว่าเป็นตัวเองว่างั้นเถอะ..ซึ่งในความเป็นจริง เราเอาตัวเราไปสวมทับใครไม่ได้หรอกนะ..
ดังนั้น จงฝึกตนให้มีปัญญา ด้วยการมีสติแล้วพิจารณาธรรม จากเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้นกับคนอื่น ..ให้เห็นถึงความเป็นเหตุกับผลตามธรรมชาติ...ที่นำพาให้เขาต้องมาถึงจุดที่มีปัญหานี้...
เพื่อให้เกิดความเข้าใจในความจริง พัฒนาจิตของเราไปสู่จิตที่มีความเมตตา ด้วยใจเป็นกลางต่อสิ่งที่คนๆนั้นเผชิญ..ไม่ต้องยกย่อง ไม่ต้องทับถม ไม่ต้องเห็นใจ เพราะ มันก็เป็นเช่นนั้นเอง..ตามเหตุที่เขาสะสมมา..นั่นแล
โฆษณา