3 ก.พ. 2021 เวลา 00:30 • ธุรกิจ
เพราะมีโอกาสถูกหลอก 73,000 ครั้งต่อปี
เราจึงต้องมี "critical thinking"
Pamela Meyer นักเขียนชาวอเมริกัน พูดบนเวที TED Talks ว่า คนเราถูกโกหก 10 - 200 ครั้งต่อวัน และยังมีงานวิจัยอีกชิ้นบอกว่า เรามีโอกาสถูกคนแปลกหน้าโกหก 3 ครั้ง เพียง 10 นาทีแรกที่เจอกัน .. บ้าไปแล้ว!! เจ๊ไปวิจัยกับใคร ? จะมีมนุษย์ที่ไหนจะถูกโกหกได้มากมายขนาดนั้น ? ... ถ้าไม่ใช่เรา
กี่ครั้งที่เห็นคนดัง รีวิวขายของสรรพคุณเว่อร์วัง ทั้งๆที่รู้ว่าต้มแน่ๆ รับตังค์แน่ๆ แต่เราก็เคลิ้ม
กี่ครั้งที่เห็นคนใจบาป โพสต์สเตตัส ทำบุญ อ้างคำพระ ทำมะทำโม ..
กี่ครั้งที่เราเห็นคู่รักจอมปลอม โพสต์สวีท เห็นคนชีวิตดี๊ดีย์ แต่เป็นหนี้ยังไม่จ่าย
ฟีดเฟคๆที่เราเสพย์ต่อวัน ว่าไปก็น่าจะเกิน 200 นะ
Point : การโกหกนั้น ต้องเกิดจาก 2 ฝ่าย ฝ่ายหนึ่งมโน แล้วพ่นสร้างภาพ
อีกฝ่ายฟังลมปากแล้วหลงเชื่อ หมายความว่า ถ้าเขาพล่ามคำเท็จ แต่เราใช้สติไตร่ตรอง การโกหกของเขาก็จะกลายเป็นเรื่องขำ #ติดเทรนด์ทวิตเตอร์กันไป แต่ถ้าเราเชื่อเมื่อไหร่ เขาก็หลอกเราสำเร็จเมื่อนั้น
เมื่อค้นลึกลงไป นักวิทยาศาสตร์พบว่า การโกหกนั้นฝังอยู่ในพันธุกรรมของเรา (ไม่อยากเชื่อสิ) และเราเองก็เป็นนักโกหก เหตุผลคือ การโกหกทำให้เราอยู่รอด ปลอดภัย นักวิจัยบอกว่า สปีชีส์ที่ฉลาด นีโอคอร์เท็กซ์ใหญ่เท่าไหร่ ก็ยิ่งโกหกเก่งเท่านั้น
เราเริ่มโกหกตั้งแต่เป็นทารก เราแกล้งร้องไห้ และหยุดดูว่าใครมาแล้วร้องไห้ต่อ พอ 1 ขวบ เราเริ่มปิดบัง อายุ 2 ขวบ เราเริ่มโม้ อายุ5 ขวบ เราโกหกซึ่งๆหน้าด้วยการประจบ อายุ 9 ขวบ เราเริ่มปกปิด ยิ่งโต เรายิ่งเซียน และเราเริ่มใช้มันในการวางกลยุทธ การสื่อสาร การทำงาน
แล้วการโกหก มันทำให้อยู่รอด ปลอดภัย จริงหรือ ?
มีส่วน ..เพราะด้านดี คือ มันทำให้ผู้ฟังมีความสุข ทำให้เราอยู่ร่วมกันในสังคมได้อย่างสงบ เช่น เราชมผู้อื่นว่า "ดูดีจัง ไม่แก่เลย" ฟังแล้ว เขารู้สึกมีความสุข หรือ เวลาเราไม่สบายใจ เราเองกลับบอกพ่อแม่ว่า โอเค ก็เพื่อให้ท่านไม่เป็นห่วง แม้แต่ เราตามน้ำเรื่องการเมือง กับคนบางกลุ่มที่คับแคบ ก็เพื่อให้เรารอด ปลอดภัย
แต่เหตุผลของคำว่ารอด ปลอดภัยของนักลวงโลกนั้น มักหนีไม่พ้น การมีทรัพย์สินมหาศาล ทุกคำเท็จของเขา จึงหวังแค่เงิน โดยไม่สนความเสียหายของผู้อื่น ทั้งชื่อเสียง เงินทอง แม้แต่ชีวิตของผู้อื่น
ในยุคดิจิทัล ที่คนฉลาดล้ำ ค้นความจริงได้มากมาย แต่เรื่องโกหกกลับมีพล็อตที่ซับซ้อน ชวนเชื่อ ปีศาจใส่เครื่องแบบนักบุญขายศรัทธา ดาราขายสินค้าที่ไม่เคยใช้
หมอขายอาหารเสริม ยิ่งมีชื่อเสียงเท่าไหร่ ยิ่งโกหกได้ราคาเท่านั้น
พระพุทธเจ้าทรงกล่าวถึง “สิ่งที่ไม่ควรเชื่อ 10 ประการ” ดังนี้
มา อสฺสฺสวเนน-อย่าเพิ่งเชื่อโดยฟังตามกันมา
มา ปรมฺปราย-อย่าเพิ่งเชื่อโดยถือว่าเล่าสืบกันมา
มา อิติกิราย-อย่าเพิ่งเชื่อเพราะข่าวเล่าลือ
มา ปิฎกสมฺปทาเนน-อย่าเพิ่งเชื่อเพราะอ้างอิงคัมภีร์หรือตำรา
มา ตกฺกเหตุ-อย่าเพิ่งเชื่อเพราะการคิดเอาเอง
มา นยเหตุ-อย่าเพิ่งเชื่อโดยการอนุมานหรือคิดคาดคะเนเอาเอง
มา อาการปริวิตกฺเกน-อย่าเพิ่งเชื่อโดยคิดตามอาการที่ปรากฎ
มา ทิฏฐินิชฺฌานกฺขนฺติยา-อย่าเพิ่งเชื่อเพราะต้องกับความเห็นของตน
มา ภพฺพรูปตา-อย่าเพิ่งเชื่อเพราะผู้พูดควรเชื่อได้
มา สมโณ โน ครูติ-อย่าเพิ่งเชื่อเพราะผู้พูดเป็นครูของเรา
และสิ่งที่ไม่ควรเชื่อ 10 ประการนี้ ก็คือเครื่องเรียกสติ
ปลุก"critical thinking" ให้ตัวเรา
โฆษณา