Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Learn to Goal
•
ติดตาม
3 ก.พ. 2021 เวลา 23:00 • ความคิดเห็น
🎯เรามีความเป็นมืออาชีพมากแค่ไหน ???
♦️การทำงานในยุคปัจจุบันที่มีความผันผวนสูง ซึ่งทำให้ธุรกิจหลายๆ Sector เปลี่ยนไปจากอดีตเป็นอย่างมากและยังเข้ามาเปลี่ยนโลกในชีวิตประจำวันของเราอีกด้วย ฉะนั้นการปรับตัวให้ทันจึงเป็นหนทางเดียว ที่ทำให้รอดจากความผันผวนต่างๆ ได้
หันกลับมาดูตัวเราในการทำงานกันบ้าง งานในหน้าที่ของเราก็ต้องมีการพัฒนาด้วยเช่นกัน หลายคนก็ตั้งคำถามว่า งานที่มันไม่มีปัญหาจะไปพัฒนามันทำไม? แต่ผมเชื่ออยู่อย่างหนึ่งว่า ไม่มีคำว่าดีที่สุด แต่ในทางกลับกัน มันจะต้องมีคำว่าดีกว่า ดีกว่า และดีกว่าไปเรื่อยๆ อะไรที่ทำมานานๆ ไม่มีการปรับเลย มันจะเริ่มทวีความน่ากลัวขึ้นเรื่อยๆ เพราะในอนาคตมันจะถูกบังคับให้ปรับ ซึ่งมันสร้างความกดดันและทรมารมากกว่าการปรับเปลี่ยนโดยตนเองซึ่งจะเป็นแบบ ค่อยๆเป็นค่อยๆไป
จุดเริ่มต้นในการปรับและพัฒนาการทำงานไม่ใช่เริ่มต้นจากปรับที่กระบวนการทำงาน แต่จุดเริ่มต้นมัน เริ่มจากการปรับกระบวนความคิดก่อน ให้เป็นทัศนคติแบบมืออาชีพมากยิ่งขึ้น
ทัศนคติแบบมืออาชีพ ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่ในบางครั้งด้วยความกดดันบางอย่าง อาจทำให้มองข้ามสิ่งนี้ไป ทัศนคติแบบมืออาชีพ ประกอบด้วย
1. Open attitude ทัศนคติแบบเปิดรับ : ในหัวของคนเรามีกล่องอยู่ 1 ใบ ในนั้นประกอบไปด้วย Mindset ซึ่ง Mindset ก็มาจาก ความรู้ ความเชื่อ ทักษะ ประสบการณ์ที่สั่งสมมาในอดีต อัดแน่นอยู่ในกล่องในนี้ Open attitude คือการยอมเปิดกล่องใบนี้ เพื่อรับและสั่งสมสิ่งใหม่ที่ผ่านเข้ามาในชีวิต วิธีเปิดกล่องนั้นง่ายมากครับ เราใช้คำว่า "ลองดู" กล่องใบนี้จะถูกเปิดออกและพร้อมรับสิ่งใหม่ทันที่ เช่น งานนี้ไม่เคยทำมาก่อนเลย หัวหน้าเพิ่งจะโยนงานนี้มาให้เราทำ เราก็จะใช้คำว่า "ลองดู" อย่าพึ่งตัดสินว่าดีหรือไม่ หรือ ปฏิเสธว่าไม่โอเค เพราะกล่อง Mindset ใบนี้จะเปิดทันที
2. Positive attitude : ทัศนคติเชิงบวก : อันนี้เราได้กันมาเยอะ คำถามทำได้ไหมครับ? Positive attitude ตามแนวคิดของผม ไม่ใช่การมองทุกสวยหรู หรือดีไปหมดทุกเรื่อง แต่เป็นการมองแบบเข้าใจเหตุและผลที่มันเกิดขึ้น (ธรรมชาติ) หรืออย่าพึ่งตัดสินในสิ่งที่เรารู้ไม่หมด ยกตัวอย่างเช่น มีพนังงานคนนึง เมื่อทำงานถึง 16.30 น. ซึ่งเป็นเวลาเลิกงาน เขาจะรีบลุกออกจากโต๊ะทำงานทันที และเป็นแบบนี้ทุกวัน แน่นอนว่าเพื่อนในที่ทำงานหรือแม้กระทั้งหัวหน้าเอง ก็อาจจะตัดสินเขาไปแล้วว่าเป็นคน "ไม่เอาไหน" แต่อันที่จริงพนักงานคนนี้ต้องรีบขับรถจากแจ้งวัฒนะไปบ้านของน้องสาวที่วงศ์สว่าง เพื่อไปอาบน้ำให้กับคุณพ่อ ซึ่งเป็นอัมพาต จากนั้นก็จะป้อนข้าว และพาเข้านอน แล้วจึงขับรถกลับบางบัวทองซึ่งเป็นบ้านของเขาเอง เนื่องจากน้องสาวของเขาจะทำหน้าที่ ดูแลพ่อในช่วงเช้า และน้องสาวก็เลิกงานค่ำด้วย ถ้าเราตัดสินพนักงานคนนี้ว่า "ไม่เอาไหน" โดยที่ไม่รู้เหตุและผล เราอาจเสียความรู้สึกกับเพื่อนพนักงานคนนี้ไปแล้วก็เป็นได้
3. Can do attitude : ทัศนคติที่เชื่อว่า ทำได้ : เราต้องฝึกบ่มเพาะความเชื่อที่ว่า "ไม่ว่าจะยากขนาดไหน หรือ ท้าทายขนาดไหน หรือเจอปัญหาอะไร เราก็สามารถจัดการมันได้ แต่ถ้าเราปฎิเสธว่า "มันเป็นไปไม่ได้" ไม่ใช่ว่าเราหาวิธีการจัดการกับปัญหาไม่เจอนะครับ แต่มันเป็นเพราะ เราหยุดและไม่หาทางต่างหาก
ในทางตรงกันข้าม ถ้าเราเชื่อว่าจัดการมันได้ เราจะหาวิธีการจัดการที่ซ่อนอยู่จนเจอนั้นเอง มาถึงตรงนี้ผมนึกถึง โทมัส อัลวา เอดิสัน (Thomas Alva Edison) ที่คิดค้นหลอดไฟเป็นหมื่นครั้งกว่าจะสำเร็จ ซึ่งมันจะย้อนกับไปที่ Open attitude : ทัศนคติแบบเปิดรับทันที
ลองตั้งคำถามกับตังเองดูนะครับว่า เรามีความเป็นมืออาชีพ มากแค่ไหน
Learn to goal By จตุพร ศิริสวัสดิ์
Facebook :
https://shorturl.asia/okd3x
2 บันทึก
3
2
2
3
2
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย