ผู้ใช้ iPhone มีเฮ! หลัง Apple หาวิธีปลดล็อคโทรศัพท์โดยไม่ต้องถอดหน้ากาก
เชื่อว่า หลายๆท่านที่ใช้ iPhone มักจะพบปัญหาเวลาที่จะปลดล็อคหน้าจอโทรศัพท์ ด้วย FaceID เนื่องจากว่าจะต้องถอดหน้ากากให้เครื่องได้ตรวจสอบใบหน้า หลายครั้งทำให้เสียเวลา และดูจะยุ่งยากกับการถอดหน้ากากเข้าออก อีกอย่าง โทรศัพท์รุ่นหลังๆ ก็ไม่มีสแกนลายนิ้วมือด้วยสิคะ
ฟีเจอร์การปลดล็อคของ iPhone รุ่นใหม่ๆนั้น ตั้งแต่ iPhone X ถือว่าเป็นจุดขายของ Apple ตั้งแต่ปี 2560 แต่กลับกลายเป็นว่าฟีเจอร์นี้ เริ่มมีประโยชน์น้อยลงเมื่อผู้คนต้องใส่หน้ากากกันเพื่อป้องกันเชื้อโรค และฝุ่นละออง และเจ้าซอฟท์แวร์ตัวนี้ ก้ไม่สามารถระบุใบหน้าและจมูก ได้ เนื่องจากมีหน้ากากปิดไว้
เมื่อ พ.ค. ปีที่แล้ว Apple ได้มีการพัฒนาซอฟท์แวร์ FaceID ให้สามารถตรวจจับได้ว่าสวมใส่หน้ากาก และไปกระตุ้นการทำงานของเครื่องให้กรอกรหัสเข้าเครื่องแทน แต่ถ้าต้องใส่รหัสเข้าเครื่องบ่อยๆก็ดูยุ่งยากเช่นกัน และล่าสุด Apple กำลังพัฒนาวิธีการเพื่อให้ผู้ใช้ iPhone ไม่ต้องถอดหน้ากากในที่สาธารณะ เพื่อปลดล็อคโทรศัพท์ แต่.................. ขอแต่ยาวนิดนึง จะต้องใช้อุปกรณ์ Apple เพิ่มเติมเพื่อปลดล็อค นั่นคือ Apple Watch
Apple ได้ส่งมอบภาระการตรวจสอบความถูกต้องทั้งหมดไปยัง Apple Watch เรียบร้อย ทั้งนี้จะต้องมีการอัพเดทซอฟท์แวร์ iOS 14.5 beta ในโทรศัพท์ และจำเป็นจะต้องมี Apple Watch ที่มี watchOS 7.4 โดยอุปกรณ์ทั้งสองจะต้องอยู่ใกล้กัน
เครื่อง iPhone จะสื่อสารและซิงค์ข้อมูลกับ Apple Watch เมื่อมีการยกโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อใช้ FaceID
iPhone ก็จะปลดล็อคอัตโนมัติ และ Apple Watch ก็จะสั่นเตือนและแสดงหน้าจอเตือนว่ามีการปลดล็อคโทรศัพท์แล้ว ซึ่งจะคล้ายๆกับการปลดล็อคเครื่อง Mac ด้วย Apple Watch
Apple กล่าวว่า ด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย ผู้ใช้งานจะต้องเลือกฟีเจอร์นี้ในการตั้งค่า ซอฟท์แวร์ที่อัพเดทนี้จะทำงานเฉพาะการปลดล็อคโทรศัพท์เท่านั้น ผู้ใช้จะต้องใส่รหัสในการทำธุรกรรมอื่นๆเช่นเดิม ไม่ว่าจะเป็น Apple Pay, App Store หรือ iTunes หากมีการสวมใส่หน้ากาก
การอัพเดทล่าสุดนี้ เป็นอีกก้าวหนึ่งเพื่อสนับสนุนการใส่หน้ากากช่วงการแพร่ระบาดของไวรัส และเป็นการให้ลูกค้าApple ซื้อนาฬิกาสมาร์วอทช์ หรืออย่างน้อยใช้นาฬิกาสมาร์วอทช์ที่มีอยู่แล้วให้บ่อยขึ้น
แต่คำถามก็คือว่า เหตุใด Apple จึงต้องหันมาพึ่ง Apple Watch เพื่อที่จะปลดล็อค iPhone ของผู้ใช้ที่สวมหน้ากาก แทนที่จะให้มีซอฟท์แวร์ที่จะจดจำใบหน้าบางส่วนของผู้ใช้ ซึ่ง Apple ก็ยังไม่ได้ให้คำตอบใดๆในเรื่องนี้
ทัง้นี้ ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า การใช้วิธีการจดจำใบหน้าทั้งหมดนั้น จะต้องมีการพิจารณาด้านจริยธรรมและด้านเทคนิค ควบคู่กันไป และในเรื่องของการจดจำใบหน้าเฉพาะบางส่วนนั้น เป็นเรื่องที่ท้าทายอย่างยิ่ง
นักวิจัยด้าน คอมพิวเตอร์วิทัศน์ (computer vision) การเรียนรู้ของเครื่องคอมพิวเตอร์ (Machine Learning) และ การจดจำลักษณะทางชีวมิติ (Biometrics Recognition) ท่านหนึ่งจาก Michigan State University กล่าวว่า แม้การจดจำใบหน้ามีการพัฒนามาตลอดในช่วง 5 ถึง 10 ที่ผ่านมา แต่ฟีเจอร์นี้ยังเป็นที่น่าสงสัยว่ามีส่วนใดที่ถูกปิดบังบ้าง หมายความว่า มีใบหน้าส่วนใดที่ไม่สามารถมองเห็นได้ หรือแยกแยะได้ ซึ่งโดยส่วนใหญ่ เทคโนโลยีจะรับรู้เองว่า ผู้ใช้จะถอดแว่นและสิ่งที่ปกปิดใบหน้าออก เรื่องของแสง จะถูกทำให้กลมกลืน และ การแสดงออกของสีหน้าก็จะเป็นสีหน้าราบเรียบ เหมือนถ่ายรูปติดบัตร
อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่Apple ให้ใช้ Apple Watch เพื่อสแกนหน้า ปอมก็มีทริคเล็กๆน้อยๆมาฝากกันค่ะ สำหรับใครที่ไม่อยากซื้อ Apple Watch ลองไปทำดูนะคะ อาจจะต้องทำหลายครั้งนิดนึงเพื่อให้จดจำใบหน้าพร้อมหน้ากากได้ค่ะ ซึ่งค้นพบโดยนักศึกษาฝึกงานจาก Xuanwu Lab ของ Tencent (https://mp.weixin.qq.com/s/azr-yqe8VTY9ov5ITMzq_g) 1. ไปที่แอป Settings >> Face ID & Passcode
2. กด Reset Face ID เพื่อลบข้อมูลเก่าออกก่อน
3. กด Setup Face ID เพื่อเพิ่ม Face ID
4. จุดสำคัญอยู่ตรงนี้ ตอนที่เราเพิ่มใบหน้าเข้าไปในระบบให้เรา ใส่หน้ากากเอาไว้ครึ่งหน้า ด้วยครับ
5. ถ้าระบบแจ้งเตือนว่า "Face Obstructed" มีอุปสรรคมาบดบังใบหน้า ให้เราค่อยๆ ขยับหน้ากากทีละนิด จนกว่ามันจะแจ้งบนหน้าจอว่า "Move your head slowly to complete the circle" (ทาง Xuanwu Lab แนะนำว่าให้เอาหน้ากากปิดถึงแค่ปลายจมูกพอ)
6. ทำการสแกนใบหน้า 2 รอบขณะที่มีหน้ากากปิดอยู่ครึ่งนึง ด้วยการหมุนใบหน้าในทิศทางเดียวกัน
7. เมื่อสำเร็จ เราจะเห็นการแจ้งเตือนว่า "Face ID is now set up"
เท่านี้ เราก็จะสามารถใช้งาน Face ID ขณะสวมหน้ากากได้แล้ว แต่ว่าทางที่ดีเราควรจะเพิ่มอีกใบหน้าด้วย "Set Up Alternate Appearance" ด้วย
ยังไงคอมเม้นท์มาได้นะคะหากลองทำแล้วได้ผลไม่ได้ผลอย่างไร มาแชร์กันได้ค่ะ ปอมลองแล้ว ใช้ได้เลยค่ะ หมุนหน้าไปมา สลับข้างหน้ากากไปมา และไม่ลืม "Set Up Alternate Appearance" ด้วย เผื่อตอนที่ไม่สวมหน้ากากค่ะ
ที่มา และภาพ