Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
มูลนิธิสืบนาคะเสถียร
•
ติดตาม
3 ก.พ. 2021 เวลา 07:18 • สิ่งแวดล้อม
ทำไมต้องผลักดัน 'นกชนหิน' เป็นสัตว์สงวน กับคำตอบเพื่อนำไปสู่การอนุรักษ์ที่ยั่งยืน
เป็นที่รู้กันดีว่าในช่วงที่ผ่านมาวงการอนุรักษ์และภาคประชาชน ต่างให้ความสำคัญกับประเด็นสิ่งแวดล้อมและความหลากหลายทางชีวภาพ โดยเฉพาะเรื่องการสูญพันธุ์ของสัตว์ป่า
‘นกชนหิน’ เป็นสัตว์ป่าอีกหนึ่งชนิดที่กำลังได้รับการคุมคามจากการล่าของมนุษย์ ซึ่งส่งผลให้โน้มประชากรของอยู่ในข่าย ‘มีความเสี่ยงขั้นวิกฤติต่อการสูญพันธุ์’ เป็นที่มาที่ทำให้สังคมต่างได้ร่วมกันผลักดันให้นกชนหินขึ้นทะเบียนเป็นสัตว์ป่าสงวนลำดับที่ 20 ด้วยการผลักดันทั้งในรูปแบบออนไลน์และออฟไลน์
เมื่อวันที่ 28 มกราคม 2563 มูลนิธิสืบนาคะเสถียร ได้จัดเสวนาออนไลน์หัวข้อ ‘ทำไมต้องผลักดันนกชนหินเป็นสัตว์ป่าสงวน’ เพื่อเปล่งเสียงแทนสัตว์ป่า
รวมถึงชวนเพื่อนพี่น้องนักอนุรักษ์ และภาคประชาชนมาร่วมกันหาคำตอบ เพื่อนำไปสู่การอนุรักษ์นกชนหินอย่างยั่งยืน
ปรีดา เทียนส่งรัศมี
สถานการณ์นกชนหินในป่าบูโด กับความเป็นไปได้ในการเพาะเลี้ยงในกรงเลี้ยง
ปรีดา เทียนส่งรัศมี นักวิจัย มูลนิธิศึกษาวิจัยนกเงือก กล่าวว่า ตอนนี้เรามีโพรงรังนกเงือกที่สำรวจพบตั้งแต่ปี 2537 ประมาณ 22 โพรง ส่วนใหญ่อยู่ในดงไม้ยาง ไม้พวกนี้เป็นที่ต้องการของตลาด นกเงือกก็ต้องการด้วย โดยเฉพาะนกชนหิน
ตอนนี้มีแค่ 3 โพรงเท่านั้นที่แอคทีฟจริง ๆ ส่วนใหญ่จะล้มหัก ที่เหลือเราไม่สามารถไปสำรวจได้ เพราะยังขาดแคลนเรื่องบุคคลากร
ปีนี้มีนกชนหินเข้าโพรงแค่ 2 โพรง และสำเร็จแค่โพรงเดียว ส่วนหนึ่งเกิดจากคน เพราะมีเสียงดังไปรบกวนการอยู่อาศัย
ตอนนี้นกชนหินที่ป่าบูโด บ้านของนกเงือกจริง ๆ กำลังวิกฤติ เราขึ้นเขาไปสำรวจแทบไม่ได้ยินเสียงร้อง จริง ๆ มันร้องเสียงดังมาก คนที่มาล่าก็เจาะจงมาที่นี่ สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่บ้านของนกเงือก
นกชนหินที่เจอตัวล่าสุด น่าเศร้า เพราะไม่ได้เจอในธรรมชาติ ปีที่ผ่านมา (2563) มีคนล้วงออกจากโพรงรัง และทางเจ้าหน้าที่ยึดมาได้คิดว่าน่าจะล้วงเอาแม่นกด้วย แต่ไม่นานมันก็ตาย
ซึ่งนกชนหินไม่สามารถที่จะเพาะเลี้ยงได้ ไม่ว่าจะเป็นที่ไหนก็ตาม ผมไม่เคยเห็นว่าลูกนกชนหินจะรอดสักตัว เราไม่ต้องพูดถึงการเพาะเลี้ยงในกรงเลี้ยง เพราะมันไม่สำเร็จแน่นอน หรือมันอาจจะเป็นทางเลือกสุดท้าย ที่เราจนตรอกแล้วไม่สามารถดูแลมันได้
แต่เราสามารถนำข้อมูลจากการวิจัยมาดูแลลตรงนี้ได้ คือการซ่อมแซมโพรงรัง ดูแลสถานภาพของมันให้มันปลอดภัยจากการถูกคุกคาม
จากข้อมูลที่เราบันทึกตลอดระยะเวลากว่า 20 ปี มีลูกนกชนหินออกสู่ธรรมชาติ 44 ตัว แต่ในระยะ 2-3 ปี มานี้ จำนวนประชากรของนกชนหินลดลงอย่างรวดเร็วจนน่าตกใจและสาเหตุก็คือการล่าจากมนุษย์เพื่อเอาโหนกของมัน
นายแพทย์รังสฤษฎ์ กาญจนะวณิชย์
ความสัมพันธ์ระหว่างนกชนหินกับระบบนิเวศ
นายแพทย์รังสฤษฎ์ กาญจนะวณิชย์ รองประธานมูลนิธิสืบนาคะเสถียร กล่าวว่า นกชนหินเป็นนกเงือกที่เกิดก่อนตัวอื่น ๆ ในสายพันธุ์เดียวกัน มันจึงดูเป็นนกที่ดึกดำบรรพ์มาก
ด้านหน้าของนกชนหินจะตันเหมือนงาช้าง ลักษณะเหมือนงาเลือด เอาไว้ชนกันกลางอากาศของตัวผู้ในการประกาศอาณาเขตและคัดเลือกสายพันธุ์ แต่มีคนเคยพบเห็นพฤติกรรมนี้น้อยมาก
ด้วยลักษณะโหนกของนกชนหินที่แตกต่างจากนกเงือกตัวอื่น ๆ กลับทำให้เขาโดนไล่ล่า กลายเป็นหยกทองคำหรืองาช้างสีเลือดที่มีราคาแพง มีการประมูลตามเว็บไซต์ต่าง ๆ ทั่วโลก
หัวของนกหินไม่ได้ประโยชน์อะไรกับใครเท่าไหร่เลย ไม่มีใครต้องการหัวนกชนหินเท่ากับนกชนหินอีกแล้ว ถ้ามันถูกตัดหัวไป มันก็ไม่มีโอกาสดำรงเผ่าพันธุ์ของมันได้
นกชนหินสูญพันธุ์แล้วมันยังไง?
สัตว์ป่ามันมีความสำคัญต่อป่าอย่างมาก ยกตัวอย่างป่าทางภาคเหนือไม่มีนกเงือก ไม่มีชะนี ไม่มีอะไรแล้ว มันมีแต่ต้นไม้ เป็นป่าที่มันเงียบงัน
เวลาเราไปทำลายป่า ถ้าไปทำลายหรือล่าสัตว์ป่า ก็เหมือนเป็นการทำลายศักยภาพในการฟื้นฟูตัวเองของป่าด้วย
ต้นไม้มีดอกทั้งหลายมันวิวัฒนาการมาพร้อมกับสัตว์ ใช้สัตว์ในการผสมเกสร กระจายพันธุ์ เพราะต้นไม้ไม่มีขา ฉะนั้นในวงจรชีวิตของป่ามันต้องอาศัยสัตว์ในแง่มุมที่ซับซ้อนหลายอย่าง
ความสำคัญในการกระจายพันธุ์ของนกเงือกมีหลายปัจจัยด้วยกัน
หนึ่งคือผลไม้หลายชนิดมันมีผลที่ใหญ่มาก เพราะมันถูกออกแบบให้เหมาะกับสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมหรือสัตว์ตัวโต ๆ นกปรอทหรือนกที่มีขนาดเล็กไม่สามารถกินผลไม้กลุ่มนี้ได้
มีงานวิจัยพบว่าถ้าเราเอาเมล็ดพันธุ์ที่ร่วงจากต้นแล้วเอาไปเพาะโดยตรงอัตราการงอกเท่ากับศูนย์
แต่ถ้าเมล็ดนั้นผ่านน้ำย่อย ไปย่อยในส่วนที่มันหุ้มเมล็ด มันไปกระตุ้นทำให้เกิดการงอกได้สูงมาก
เมล็ดเหล่านี้มันถูกออกแบบมาเพื่อให้ผ่านลำไส้นกและเดินทางไปในที่ไกล ๆ ไม่ใช่หล่นใต้ต้นแล้วงอกตรงนั้น เพราะฉะนั้นนกเงือกจึงได้ชื่อว่าเป็นนักปลูกป่า มันทำหน้าที่ปลูกป่า 7 วันต่อสัปดาห์ 365 วันต่อปี
อยากให้เรายังได้ยินเสียงร้องของนกชนหินต่อไป ไม่ใช่เหลืออยู่แค่ในเทป ต้องมาเปิดเล่าให้ฟัง แต่ไม่มีโอกาสได้ยินในธรรมชาติอีกแล้ว อยากให้มันเป็นมรดกทางธรรมชาติที่จะเก็บรักษาให้ลูกหลานของเราต่อไป
สมปอง ทองสีเข้ม
การคุ้มครองและบทลงโทษหากมีการลักลอบล่าค้านกชนหิน
สมปอง ทองสีเข้ม ผู้อำนวยการสำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กล่าวว่า ล่าสุดที่เราพบนกชนหินคือเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า กรมหลวงชุมพรฯ ด้านทิศใต้ ปัจจุบันเราพบใน 10 พื้นที่ป่าอนุรักษ์ อุทยานแห่งชาติ 5 แห่ง เขตรักษาพันธุ์ 5 แห่ง ตั้งแต่ขสป.กรมหลวงชุมพร ด้านทิศใต้ลงไป
ปัจจัยคุกคามหลัก ๆ สามประการ ได้แก่ การล่า ถิ่นอาศัยถูกทำลาย และขบวนการค้าซึ่งสืบเนื่องจากการล่า
ตอนนี้เรามีการควบคุมพื้นที่ด้วยการลาดตระเวนเชิงคุณภาพ หรือ SMART Patrol ใน 213 พื้นที่ ในทุกพื้นที่ที่มีนกชนหินเราทำแบบนี้หมด ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 80%
ในแต่ละพื้นที่ที่เดินลาดตระเวนกัน เรามีทีมทั่วประเทศ 1,225 ทีม ในปี 2563 มีการเดินลาดตระเวนทั่วประเทศมากกว่า 2.7 ล้านกิโลเมตร เพื่อดูแลถิ่นที่อยู่อาศัยของเขา
ปัจจุบันเขาเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง อยู่ในบัญชีอันดับ 1 ของไซเตส แต่ถ้าเราทำให้เป็นสัตว์ป่าสงวนได้ การดูแลก็จะเข้มข้นขึ้น มีองค์ประกอบหลายส่วนที่กรมอุทยานฯ ต้องผลักดันต่อไป
คาดว่าในการประชุมคณะกรรมการสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่าครั้งต่อไป น่าจะมีโอกาสผลักดันให้เข้าไปเป็นสัตว์ป่าสงวนได้ คือผ่านคณะกรรมการ ครม. และออกมาเป็นพระราชกฤษฎีกา ตอนนี้กรมอุทยานฯ กำลังดำเนินการตามขั้นตอนอยู่ นอกจากนี้จะมีการดูแลอื่น ๆ รวมด้วย จัดตั้งทีมเหยี่ยวดงเพื่อสอดส่องกระบวนการค้าสัตว์ป่า
ในพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 โทษสำหรับสัตว์ป่าคุ้มครอง ล่า ค้า สัตว์ป่า/ซากสัตว์ป่าคุ้มครอง หรือผลิตภัณฑ์จากซากสัตว์ป่าคุ้มครอง จำคุกไม่เกิน 10 ปี หรือ ปรับไม่เกิน 1 ล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
หากเป็นสัตว์ป่าสงวน ล่า ค้า หรือนำเข้า-ส่งออก สัตว์ป่า/ซากสัตว์ป่าสงวน หรือผลิตภัณฑ์จากซากสัตว์ป่าสงวน จะมีโทษรุนแรงกว่าสัตว์ป่าคุ้มครอง จำคุกตั้งแต่ 3-15 ปี หรือ ปรับตั้งแต่ 3 แสน ถึง 1.5 ล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ใน 10 พื้นที่คุ้มครองที่นกชนหินอาศัยอยู่เรามีการลาดตระเวนในการดูแลพื้นที่ ปัจจัยคุกคาม มีเหยี่ยวดงในการดูแลการค้าทางออนไลน์อยู่แล้ว
จากข้อมูลองค์การ TRAFFIC ซึ่งเป็นองค์กรระหว่างประเทศ พบว่าการค้าซากของนกเงือกร้อยละ 83 เป็นนกชนหิน ผมนำเรียนว่าไม่ว่าเราจะประกาศเป็นสัตว์สงวนหรือเป็นอะไรก็แล้วแต่ การดูแลรักษาเฉพาะหน่วยงานภาครัฐ การประสบความสำเร็จมันก็จะน้อย ต้องให้ทุกภาคส่วนช่วยกัน
…
ถอดความ นูรซาลบียะห์ เซ็ง เจ้าหน้าที่ฝ่ายสื่อสารองค์กร มูลนิธิสืบนาคะเสถียร
ออกแบบศิลป์ กชกร พันธุ์แสงอร่าม เจ้าหน้าที่ฝ่ายสื่อสารองค์กร มูลนิธิสืบนาคะเสถียร
บันทึก
7
1
7
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย