4 ก.พ. 2021 เวลา 07:35 • การตลาด
Mass marketing vs Niche marketing เลือกสนามให้ถูก เพื่อพัฒนาแบรนด์อย่างอย่างเหมาะสม
ในการทำตามตลาดแอดเชื่อว่าหลายคนคงคุ้นหูคุ้นตากับคำว่า Mass Target และ Nich Target กันเป็นอย่างดี ทั้ง 2 คำนี้เป็นคำเรียกของ ‘กลุ่มเป้าหมาย’ ในการทำการตลาดของธุรกิจ ซึ่งลักษณะของกลุ่มเป้าหมายทั้ง 2 นี้ก็จะแตกต่างกันไปตามความเหมาะสมของสินค้าและการบริการ
โดยกลุ่มเป้าหมายทั้ง 2 นั้นมีวิธีการสื่อสารทางการตลาดที่แตกต่างกันเรียกกันว่า Mass Marketing และ Niche Marketing ซึ่งก็มีข้อดีข้อเสียที่แตกต่างกันด้วย หากผู้ประกอบการสามารถเข้าใจถึงข้อดีข้อเสียเหล่านี้ก็จะทำให้สามารถเลือกขายสินค้าและการบริการได้ถูกกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น จนส่งผลไปถึงยอดขายที่เพิ่มขึ้นเช่นกัน
วันนี้แอดจะพาเพื่อนๆ มาทำความรู้จักกับ Mass Marketing และ Niche Marketing ถึงความหมายและวิธีการใช้งานว่าตลาดไหนเหมาะกับสินค้าหรือการบริการแบบใด เผื่อเพื่อนๆ คนไหนยังลังเลว่าจะเจาะกลุ่มเป้าหมายอย่างไรดี ข้อมูลนี้นับว่ามีประโยชน์มากๆ ไปดูกัน
Mass market คือ
Mass Market คือตลาดที่มีกลุ่มเป้าหมายที่มีจำนวนมากคำว่า Mass มีความหมายว่า ‘มวล’ ซึ่งตีความหมายได้ว่า ‘จำนวนมาก’ ในความหมายทางการตลาด Mass Marketing ก็คือ วิธีการทางการตลาดเพื่อสื่อสารและขายสินค้ากับผู้คนจำนวนมากแบบไม่เฉพาะเจาะจง
ลักษณะการทำการตลาดแบบ Mass Marketing จะเน้นไปที่การขายที่มีปริมาณมาก ขายยังไงก็ได้ให้สินค้ามีการซื้อขายมากที่สุดขายของออกให้ได้จำนวนชิ้นเยอะมากที่สุด ไม่ได้มีการเน้นคุณภาพเพื่อเอากำไรต่อชิ้นเยอะๆ
:::::::: ข้อดีของ Mass Marketing ::::::::
Mass Marketing มีข้อดีตรงที่เมื่อมีการสั่งซื้อสินค้าหรือสั่งผลิตในจำนวนมากๆ ก็จะได้รับส่วนลดตามปริมาณที่มากนั้นด้วย อีกทั้งยังสามารถสื่อสารไปยังผู้บริโภคได้หลากหลายกลุ่มเป็นวงกว้าง หมายความว่าผู้บริโภคที่ไม่ได้สนใจสินค้าหรือการบริการของเราก็มีโอกาสที่จะได้เห็นสินค้าและอาจเกิดความสนใจขึ้น
นอกจากนี้ไม่ต้องกลัวเรื่องจะไม่มีคนซื้อเพราะการสื่อสารเป็นวงกว้างแบบนี้จะต้องมีลูกค้าอย่างแน่นอน นอกจากนี้สินค้าในตลาดนี้ยังเป็นสินค้าที่ขายง่ายเพราะเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องการ แต่จะต้องการมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับผู้บริโภค
1
:::::::: ข้อเสียของ Mass Marketing ::::::::
ข้อดีเรื่องการลดราคาของปริมาณในการสั่งผลิตสินค้าในจำนวนมากก็เหมือนกับข้อเสียเช่นเดียวกัน เพราะผู้ที่จะทำแบบนั้นได้ต้องมีเงินทุนมหาศาลซึ่งไม่การันตีว่าสินค้าเหล่านั้นจะขายหมดตอนไหน (เป็นการลงทุนที่ใช้เครดิต)
อีกทั้งลักษณะการขายที่ไม่เน้นคุณภาพแต่เน้นขายที่ปริมาณทำให้กำไรที่ได้รับต่อสินค้าหนึ่งชิ้นนั้นมีจำนวนน้อย หากต้องการได้กำไรเยอะจึงต้องขายให้ได้ด้วยปริมาณที่เยอะ และการสื่อสารที่กระจัดกระจายทำให้ไม่สามารถเข้าถึงผู้บริโภคที่มีความต้องการต่อสินค้านั้นได้อย่างมีประสิทธิภาพมากนัก
และอีกข้อที่สำคัญเลยก็คือ Mass Market เป็นพื้นที่ที่มีการแข่งขันสูงมากๆ เพราะเป็นสินค้าที่เหมือนๆ กัน เป็นสิ่งที่คนทั่วไปต้องการและมีตัวเลือกในตลาดเยอะ ว่ากันง่ายๆ ในตลาดนี้ถ้าใครไม่แตกต่างหรือใหญ่จริงๆ จะอยู่ยากพอสมควร
1
Niche Market คือ
Niche Market คือกลุ่มตลาดที่ตรงข้ามกับ Mass Market โดนสิ้นเชิง เพราะเป็นตลาดเฉพาะกลุ่มในแต่ละสินค้าหรือการบริการ Niche Marketing จึงเป็นรูปแบบทางการตลาดที่เลือกกลุ่มลูกค้าที่ต้องการจะทำการซื้อขายสินค้า และทำการสื่อสารไปยังกลุ่มคนเหล่านั้นอย่างเฉพาะเจาะจงกับความต้องการที่ตรงจุดให้มากที่สุด
ในยุคสมัยนี้ที่ความชอบความต้องการของผู้คนแบ่งแยกออกเป็นเฉพาะกลุ่มมากขึ้นทำให้การตลาดรูปแบบนี้เป็นที่นิยมอย่างมากในยุคปัจจุบัน เช่น กลุ่มคนรักกล้องฟิล์ม, กลุ่มซื้อขายรองเท้าบาส, กลุ่มซื้อขายจักรยานเฉพาะแบรนด์, กลุ่มซื้อขายรถ Super Car เป็นต้น
:::::::: ข้อดีของ Niche Marketing ::::::::
เนื่องจากความต้องการในสินค้าและการบริการที่เฉพาะเจาะจงไม่ใช่ว่าทุกคนจะมีความต้องการแบบนี้ ทำให้มีคู่แข่งในตลาดที่มีจำนวนจำกัดหรือง่ายๆ ก็คือคู่แข่งน้อยนั่นเอง เมื่อมีคู่แข่งไม่มากการสื่อสารก็ไม่จำเป็นต้องใช้เงินไปกับการโฆษณาเป็นวงกว้างใช้เพียงจำนวนหนึ่งในการสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายในกลุ่มตลาดนั้นๆ ก็พอ
และในตลาด Niche Market มีความต้องการเฉพาะกลุ่มที่สูง ทำให้สินค้าที่ซื้อขายกันในตลาดนี้มีราคาต่อชิ้นที่สูงตามคุณภาพ ไม่เน้นการขายที่เยอะเหมือน Mass Marketing เน้นทำกำไรต่อชิ้นเยอะๆ
:::::::: ข้อเสียของ Niche Marketing ::::::::
ด้วยความที่ Niche Market เป็นตลาดที่ต้องอาศัยความรู้เฉพาะทางหรือ Connection ในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายต่างๆ ทำให้ไม่ใช่ตลาดที่จะเข้าไปได้ง่ายๆ ผู้ประกอบการต้องรักษาคุณภาพของสินค้าและการบริการในระดับหนึ่ง เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับกลุ่มเป้าหมาย เพราะกลุ่มเป้าหมายในตลาดนี้เขาจะยอมจ่ายให้สินค้าหรือการบริการที่เขาต้องการจริงๆ
นอกจากนี้ Supply ของสินค้าก็มีจำนวนไม่มาก เพราะส่วนใหญ่แล้วสินค้ามักจะเป็นสินค้าที่ไม่ค่อยมีสินค้าทดแทน หมายความว่าความต้องการมีเยอะแต่สินค้ามีน้อย เรื่องของ Connection จึงสำคัญมากๆ ในกลุ่มตลาดนี้
และหากพูดถึงเรื่องการเติบโตของกลุ่มตลาดนี้ นับว่ามีข้อจำกัดสูงเพราะด้วยตัวสินค้าหรือการบริการมีจำนวนที่ไม่มากนัก การขยายกลุ่มเป้าหมายจึงมีจำนวนไม่มากจึงทำให้กลุ่มเป้าหมายนี้ไม่เหมาะกับธุรกิจที่ต้องการการเติบโตอย่างรวดเร็ว
เป็นอย่างไรกัยบ้างกับความหมายของ Mass Marketing และ Niche Marketing เพื่อนๆ คงมองเห็นรูปแบบและความแตกต่างของตลาดทั้ง 2 แล้วใช่ไหม เมื่อเข้าใจข้อดีข้อเสียแล้ว จากนี้ก็คือหน้าที่ของเพื่อนๆ ที่จะมองว่าสินค้าหรือการบริการของตัวเองนั้นเหมาะสมกับตลาดไหนมากกว่ากัน
การเข้าใจในสนามการตลาดเป็นสิ่งสำคัญการที่จะไปพูดถึงกลยุทธ์การตลาดเสียอีก เหมือนกับถ้าเราเล่นบาสเก่งแต่เราก็คงลงไปเล่นบาสในสนามบอลไม่ได้ใช่ไหม การตลาดเองก็เหมือนกันการจะทำการตลาดให้มีประสิทธิภาพผู้ประกอบการจะต้องรู้ถึงสนามตลาดและธรรมชาติที่พื้นที่นั้นเป็น จากนั้นจึงเลือกสนามที่เหมาะสมกับสินค้าและการบริการของเรานั่นเอง
โฆษณา