4 ก.พ. 2021 เวลา 06:03 • ประวัติศาสตร์
นิโคลัส โคเปอร์นิคัส
https://www.pstip.com/b/บุคคลสำคัญ/นิโคลัส-โคเปอร์นิคัส-nicolaus-copernicus.html
นิโคลัส โคเปอร์นิคัส เกิดเมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ ปี 1473 ที่เมืองโทรู ซึ่งอยู่ตอนกลางของแม่น้ำวิสทูลา ในโปแลนด์ พ่อของเขาเป็นพ่อค้าและเจ้าหน้าที่ประจำท้องถิ่น เมื่ออายุได้ 10 ขวบ พ่อของเขาเสียชีวิตลง
ลุงของโคเปอร์นิคัส ผู้เป็นพระอธิการได้อุปการะโคเปอร์นิคัส และช่วยเหลือให้ได้เรียนที่มหาวิทยาลัยคราคูฟ เขาศึกษาศิลปศาสตร์รวมถึงดาราศาสตร์และโหราศาสตร์ จากนั้นก็เรียนต่อที่มหาวิทยาลัยปาดัวในปี ค.ศ. 1503 โคเอร์นิคัส ได้รับปริญญาเอกด้านกฎหมายจากมหาวิทยาลัยเฟอร์รารา เขากลับไปที่โปแลนด์ และได้กลายเป็นผู้ดูแลโบสถ์และแพทย์ ในเวลาว่างของเขา นิโคลัส อุทิศตัวให้กับการแสวงหาความรู้ทางวิชาการรวมถึงงานด้านดาราศาสตร์
https://www.dek-d.com/board/view/2687031/
ในปีค. ศ. 1514 ชื่อเสียงของเขาในฐานะนักดาราศาสตร์ส่งผลให้ได้เป็นที่ปรึกษาของผู้นำคริสตจักรที่พยายามปฏิรูปปฏิทินจูเลียนเดิมทีในช่วงศตวรรษที่ 16 แนวคิดเรื่องจักรวาลวิทยาของทางยุโรป โลกถือว่าเป็นศูนย์กลางของจักรวาลที่อยู่กับที่ โดยมีท้องฟ้าและกลุ่มดาวต่างๆ โคจรรอบโลก อีกทั้งดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และดวงดาว คือสิ่งที่สวรรค์เป็นผู้จัดเรียงมันขึ้นเป็นวงกลม แนวคิดนี้เป็นสิ่งนักปรัชญาโบราณหรือแม้แต่อริสโตเติลให้การสนับสนุนและยอมรับมัน รวมทั้งทางศาสนจักร
กระทั่งผลงานชิ้นดังกล่าวได้ปรากฏต่อสาธารณะชน ซึ่งเป็นสิ่งที่หักล้างกับความเชื่อแบบเดิมในเรื่องจักรวาล แน่นอนว่าย่อมต้องมีกระแสต่อต้านแนวคิดของหนังสือเด ริโวลูทิโอนิบุส จากพวกที่ยึดถือความเชื่อเดิม โดยเฉพาะทางศาสนจักรที่กำหนดให้หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือต้องห้าม เนื่องจากเป็นสิ่งที่บิดเบือนและตรงกันข้ามกับหลักคำสอนของคริสตจักรนิกายโรมันคาทอริก เห็นได้จากในปี 1545 พระสันตะปาปาพอลที่สาม ได้เรียกประชุมสภาแห่งแทรนต์เพื่อหารือเกี่ยวกับการปฏิรูปศาสนจักร และเพิ่มมาตราการปราบปรามพวกนอกรีต
การตีพิมพ์บทบัญญัติของสภาจึงเริ่มขึ้นในสมัยสันตะปาปาพิอุสที่สี่ การตีความหมายของคำสอนทางศาสนาถูกจำกัดให้เป็นงานของสงฆ์ตามสมณศักดิ์ และทางศาสนจักรไม่ต้องการให้ความคิดของนักเทววิทยาสมัครเล่นคนหนึ่งมาสร้างความปั่นป่วน (รวมถึง นิโคลัส โคเปอร์นิคัส) จึงทำให้วาติกันสั่งห้ามหนังสือของโคเปอร์นิคัส แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะการที่ว่าติกันในขณะนั้นอยู่ในช่วงปฏิรูปปฏิทินเป็นระบบเกรกอเรียนในปี 1582 เพื่อกำหนดวันอีสเตอร์ จำเป็นต้องใช้องค์ความรู้ด้านดาราศาสตร์ ซึ่งในหนังสือเด ริโวลูทิโอนิบุส ก็มีข้อมูลการสังเกตการณ์ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์
กระทั่งในปี 1616 เด ริโวลูทิโอนิบุส เป็นหนังสือต้องห้ามที่กำกับไว้ว่า “จนกว่าจะมีการแก้ไข”จนเมื่อผ่านไป 4 ปีก็มีการประกาศว่ามีการแก้ไขสิบจุด อย่างเช่น ชื่อของหนังสือเล่มที่ 1 บทที่ 11 “คำอธิบายโดยละเอียดถึงการหมุนสามทบของโลก” ถูกแก้เป็น “สมมติฐานเกี่ยวกับการหมุนสามทบของโลกและคำอธิบายโดยละเอียด” เป็นต้น
โฆษณา