ไหมว่า เงินส่วนนี้ คือ เงินเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ โดยจุดเริ่มต้นของเรื่องมาจาก อดีต CFO ของ McDonald’s Harry J. Sonneborn ที่ได้เข้ามาช่วยเหลือ Ray Kroc โดยเปลี่ยน McDonald’s ให้เป็นเครื่องจักรผลิตเงินจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และมีอำนาจเหนือ 2 พี่น้องแบบเห็นๆ
Harry J. Sonneborn เคยพูดไว้ว่า “จริงๆ แล้วเราไม่ได้อยู่ในธุรกิจอาหาร แต่เราทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อยู่ต่างหาก เหตุผลเดียวที่เราขายแฮมเบอร์เกอร์ในราคา 15 เซนต์ ก็เพราะมันคือ สิ่งที่สร้างกำไรได้ดีที่สุด เพื่อให้ผู้ซื้อแฟรนไชส์ (ผู้เช่า) สามารถจ่ายค่าเช่าให้เราได้ยังไงละ”
ข้อได้เปรียบด้านขนาดของบริษัทได้แปลเป็นอาหารราคาถูกสำหรับลูกค้า ซึ่งทำให้อาหารของแมคโดนัลด์กลายเป็นอาหารหลักหรือเป็นอาหารที่เด็กๆ สามารถเข้าถึงได้ และได้รับความนิยมจนถึงปัจจุบัน
หลังจากทั้งคู่ ก็พากันเปิดบริษัท ชื่อ Franchise Realty Corp. เป็นเจ้าของที่ดินของผู้ถือแฟรชไชส์อีกทีหนึ่ง ซึ่งอสังหาริมทรัพย์ หมายถึง ที่ดิน หรือ ทรัพย์อันติดกับที่ดิน หรือประกอบเป็นอันเดียวกับที่ดิน รวมทั้งสิทธิทั้งหลายอันเกี่ยวกับกรรมสิทธิ์ที่ดินด้วย จึงเป็นข้อสรุปได้เลยว่า Ray Croc เป็นเจ้าของที่ดิน ร้านอาหารฟาสต์ฟู๊ดบนที่ดินของเขาด้วยนั่นเอง
จะเห็นว่า กำไรทั้งหมดที่ได้จากแฟรนไชส์ มาจาก 2 รูปแบบ ได้แก่ ค่าส่วนแบ่งแฟรนไชส์ 4 เปอร์เซ็นต์ หรือมากกว่านั้นจากยอดขาย และค่าเช่าที่ดินของ McDonald’s นั่นเอง ซึ่งค่าเช่าที่นี้ไม่ได้ตายตัว มีการจัดการบวกเพิ่มจากราคาค่าเช่าทั่วไปอีก ซึ่งรายได้จากค่าเช่าที่ดินของแฟรนไชส์ คิดเป็นสัดส่วน 65% ของรายได้จากแฟรนไชส์ทั้งหมด
จึงไม่แปลกที่ปัจจุบัน McDonald’s ได้เติบโตเป็นหนึ่งในเครือข่ายร้านอาหารที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยมีลูกค้าเฉลี่ยมากกว่า 70 ล้านคนต่อวัน มีสาขาทั้งหมดถึง 38,500 สาขา ใน 119 ประเทศทั่วโลก มีแฟรนไชส์ซีถึง 93%
แมคโดนัลด์...มุ่งสู่ร้านอาหารดิจิทัล