อาม่า กับยาที่หายไป
ยาของอาม่าที่หายไปจากตู้ยาคือฝีมือผมเอง อะไรนะเฉลยเลยเหรอ ใช่ดิ เฉลยเลยละกัน เพราะหมั่นไส้มานานละ อาม่าในที่นี้ก็คือแม่ยายของกระผมเอง เนื่องจากอาม่าเป็นคนที่ชอบ นิยมชมชอบในการเก็บยาที่ตัวเองกินไม่หมด ใช้แล้วครับอาม่าเป็นคนที่ไปหาหมอเมื่อไม่สบาย ได้ยามาอาม่ามักทานไม่หมด เมื่ออาการดีขึ้น อาม่าก็หยุดยา ทั้งๆที่หมอก็บอกว่าให้ทานยาให้หมด
อาม่าแค่ตัวอย่างเรียกน้ำย่อย คงมีอีกหลายคนที่มีพฤติกรรมแบบอาม่าแน่นอน บางที่อาม่าก็เก็บยานานเกินไปนะ บางที่ยาก็เปลี่ยนสีเลย แต่อาม่าไม่รู้เนื่องจากจำสีเดิมไม่ได้ (ฮา) ที่เก็บไว้นานสุดก็น่าจะยานวดนี้เหลาะ เพราะยานวดนี้แยกสี แยกเนื้อกันเลย จากสีขาวขุ่น (นึกภาพสียานวดออกนะ) แยกเป็นสีขาวและเนื้อเจลใสๆเลย อาม่าบอกว่ากลิ่นมันก็เหมือนเดิม คงใช้ได้อยู่ละมั้ง โอ้ย งงในตรรกะของอาม่าแท้จริง
อาม่า(แม่ยาย) กะลูกเขยอย่างเรามักเข้ากันไม่ค่อยได้เหมือนน้ำกะน้ำมันมวย (ฮา) การกินยาไม่ครบตามแพทย์สั่งมีผลเสีย อีกอย่างคือการดื้อยานะเธอ ทุกๆชั่วโมงในประเทศไทยเรามีคนเสียชีวิตเนื่องจากการดื้อยาปฎิชีวนะจำนวนมากถึง 2 คน นอกจากการรับประทานยาไม่หมดตามแพทย์สั่งแล้วการดื้อยายังเกิดจากการหายามารับประทานเองอีกด้วย เพราะประเทศไทยเป็นประเทศที่หายามาทานเองได้ง่ายมาก ประเทศอื่นการจะซื้อยามาทานได้ต้องมีใบสั่งจากแพทย์เท่านั้นแต่ประเทศไทยเรา แค่เดินไปร้านขายยาก็สามารถซื้อยามากินเองได้แล้ว
บางที่เราไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเราได้รับเชื้ออะไรมา โอ๊ะอะ เราก็ซื้อยามาทานเอง ตัดสินใจเอง อันไหนโฆษณาว่าดีคือซื้อตามๆกันมา นี้ยังไม่นับพวกยาผีบอก ที่เป็นความเชื่ออีกนะ ยิ่งทำให้เกิดการดื้อยามากขึ้นๆ ไปอีก ข้อแตกต่างจากการซื้อยาจากแพทย์และการซื้อยาจากเภสัชกรคือการวินิจฉัยโรคครับผม เภสัชกรไม่สามารถวินิจฉัยโรคได้แม่นยำเหมือนกับแพทย์ เพราะเรียนมาก็ไม่เหมือนกันแล้ว เภสัชกรตามโรงพยาบาลจึงจ่ายยาตามที่แทพย์สั่งเท่านั้น แต่เภสัชกรที่ขายยาตามหมู่บ้าน หรือตลาดต่างๆ ที่เราเห็นทั่วไปก็วินิจฉัยเอาจากประสบการณ์ที่พบเจอมาเท่านั้น ยิ่งบางคนคิดเองเออเองว่า ยาประเภทยากำจัดแบคทีเรียเป็นยาแก้อักแสบ เพราะในความเป็นจริงแล้วยาทั้งสองตัวเป็นยาคนละตัวกัน
ดังนั้นหากเราได้รับยาที่ไม่จำเป็นหรือยาที่ได้ช่วยบรรเทาอาการหรือรักษา ได้รับยาแบบผิดๆ เมื่อเราเกิดเจ็บไข้ได้ป่วยด้วยอาการที่ต้องการยาตัวนั้นจริงๆ ทำให้เราเกิดอาการดื้อยา หรือ จำเป็นทีจะต้องได้รับปริมาณยาที่มากขึ้น เพื่อรักษาอาการให้หาย ซึ่งการได้รับยามากเกินความเป็นจริงหรือเกินจำเป็น จะมีผลต่อตับ ทำให้เกิดโรคเกี่ยวกับตับตามมาอีก เมื่อตับซึ่งเป็นตัวกรองสารพิษได้รับผลกระทบ เสื่อมถอยลง ทีนี้ไม่ว่าจะกินยาอะไร ก็ยิ่งมีผลร้ายแรงตามมา
กลับมาเรื่องยาของอาม่ากันต่อ ตอนนี้ได้ทำการทำลายยาที่หมดอายุ ไปหมดแล้ว ยาอาม่าหายไปเกือบหมดตู้(ฮา) และต้องเอาอาม่ามาปรับทัศนคติกันใหม่เกี่ยวกับการทานยา เน้นย้ำว่า ทานยาให้หมดตามที่แพทย์สั่ง แม้ว่าอาการจะดีขึ้นก็ไม่ควรหยุดยากระทันหัน เพราะเชื้ออาจจะยังไม่หมด อาจทำให้เกิดอาการขึ้นมาอีก และต้องรับยาปริมาณมากขึ้น อันจะส่งผลต่อตับ และร่างกายอันแก่ชราของอาม่ามิอาจทนต่อยาปริมาณมากได้ และไม่ควรเก็บยาเอาไว้ หากทานไม่หมดหรือเปลี่ยนชนิดของยาที่ทาน (ตามคำแนะนำของแพทย์) ไม่ควรเก็บยาชุดเดิมไว้เพื่อใช้กับผู้อื่น แม้จะมีอาการคล้ายกันก็ตาม (ไม่ควรวินิจฉัยโรคเอง เป็นเหมอเหรอไง) ควรทิ้งยาไปเลย และหากยาหมดอายุก็ควรทิ้ง ไม่ควรเก็บไว้เพราะเสียดายเลย กินเข้าไปอาจเป็นโทษมากกว่าผลนะ นะอาม่านะ
- 2
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
