5 ก.พ. 2021 เวลา 00:59 • ไลฟ์สไตล์
#ทำไมต้องแบล็คการ์ด #ทำไมวะ #อึ้งจนเหนื่อย
1
ทำไมต้องแบล็ดการ์ด??
🖤Black card is my business card
The way it be settin' the tone for me💵
Black card สีเงาวับนั่นแหละ เทียบเท่ากับนามบัตรของฉัน
ที่มันบ่งบอกความเป็นตัวฉันสุดๆไปเลยจ๊ะ …ว่ะซั่นนนนน
.
💍อ่ะ..ฟังเพลง 7 RINGS ของสาว Ariana Grande เมื่อไหร่ เป็นอันต้องโยกหัว โยกตัวทุกครั้งไปกับท่อนแร๊พเล็กๆ ที่ไม่ได้ดุดันมาก แต่ความหมายมันช่างฟาดเสียเหลือเกิน จะแหวนกี่วงๆก็เอามาเถอะค่ะ รวยจนขี้เกียจจะเลือก 🤣
.
มีเนื้อหาในเพลงท่อนนึงที่ร้องว่า “Black card is my business card” ซึ่งส่วนตัวก็เคยทราบมาแล้วบ้างว่า เจ้าบัตรดำใบนี้นั้นสงวนสิทธิ์ไว้ให้สำหรับอภิมหาเศรษฐีเท่านั้น เรียกได้ว่าสิทธิพิเศษขั้นสุด ใช้จ่ายได้ไม่อั้น
แต่ก็ยังคงมีความสงสัยอีกหลายข้อเหลืออยู่ เพื่อไขข้อข้องใจในความร๊วยยยรวยยนี้ อย่ารอช้า รีบไปดูกันดีกว่าเพราะอะไร..ทำไมถึงต้อง Black card ?
🖤ประวัติความเป็นมาของ Black card
ข้อมูลจากเว็บไซต์ thepointguy.com ได้รายงานไว้ว่า ฺBlack Card เปิดตัวครั้งแรกในปี ค.ศ.1999 มีชื่อเรียกว่า “Amex Black Card หรือ Centurion Card” โดย American Express บริษัทผู้ให้บริการบัตรเครดิตเจ้าดังในยุโรป (ในเวลาต่อมา VISA และ Mastercard ก็เข้ามาเป็นผู้ให้บริการบัตรเครดิตอีก 2 บริษัท) ซึ่งต้นความคิดในการทำแบล็คการ์ดนั้นได้มาจากการวิเคราะห์ข้อมูลทางการเงินของลูกค้า (Customer Insight) การประเมินสภาพทางการเงิน สู่สิทธิประโยชน์ทางการเงินสุดหรูเกินกว่าที่คนทั่วไปจะได้รับ
.
🤔ทำไมต้อง Black card แล้วมันดีกว่าอย่างไร
อาจพูดได้ง่ายๆว่าแบล็คการ์ดนั้น ถูกออกแบบมาสำหรับมหาเศรษฐี หรือผู้ที่ร่ำรวยมากๆ เพื่อสิทธิทางการเงินที่เหนือกว่า เหนือสุดๆ เหนือแบบสุดลิ่มทิ่มประตู เพราะเหตุนี้เองการจะได้ครอบครองเจ้าแบล็คการ์ดจึงไม่ใช่เรื่องที่ทุกคนจะทำได้ มีเพียงแค่ผู้ที่ได้รับเชิญ (Invitation-Only) เท่านั้น จึงจะได้ถือครอง!!
โดยผู้ให้บริการบัตรเครดิตจะพิจารณาจากทั้งฐานรายได้ ยอดเงินฝาก ประวัติการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต ตลอดจนประวัติทางการเงิน มีรายงานจากบางสื่อว่าผู้ที่ได้รับการเชิญให้ใช้เจ้าแบล็คการ์ด จะต้องมียอดการใช้บัตรเครดิตใบอื่นๆของ American Express ประมาณ 700,000-14,000,000 บาท ในทุกปีๆ (จะแค่ปีสองปีไม่ได้นะ!) 😨
🔝สิทธิประโยชน์สูงกว่าที่ว่า..มันสูงกว่าแค่ไหน
เพื่อความเข้าใจง่าย และตื่นตาตื่นใจยิ่งขึ้น เราจึงจะขอย่อยมันออกเป็นข้อๆ ดังนี้
🔸 Amex Black Card นั้นมีวงเงินให้ใช้ไม่จำกัด คุณสามารถใช้จ่ายได้เต็มที่ไม่ต้องซีเรียสว่าวงเงินจะหมด ให้ซีเรียสว่ามมีแรงรูดมากแค่ไหนแทน
🔸อัดแน่นด้วยสิทธิพิเศษเมื่อต้องเดินทางด้วยเครื่องบินที่สามารถอัพเกรดที่นั่งเป็น first class ได้ไม่ยาก
🔸ได้รับ Priority pass สำหรับทุกเลานจ์ ในทุกสนามบินทั่วโลกได้ไม่จำกัดจำนวนครั้ง แถมยังมีห้องพักรับรอง First class ให้เลือกใช้ในทุกสนามบิน
🔸สามารถเข้าพักกับทุกโรงแรมในเครือของ Mandarin oriental ได้ฟรี 1 คืน (ยกเว้นที่นิวยอร์ก)
🔸ส่วนใครเป็นสายสังคม ชอบเข้า Club ก็ไม่ยากเพราะแบล็คการ์ดจะเป็นใบนำทางให้คุณสามารถร่วมจอยกับเขาไปได้หมดทุกอย่าง
🔸บริการรถรับส่งจากสนามบินไปยังบ้านหรือที่พัก ไม่จำกัดจำนวนครั้ง
🔸มีข้อมูลจากแหล่งข่าวว่าสามารถใช้บริการเครื่องบินเจ็ทส่วนตัวได้อีกด้วยนะ
🔸ทุกๆการใช้เงิน 1 ดอลลาร์ จะได้รับแต้มสะสม 1 แต้ม และเมื่อมียอดการใช้เงินมากกว่า 5000 ดอลลาร์ จะได้รับแต้มเพิ่มเป็น 1.5 แต้ม/ดอลลาร์
🔸สามารถยกหูหาผู้ช่วยส่วนตัว (ที่ไม่ใช่ call center) ได้ทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง
🔸วันไหนที่อยากจะช็อปแบรนด์เนมให้จุใจ ก็ยังมีบริการเลขาส่วนตัวที่จะคอยช่วยช้อปปิ้ง มีผู้ช่วยถือของและขับรถให้ด้วยเช่นกัน
.
มีคำที่พูดกันว่ากันว่า บัตร Amex Black Card นั้นซื้อได้ทุกสิ่งอย่างที่คุณต้องการ ไม่ว่าคุณอยากจะได้อะไร..เขาจะจัดให้ตามประสงค์
⚡ข่าวเล่าว่าผู้ถือ Amex Black Card รายหนึ่งอยากได้ม้าตัวที่คุณ Kevin Coster เคยขี่ในภาพยนตร์เรื่อง “Dance with Wolves” ภาพยนตร์ชื่อดังในปี ค.ศ. 1990 และใช่ค่ะบริษัท American Express ก็ไปเฟ้นหาจนพบว่าม้าตัวนั้นอยู่ในแม็กซิโกและจัดส่งม้ามาให้ผู้ถือบัตรรรายนี้ในภายหลัง
⚡อีกเรื่องเล่าว่าผู้ถือ Amex Black Card อีกรายที่ต้องการทรายจากทะเลเดดซี (Dead Sea) เพื่อให้ลูกๆของเขาใช้ทำโปรเจคที่โรงเรียน อีกครั้งที่ American Express ก็จัดขาซิ่งมอเตอร์ไซค์ไปนำทรายมามอบให้ลูกค้าได้อย่างใจหวัง
.
นอกไปจากนี้สิทธิสุดพิเศษนี้ยังมีอีกมากมาย ที่ไม่ได้มีการบอกเล่าออกมาอย่างชัดเจนจากบริษัท เพราะถือคติว่าการรักษาข้อมูลความเป็นส่วนตัวของลูกค้านั้นสำคัญที่สุด
.
🖤สรุปความฟาดของแบล็คการ์ด
ง่ายๆสั้นๆ คือ บัตรเครดิตครอบจักรวาลของมหาเศรษฐีผู้มีสภาพการเงินที่อลังการ ไม่มีอะไรที่ดูจะเป็นไปไม่ได้สำหรับบัตรแบล็คการ์ดนี้เลย แค่อ่านสิทธิพิเศษก็ตกใจจนเหนื่อยไปหมด
1
Tips :
1.แบล็คการ์ดมีค่าธรรมเนียมแรกเข้าประมาณ 240,000 บาท และมีค่าธรรมเนียมรายปีประมาณ 78,000 บาท/ปี
2.แน่นอนว่าตัวบัตรแบล็คการ์ดไม่ได้ทำมาจากพลาสติกเหมือนบัตรเครดิตทั่วๆไป แต่ผลิตมาจากโลหะอย่างไทเทเนี่ยม ที่ผ่านการอโนไดซ์ (Anodized) บัตรจึงแข็งแรง ไม่ผุกร่อนได้ง่ายๆ และยังยิงเลเซอร์สลักชื่อด้วยเทคโนโลเยเอชชิ่งอีกด้วย
3.รายงานจากสื่อพบว่า มีผู้ครอบครองแบล็คการ์ดอยู่ทั่วโลกไม่เกิน 10,000 ใบ
4.นอกไปจากบริษัท American Express ที่มี Amex Black card แล้วนั้น ในปัจจุบันมีธนาคารหลายๆเจ้าที่ได้ออกบัตรสุดหรูนี้มาด้วยเช่นกัน เช่น Mastercard Black Card, J.P. Morgan Reserve Card หรือธนาคารในประเทศไทย เช่น บัตรเดอะวิสดอมกสิกรไทย (วีซ่า อินฟินิท) ของธนาคารกสิกร บัตรเครดิต KTB Precious plus Visa Infinite ของธนาคารกรุงไทย True Black Card และธนชาติแบล็คการ์ด เป็นต้น
1
โฆษณา