5 ก.พ. 2021 เวลา 07:07 • นิยาย เรื่องสั้น
“เ ว ล า - รั ก”
ฉันพาตัวเองขึ้นนั่งบนเตียงกว้างก่อนใช้ปลายนิ้วกดรีโมตเครื่องเล่นเพื่อเปิดเพลงแล้วเอนร่างลงนอนหลับตาฟังเสียงเมโลดี้ของเปียโนที่ถูกไล่เรียงอย่างพริ้วไหวนำเข้าสู่เนื้อเพลงรักหวาน... เพลงที่บรรยายถึงความรักที่เกิดขึ้นด้วยการมองหน้า และสบตาเพียงเสี้ยววินาทีเมื่อแรกพบกัน
ปล่อยภวังค์ให้จิตสำนึกใกล้หลับใหล กระทั่งรู้สึกถึงการเคลื่อนไหวของใครอีกคนที่พาร่างขึ้นมานอนข้าง ๆ ฉันจึงเปิดเปลือกตาขึ้นมองก่อนโรยยิ้มจางเบาแต้มริมฝีปาก เขายิ้มตอบพร้อมเหยียดท่อนแขนยื่นส่งมาเพื่อให้ฉันขยับตัวเข้าใกล้แล้ววางศีรษะหนุน กลิ่นจางหอมสะอาดอย่างคนเพิ่งอาบน้ำเสร็จใหม่ ๆ จากเขาแตะปลายจมูกเมื่อฉันหลับตาซบหน้าซุกลงบนช่วงไหล่ ภาพของการพบกันครั้งแรกลอยกลับเข้ามาในความคิด...
ผู้ชายคนหนึ่งเดินมาหยุดยืนตรงหน้า ความจริงฉันคะเนอยู่ก่อนแล้วว่าคนที่กำลังเดินใกล้เข้ามานั้นคงเป็นเขา ถึงเราจะไม่เคยเจอกันมาก่อนก็ตาม
ราวห้าวินาทีที่ต่างฝ่ายต่างยืนนิ่งเฉยโดยไม่มีใครเอ่ยคำทักทายอะไร ฉันจึงตัดสินใจเป็นฝ่ายเอ่ยชื่อเขา เพราะต้องการให้แน่ใจว่าไม่ผิดตัว คนถูกเรียกชื่อทำหน้างงเล็กน้อยก่อนยิ้มให้เห็นลวดเหล็กบนแนวฟันที่ถูกจัดระเบียบเรียบร้อยแล้ว
“ไปหาอะไรกินกันเหอะ หิวมาก” อยู่ ๆ เขาก็ว่าอย่างไม่มีอารัมภบทอะไรใด ๆ และฉันนึกในใจว่าแปลกดี
เราพากันเดินไปเรียกรถแท็กซี่ ระหว่างเส้นทางเราคุยกันสัพเพเหระจนกระทั่ง
“มือเล็ก” เขาพูดแล้วชูมือของตัวเองขึ้น
“หืม?” ฉันมองมือนั้นแล้วยังไม่รู้สึกตามอย่างเขาว่า
“มือเล็ก” เมื่อเขาพูดอีกเป็นครั้งที่สอง ฉันพลอยยกมือของตัวเองขึ้นดูตาม เขาจึงซ้อนมือเข้ามาเทียบเพื่อให้เห็นว่ามือของเขาไม่ได้ใหญ่ไปกว่ามือของฉันสักเท่าไหร่
“เออแฮะ” แล้วฉันก็รู้สึกว่ามือของเขาเล็ก พร้อม ๆ กับที่รู้สึกว่ามือของเขาหยาบ
“แบกข้าวสารมาเหรอ มือถึงได้หยาบอย่างนี้” ฉันแกล้งว่า เขาแก้ตัวอย่างไรฉันไม่ได้ใส่ใจนัก ใส่ใจแค่ว่าจากนั้นมือของฉันถูกมือของเขากุมจับไว้
ระหว่างมื้ออาหาร ระหว่างการกิน ดื่ม สนทนา ท่ามกลางเสียงเพลงที่ทางร้านเปิดคลอเบาแบบจบเพลงนี้ต่อเพลงนั้นไปเรื่อย อยู่ ๆ เขาก็เอ่ยเมื่อเสียงเปียโนสำเนียงหวานดังขึ้น
“เพลงนี้เพราะ”
“อือ ชอบเหมือนกัน แต่ไม่รู้ว่าชื่อเพลงอะไร ของใคร” ฉันตอบเห็นด้วยเพราะเคยฟังเพลงนี้จากคลื่นวิทยุราวครั้งสองครั้งก่อนหน้า
“นั่นสิ ไม่รู้เหมือนกัน”
เพลงที่ฉันและเขาพูดถึงกันในวันนั้นคือเพลงที่กำลังคลอดังออกมาจากเครื่องเล่นในเวลานี้... เพลงที่บอกเล่าเรื่องราวของความรักแสนหวาน รักที่ไม่ต้องอิงกาลเวลาเพื่อพิสูจน์ความจริงแท้แห่งความรู้สึก...
เขาจรดแตะริมฝีปากบนหน้าผากของฉันแผ่วเบา ก่อนเคลื่อนสัมผัสให้ปลายจมูกของเขาไล้เคลียบนผิวแก้ม ฉันสอดนิ้วลงในเรือนผมกึ่งแห้งกึ่งหมาดน้ำจากการสระ หลังรับรสขมเฝื่อนจาง ๆ พร้อมกลิ่นมิ้นท์จากริมฝีปากและปลายลิ้นของเขา เพียงชั่ววินาทีรสขมเฝื่อนของน้ำยาบ้วนปากเปลี่ยนกลายเป็นหวานละมุน
บนเส้นทางที่ร่วมกันเดิน ฉันหลับตาปล่อยให้เขาจูงมือนำทางพาฉันย่ำไปด้วยจังหวะอันเนิบช้า ล่องลอยความรู้สึกเข้าสู่ความเคลิ้มไหว กระทั่งนาทีย่ำเร่ง ฉันลืมตาขึ้นพบกับสายตาที่มองจ้องประสานมา และสายตาเช่นนั้นของเขาทำให้ฉันไม่อาจละสายตาตัวเองจากการมองตอบได้
1
เขาเกาะกุมมือฉันแล้วพาจูงเดินอย่างย้ำกระชั้นเพื่อส่งกันและกันให้ลอยทะยานขึ้นไปจนถึงจุดสูงสุดก่อนที่ต่างคนต่างหล่นดิ่งวูบลงกระแทกพื้นแตกกระจาย
ฉันตะแคงตัวนอนเหลือบสายตาวางไว้บนใบหน้าด้านข้างของเขาที่กำลังหลับตาแล้วกระเถิบตัวให้เข้าใกล้เพื่อซบหน้าซุกบนไหล่ของเขาอีกครั้ง เขาผละจากภวังค์ ขยับกายเล็กน้อยเพื่อให้ก้มหน้าลงจรดปลายจมูกบนแก้มฉันได้ วินาทีผ่านวินาทีที่สบตากัน เขายิ้มพร้อมส่งคำถาม
“มองอะไร”
“เปล่า” ฉันปฏิเสธพร้อมยิ้มตอบแต่สายตายังคงมองไม่ลดละ
นอกจากวันแรกที่พบกันแล้ว ฉันก็ไม่เคยวางสายตาของตัวเองเพื่อมองหน้าเขาอย่างตั้งใจจริง ๆ สักครั้ง เลยนึกแปลกใจตัวเองที่ตอนนี้รู้สึกขึ้นมาว่าหน้าตาที่แสนจะธรรมดาของเขาอยู่ ๆ ก็ดึงดูดสายตานัก
ฉันวางแขนกระชับกอด เงยหน้าขึ้นเล็กน้อยเพื่อหอมแก้มเขาซ้ำ
เพลงรักที่เปิดคลอเงียบเสียงลงไปนานแล้ว...
ปิดเปลือกตาให้ตัวเองหลับไป นานเท่าไหร่ไม่รู้ แต่รู้สึกตัวอีกทีเมื่อได้ยินเสียงเพลงรักที่จบลงดังขึ้นอีกหน เพลงแสนหวานไพเราะเพลงเดิม หากฉันรู้สึกว่ามันให้ความอบอุ่นมากกว่าเดิม เสมือนว่า ณ ขณะที่บทเพลงกำลังบรรเลงไป บนโลกใบนี้ที่ฉันกับเขากำลังเหยียบยืนก็ไม่ต้องการใครอื่น
คล้ายเคยได้ยินคนบอกกล่าวว่า ยามเรารักเพลงร้าวอาจทำอะไรเราไม่ได้ แต่ยามเราร้าวเพลงรักมันอาจทำร้ายเราได้มากกว่าเพลงเศร้าใด ๆ ในโลก และที่มันเป็นเช่นนั้นเพราะหัวใจของเรานั่นเอง
เพลงบอกเล่าถึงความรักที่งอกงามเจริญเติบโตได้โดยไม่ต้องเพาะเมล็ดให้หยั่งรากเพลงเดิมถูกเปิดฟังซ้ำ จนเวลานี้หัวใจเริ่มทำหน้าที่ของหัวใจ ฉันถึงเพิ่งสังเกตว่าเมื่อสิ้นสุดเสียงเพลงอันอบอุ่น อ้อมกอดของเขาก็คลายความอ่อนโยนเป็นชืดเย็น และสิ่งที่หลงเหลือให้ฉันสัมผัสมีเพียงความเศร้าอันระอุร้อน
ภาพบทสุดท้ายของการพบกันครั้งแรกลอยกลับเข้ามาในความคิด...
หลังต่างคนต่างกระทำตัวเลียนแบบบทเพลงที่ไม่ต้องอาศัยเวลาในการเรียรู้เพื่อจะรัก ฉันกับเขาในอาการเมามายจากฤทธิ์แอลกอฮอลก็พร่ำจูบกันอยู่บนรถแท็กซี่อย่างไม่แยแสคนขับรถ การเดินทางมาพบเจอกันของเพื่อนใหม่ที่เพิ่งรู้จักกันไม่นาน จบลงที่ห้องพักของโรงแรมแห่งหนึ่ง
เสียงเพลงที่เปิดคลอสิ้นสุด...
ฉันยังคงตะแคงตัวนอนเกาะแขนของเขา วางจับสายตาไว้บนใบหน้าที่กำลังทอดสายตาเหมือนพินิจมองเพดานห้อง แน่นอนว่าสิ่งที่เขามองไม่ใช่สิ่งที่เขาคิด หากสิ่งที่เขาคิดคือสิ่งที่ฉันไม่อาจรู้ ฉันรู้แค่ว่าเวลานี้ที่นอนอยู่ข้างกัน เขาไม่แม้จะแตะต้องตัวของฉัน
“กอดหน่อยได้ไหม” ฉันส่งคำรอดออกจากริมฝีปากอย่างแผ่วเบา มันเบาเพราะไม่มั่นใจว่าจะได้รับสิ่งใดเป็นคำตอบ
ผ่านนาทีเสียงทุ้มส่งคำถามล่องลอยออกจากริมฝีปากให้ฉันคิด “เขาว่ายน้ำกันยังไง”
แต่ยังไม่ทันจะนึกถึงความนัยของถ้อยคำ เขาก็เอ่ยประโยคถัดมา
“ปัญหาคือเดี๋ยวนี้ ผมไม่ต้องการที่จะว่ายน้ำอีกต่อไปแล้ว” เขาว่าแล้วหันมองฉันด้วยสีหน้าว่างเปล่าพลางขยับกายส่งแขนมาโอบกอดรัดแน่นก่อนคลายลงอย่างรวดเร็ว
ฉันใช้สายตามองตามเขาที่ลุกจากเตียงพาร่างกายเปลือยเปล่าไปกดเปิดเพลงรักเพลงเดิมก่อนทีจะซ่อนร่างนั้นให้หายไปในห้องน้ำ เพลงที่บรรยายถึงความรักอันเกิดขึ้นด้วยการมองหน้า และสบตาเพียงเสี้ยววินาทีเมื่อแรกพบกัน เพลงที่บอกเล่าเรื่องราวของความรักแสนหวาน รักที่ไม่ต้องอิงกาลเวลาเพื่อพิสูจน์ความจริงแท้แห่งความรู้สึก เพลงที่ฉันไม่เคยรู้สึกอะไรกับมันมากไปกว่าเพลงเพราะหูเพลงหนึ่ง กระทั่งวันนี้มันกลายเป็นเพลงที่ได้ยินเมื่อไหร่หัวใจก็จะเต้นไหวด้วยคิดถึงเขา
ฉันปิดเปลือกตานึกถึงภาพเขาที่ยิ้มให้เห็นลวดเหล็กบนแนวฟันในวันแรกที่พบกัน สลับกับภาพสีหน้าว่างเปล่าของเขาเมื่อครู่ คำพูดสุดท้ายก่อนเขาลุกผละออกไปดังก้องซ้ำ ๆ ในความคิด ฉันยกหลังมือขึ้นปาดน้ำอุ่นใสที่กำลังซึมไหลออกจากตา แล้วยันกายขึ้นเก็บอาภรณ์ชิ้นน้อยใหญ่ของตัวเองที่ถูกปลดเปลื้องบนผ้าปูยับยู่ของเตียงกว้าง หยิบมันกลับขึ้นมาสวมปกปิดตัวเองดังเก่า ส่งตัวเองลงจากเตียงกว้างอันอ้างว้าง ก้มเก็บเปลือกห่อถุงยางอนามัยที่ถูกแกะใช้ทิ้งกระจายบนพื้นห้องชิ้นแล้วชิ้นเล่าไปทิ้งถังขยะ
...
ฉันเชื่อว่าความรักไม่เกี่ยวข้องใดกับกาลเวลา หากมันสำคัญตรงที่รู้สึกรักหรือไม่
โฆษณา