10 ก.พ. 2021 เวลา 11:05 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์
== 15 หนังเพื่อน...รักเพื่อน ==
ใกล้ถึงเทศกาลแห่งความรักเข้ามาทุกที เทศกาลแห่งความรักมักต้องมาคู่กับหนังรักเป็นเรื่องแน่นอน วันนี้เราจึงขอแนะนำหนัง " แอบรักเพื่อน " ทุกความสัมพันธ์ระหว่างชายหญิงส่วนใหญ่มาจากการเป็นเพื่อนมาก่อนทั้งนั้น บางคู่พัฒนาจากเพื่อนมาเป็นแฟน แต่บางคนก็เป็นได้แค่เพื่อนที่แอบรักเพื่อน วันนี้เราได้ List หนังของความสัมพันธ์เมื่อเพื่อนรักกับเพื่อนมาได้ดูกัน ใครที่เคยผ่านหรือพบเจอช่วงเวลาแบบนี้มาน่าจะอินเป็นพิเศษ ก็หวังว่าจะชอบหนังที่เราตั้งใจรวบรวมมาให้นะครับ
#Themoviegoersclub
#ชวนดูหนัง
A Lot Like Love (2005) โอลิเวอร์(Ashton Kutcher) พบกับ เอมิลี่ (Amanda Peet) หญิงสาวที่เพิ่งอกหัก ปิ๊งกันระหว่างเดินทางเป็นจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ทั้งคู่ หนังโรแมนติกที่ผสม Coming of age หน่อยๆ ทั้งคู่กลับมาเจอกันในช่วงหลายๆปี จริงๆทั้งคู่ก็ปิ๊งกันนั่นแหละแต่เหมือนมีกำแพงในใจบางอย่างที่ทำให้ไม่พร้อมจะรักกันเป็นได้แค่เพื่อนที่รู้ใจกันเองเท่านั้น ต่างฝ่ายต่างมีชีวิตของตัวเองที่ต้องก้าวหน้าต้องเติบโตคลาดกันไปคลาดกันมา แต่นั่นมันก็ใช่ปลายทางของความสัมพันธ์เช่นกัน บางทีเราทั้งคู่อาจจะยังไม่พร้อมด้วยเหตุผลหลายๆอย่าง แต่เมื่อถึงเวลาที่ใช่ของเรามันก็คงจะดีมากๆเช่นกันที่เราได้รักกันสักที เหมือนที่ A lot like love กำลังบอกเราอยู่
เพื่อนสนิท (2005) เรื่องราวของหมูหรือไข่ย้อย(ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์) หน่มเซอร์จากกรุงเทพไปเรียนต่อที่เชียงใหม่ได้ตกหลุมรักดากานดา(นุ่น ศิรพันธ์ วัฒนจินดา) เพื่อนสาวที่เรียนคณะเดียวกัน แต่ก็ไม่กล้าที่จะบอกความรู้สึกออกไป ตัดมาอีกเหตุการณ์หมูเดินทางไปเที่ยวที่เกาะพะงันและเกิดอุบัติเหตุขึ้นจนทำให้พบกับนุ้ย(มณีรัตน์ คำอ้วน) พยาบาลที่ดูแลหมูจนเกิดความรู้สึกบางอย่างในใจของทั้งคู่ เราว่ามันเป็นหนังที่ถูกอกถูกใจของคนที่แอบรักเพื่อนสนิทแบบสุดๆ หนังจะเล่าสองเหตุการ์ณตัดสลับกันไปมาระหว่างอดีตและปัจจุบัน เราชอบที่หนังแม้จะดูเรียบๆเนือยๆไปบ้างแต่มันให้ความรู้สึกแบบค่อยๆเป็นค่อยไปแต่เต็มไปด้วยเหตุการ์ณน่ารักและอมยิ้มในแบบที่คนแอบรักจะเข้าใจที่สุดแม้จะเป็นแค่เรื่องเล็กน้อย ตัดมาอีกเหตุการ์ณกับนุ้ยที่มีฉากตลกๆเยอะมีความน่ารักทำให้เรายิ้มได้ไม่แพ้กับช่วงที่หมูอยู่กับดากานดาเลย แม้บทสรุปของเรื่องราวทั้งหมดจะไม่ได้เฉลยออกมาชัดเจนขนาดนั้นแต่เราก็พอจะเข้าใจได้อยู่ แม้ปลายทางของความสัมพันธ์มันจะไม่สมหวังแต่ เราก็คงไม่เสียใจที่ได้ความทรงจำที่อบอุ่นที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิตเก็บเอาไว้ และความรักครั้งใหม่บางทีก็เกิดขึ้นมาโดยที่เราไม่รู้ตัวเองเลยด้วยซ้ำ หากใครถามว่าชอบหนังรักเรื่องไหนบ้าง "เพื่อนสนิท" จะเป็นหนึ่งในคำตอบนั้นอย่างแน่นอนครับ
Made of Honor (2008) เรื่องราวของทอม(Patrick Dempsey) เสือผู้หญิงที่ไม่มีความต้องการจะผูกมัดกับใครได้รู้จักกับแฮนนาห์(Michelle Monaghan) ตั้งแต่มหาลัยจนเวลาล่วงเลยมาหลายปี จู่ๆแฮนนาห์ไปทำงานที่สก็อตแลนด์ 6 วีค ทำให้ทอมรู้หัวใจตัวเองว่ารักแฮนนาห์เข้าให้แล้ว แต่เมื่อแฮนนาห์กลับมาเธอบอกทอมว่ากำลังจะแต่งงานและขอให้ทอมเป็นเพื่อนเจ้าสาวซะอย่างนั้น คล้ายๆหนังเรื่อง My Best Friend’s Wedding (1997) แต่เป็นเวอร์ชั่นผู้ชายนั่นแหละ บางคนไม่เคยรู้ตัวเลยว่าอะไรคือสิ่งที่เติมเต็มหัวใจก็ตอนที่จะเสียมันไป หนังค่อนข้างเรียบง่ายแต่ยังคงความโรแมนติกและความตลกพอมีให้เห็นบ้าง คู่พระนางก็เหมาะกันที่สุด
13 Going on 30 (2004) เรื่องราวของเจนนา (Jennifer Garner) เด็กหญิงอายุ 13 ที่เพียงแม็ตต์ (Matt Flamhaff) เด็กชายคนเดียวที่ดูจะเป็นเพื่อนรักเธอจริงๆ เกิดเหตุการ์ณไม่คาดฝันเมื่อวันเกิดของเธอไม่มีอะไรเป็นดั่งที่ใจหวังเท่าไหร่นัก เจนนาได้ขอพรให้ตัวเองอายุ 30 เมื่อตื่นมาเธอก็พบว่าตื่นมาในอนาคตที่ตัวเองอายุ 30 ปีแล้วเธอจึงติดต่อไปหาแม็ตต์เพื่อนในวัยเด็กของเธอ ทั้งคู่มาพบกันด้วยความรู้สึกที่ต่างออกไป เป็นหนังรอมคอมที่ไม่ได้มีแค่เรื่องความรักแต่เพียงอย่างเดียว เจนนาตื่นมาอนาคตตอนอายุ 30 แต่ก็แค่ร่างกายเพราะจิตใจเธอยังคงเป็นเด็กสาว 13 อยู่ในอนาคตเจนนาตัดขาดพ่อแม่,ไม่มีเพื่อนสนิทแม้จะมีหน้าที่การงานชื่อเสียงมากมายแบบที่เธอฝันถึงไว้เมื่อยังเด็กๆก็ตาม แต่สุดท้ายแล้วสิ่งที่เธอต้องการมากที่สุดกลับไม่มีเลยจนเธอได้เจอแม็ตต์ในอนาคตจนทำให้เธอคิดอะไรบางอย่างได้ แม้พล็อตเรื่องจะพอคาดเดาได้อยู่บ้างแต่ตัวหนังก็ยังทำออกมาได้ค่อนข้างดีเลย Jennifer Garner กับ Mark Ruffalo ก็เข้าคู่น่ารัก ห้ามพลาดครับเรื่องนี้
The Perks of Being a Wallflower (2012) เรื่องราวของ ชาร์ลี (Logan Wade Lerman) เด็กหนุ่มอายุ 15 น้องใหม่ไฮสคูลค่อนข้างขี้อายไม่ค่อยคุยกับใคร ชาร์ลีได้มาบังเอิญเป็นเพื่อนกับแซม (Emma Watson) และ แพททริค (Ezra Miller) รุ่นพี่ปีสี่ที่กำลังใช้ชีวิตในช่วงสุดท้ายของการเป็นนักเรียนให้สุดเหวี่ยงที่ที่ช่วยให้ ชาร์ลี ได้พบกับมิตรภาพ,รักครั้งแรก,การค้นพบตัวเองที่ชาร์ลีไม่เคยพบเจอมาก่อน การดำเนินเรื่องไม่หวือหวาและไม่รีบร้อนเกินไปแต่ตลอดทั้งเรื่องมันเต็มไปด้วยอารมณ์ที่หลากหลายที่ส่งมาถึงคนดู ยังพอมีมุขตลกๆอยู่บ้างกับบทดราม่าที่ทำเราจุกเหมือนกัน ชาร์ลีที่ต้องสูญเสียเพื่อนสนิทไปกับป้าอันเป็นที่รักจนกลายเป็นปมลึกๆในใจของชาร์ลี เปรียบเปรยก็เหมือนกับ ”ดอกไม้ที่ผลิบานริมซอกกำแพง” ที่เห็นสิ่งรอบๆตัวเองแต่ไม่ค่อยเป็นที่สนใจจากใครๆต่อให้สวยสักแค่ไหนคนก็มองข้ามไปอยู่ดีนี่คือสิ่งที่ชาร์ลีเป็น การพบเจอเพื่อนทั้งสองคือจุดเปลี่ยนในชีวิตของชาร์ลี ทำให้เจอประสบการ์ณใหม่ๆทั้งความรัก,การค้นพบตัวเอง,และที่สำคัญที่สุดคือการที่ชาร์ลีรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของพวกเขา หนังยังได้เล่าเกี่ยวกับปัญหาของตัวละครอื่นๆที่ต้องเผชิญซึ่งมันก็ไม่ใช่แค่ชาร์ลีที่ต้องต่อสู้กับปัญหาในชีวิตแต่เราทุกคนก็ต้องสู้กับปัญหาตัวเองและก้าวข้ามมันไป
What If (2013) หนังเกี่ยวกับวอลเลซ(Daniel Radcliffe) ได้ตกหลุมรักชานทรี(Zoe Kazan) ในงานปาร์ตี้ แต่ก็ต้องผิดหวังไปเพราะชานทรีดันมีแฟนอยู่แล้ว ทั้งคู่ตกลงเป็นเพื่อนกัน แต่แล้ววันหนึ่งแฟนของชานทรีก็ดันต้องไปทำงานที่อื่นครึ่งปี เลยเป็นเวลาที่วอลเลซและชานทรีใช้เวลาด้วยกันมากยิ่งขึ้น หนังมีความน่ารักและธรรมชาติ ภาพ,ฉากก็ออกมาสวยเพลงประกอบในเรื่องก็เพราะทุกเพลงเลยก็ว่าได้ การดำเนินเรื่องก็เพลิดเพลินแม้บทสนทนาจะมีเรื่องอย่างว่าเข้ามาเกี่ยวเยอะก็ตามเรามองว่ามันมีเสน่ห์และก็เป็นเรื่องธรรมดาของเพื่อนที่สามารถแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันได้ทุกเรื่องซะมากกว่า ความเข้ากันได้เป็นปี่เป็นขลุ่ยของทั้งคู่นี่แหละที่เราชอบที่สุด และคนที่เคยแอบรักเพื่อนหรือคนที่ต้องตกอยู่ในสถานการณ์แบบในหนังคงมีคำถามในใจว่าไอที่ๆเราสนิทกันจนเหมือนจะเกินเพื่อนเนี่ยเรารู้สึกกันแค่เพื่อนจริงๆเหรอ ? น่าจะอินกับหนังโครตๆเลยแหละ Daniel Radcliffe สลัดคราบของ Harry Potter มาเล่นหนังโรแมนติกได้ธรรมชาติมากนะ การเล่นคู่กันกับ Zoe Kazan กลายเป็นคู่ที่น่ารักและลงตัวเอามากๆ
Love, Rosie (2014) หนังโรแมนติกที่มาจากนิยายอีกหนึ่งเรื่อง โรซี่ (Lily Collins)และอเล็กซ์ (Sam Claflin) เพื่อนสนิทที่ความฝันออกไปท่องโลกกว้างและเรียนมหาลัยที่เดียวกันที่บอสตัน แต่แล้วก็เกิดเรื่องขึ้นเมื่อโรซี่เกิดท้องขึ้นมาโดยไม่ได้ตั้งใจ บางทีโชคชะตาก็เล่นตลกกับชีวิตของเราซะเหลือเกิน แม้ต่างฝ่ายจะมีความรู้สึกดีๆให้กันแต่ก็ดันมีเรื่องให้คลาดจากกันและกลับมาเจอกันตลอด ในหนังจะเล่าแบบย้อนเหตุการ์ณตั้งแต่ทั้งคู่เด็กๆจนโนเป็นผู้ใหญ่ อาจจะค่อนข้างตามสูตรในหนังแนวนี้ที่มีค่อนข้างเยอะ แต่หนังมีประเด็นของการเติบโต, ความฝันและการใช้ชีวิตเข้ามาด้วยซึ่งทำให้หนังไม่เลี่ยนเกินไป อีกอย่างคือเพลงประกอบเรื่องนี้โครตดีเพราะหลายเพลง โดยรวมแล้วนี่คือหนังที่เราชอบอีกเรื่องแม้จะไม่มีจุดที่พีคก็ตามมันก็คุ้มค่าในการเสียเวลาดู
Made of Honor (2008) เรื่องราวของทอม(Patrick Dempsey) เสือผู้หญิงที่ไม่มีความต้องการจะผูกมัดกับใครได้รู้จักกับแฮนนาห์(Michelle Monaghan) ตั้งแต่มหาลัยจนเวลาล่วงเลยมาหลายปี จู่ๆแฮนนาห์ไปทำงานที่สก็อตแลนด์ 6 วีค ทำให้ทอมรู้หัวใจตัวเองว่ารักแฮนนาห์เข้าให้แล้ว แต่เมื่อแฮนนาห์กลับมาเธอบอกทอมว่ากำลังจะแต่งงานและขอให้ทอมเป็นเพื่อนเจ้าสาวซะอย่างนั้น คล้ายๆหนังเรื่อง My Best Friend’s Wedding (1997) แต่เป็นเวอร์ชั่นผู้ชายนั่นแหละ บางคนไม่เคยรู้ตัวเลยว่าอะไรคือสิ่งที่เติมเต็มหัวใจก็ตอนที่จะเสียมันไป หนังค่อนข้างเรียบง่ายแต่ยังคงความโรแมนติกและความตลกพอมีให้เห็นบ้าง คู่พระนางก็เหมาะกันที่สุด
Friend with Benefits (2011) เรื่องราวของดีแลน(Justin Timberlake) และ เจมี่(Mila Kunis) ที่ตกลงจะมีSexกัน ภายใต้ความสัมพันธ์แบบเพื่อนเท่านั้น ชื่อหนังก็บ่งบอกความสัมพันธ์ของทั้งคู่ออกมาแล้วนะคือ Friend with Benefits แยกแยะระหว่าง Sex กับ Relationship ออกจากกัน เป็นความสัมพันธ์ที่ค่อนข้างแปลกแต่ก็มีให้เห็นทั่วไป แต่ถ้าเกิดวันหนึ่งฝั่งใดฝั่งหนึ่งกลับรู้สึกรักอีกฝ่ายขึ้นมาหล่ะ ? หนังแสดงมุมมองความสัมพันธ์แบบนี้ออกมาได้น่าสนใจทีเดียว มีฉากตลกให้เห็นเยอะพอๆกับวาบหวิวแต่จุดที่เราว่ามันโรแมนติกคือการที่ความสัมพันธ์ของทั้งคู่พัฒนาไปแบบช้าๆแบบเพื่อนโดยไม่รู้ตัวนี่แหละที่ทำให้เราอิน ยังไงก็ห้ามพลาดครับ
Friend Zone (2019) ปาล์ม(ณภัทร เสียงสมบุญ) ชายที่มีความรักให้กับกิ๊ง(พิมพ์ชนก ลือวิเศษไพบูลย์) ตั้งแต่สมัยมัธยมทั้งคู่ก็ยังสนิทและติดต่อกันมาเรื่อยๆจนมีเหตุให้ทั้งคู่ต้องอยู่ใกล้กันมากขึ้นและเป็นเกิดเป็นคำถามระหว่างความสัมพันธ์ของทั้งคู่ หนังโรแมนติกคอมเมดี้ตามสูตร แต่มีการดำเนินเรื่องไม่น่าเบื่อ,และมีจุดเด่นในการเล่าตามแบบฉบับค่าย GDH ที่เรามักจะเห็นหลายๆเรื่องฉากเรียกเสียงตลกก็มีเพียบ แต่เราชอบในความสัมพันธ์แบบเส้นขนานของทั้งคู่ที่เจอกันตลอดและอยู่ด้วยกันในหลายๆเหตุการ์ณ มันเป็นเครื่องหมายคำถามระหว่างทั้งสองเหมือนกันว่าเรารู้สึกแค่เพื่อนกันจริงๆเหรอ ? บางทีเราอาจจะรู้สึกเหมือนกันแต่ก็ยังกลัวในความสัมพันธ์ที่มันจะเปลี่ยนไปจากเดิมหรือเปล่า ? บางทีคำว่าเฟร์นโซนมันอาจจะไม่ได้หมายถึงเพื่อนที่รักเพื่อนแค่ฝ่ายเดียวซะแล้วสิ
My Best Friend’s Wedding (1997) หนังว่าด้วยเรื่องของ จูเลี่ยน(Julia Robert) นักวิจารณ์อาหารกับ ไมเคิล (Dermot Mulroney) นักข่าวกีฬา ที่อดีตคือคนรักกลับกลายมาเป็นเพื่อนรัก ซึ่งทั้งสองเคยตกลงกันไว้ว่า ถ้าในวันหนึ่งทั้งคู่มีอายุ 28 ปี และต่างคนต่างไม่มีใคร ทั้งสองจะแต่งงานกัน แต่แล้วเมื่อจูเลี่ยน ใกล้ที่จะอายุ 28 แค่ไม่กี่วัน ไมเคิล ได้โทรมาหาบอกว่ากำลังจะแต่งงานกับ คิมมี่ (Cameron Diaz) และต้องการให้จูเลี่ยนมาเป็นเพื่อนเจ้าสาวให้ ซึ่งแน่นอนทางจูเลี่ยนต้องการจะขัดขวางและทวงชายคนรักของเธอกลับมาให้ได้ จูเลี่ยน เหมือนนางร้ายที่มาในบทนางเอกปั่นให้ไมเคิลกับคิมมี่ทะเลาะกันเพื่อแย่งไมเคิลกลับมาส่วนคิมมี่ก็ดูรักไมเคิลมากทิ้งทุกอย่างเพื่อมาใช้ชีวิตกับเขาส่วนอีตาไมเคิลก็มีอาการไขว่เขวกับทั้งคู่เหมือนกัน เมื่อหนังเดินทางมาถึงในช่วงสุดท้ายมันคือประเด็นหลักของเรื่องนี้คือความเป็นจริงของความรักที่มันอาจจะสมหวังหรือไม่สมหวังก็แล้วตามแต่ สิ่งที่มีความสุขของอีกฝ่ายเราก็ควรจะยินดีกับเขาจริงๆ การแสดงของทั้ง Julia Robert กับ Cameron Diaz กินกันไม่ลงจริงๆคือเด่นและมีเสน่ห์ทั้งคู่ ส่วนเพื่อนเกย์ของนางเอกก็น่ารักจนและเต็มให้หนังมีชีวิตชีวาขึ้นได้เยอะทีเดียว
Season Change (2006) เรื่องราวของป้อม(วิทวัส สิงห์ลำพอง) ได้ตกหลุมรักดาว(ยุวนาถ อาระยานิมิตสกุล) และตามเธอเข้ามาเรียนมัธยมปลายในวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล แต่พ่อของป้อมดันเข้าใจผิดว่าลูกตัวเองเรียนาขาเตรียมแพทยศาสตร์ป้อมไม่กล้าบอกความจริงเพราะพ่อมองว่านักดนตรีเป็นอาชีพไม่มั่นคงโดยให้อ้อม(ชุติมา ทีปะนาถ) ลูกสาวเพื่อนพ่อช่วยโกหกให้ " ไม่กินผักทำไมไม่บอก " เชื่อว่าเป็นประโยคที่หลายๆคนจำได้จากหนังเรื่องนี้ เพียงแค่ประโยคมันอธิบายเรื่องนี้ออกมาได้หมดเลยนะถ้าเราคิดดีๆ การเล่นกับฤดูต่างๆของหนังมันทำให้หนังมีเสน่ห์ในแบบที่แตกต่างจากรอมคอมเรื่องอื่นไปเลย เนื้อเรื่องยังมีความเรียบง่ายแต่ดูเพลินแถมแทรกแง่มุมบางอย่างเรื่องความรักกับครอบครัวไว้อีกต่างหาก สำหรับเราแล้วนี่คือหนังที่ฝนตกทีไรจะคิดถึงเสมอ
One Day (2011) เรื่องราวของเด็กซ์เตอร์ (Jim Sturgess)และเอ็มมา(Anne Hathaway) ที่รู้จักกันในวันที่เรียนจบ ทั้งคู่เลือกที่จะไม่มีความสัมพันธ์ชั่วข้ามคืน โดยที่จะคงความเป็นเพื่อนกันไว้ หนังเลือกจะเล่าในวันที่ 15 กรกฎาคม ของทุกปีตั้งแต่ 1988 ยันปัจจุบันซึ่งเป็นเวลา 20 ปีกับความสัมพันธ์ของทั้งคู่ เป็นอีกหนึ่งความสัมพันธ์ที่ไม่เคยมาบรรจบกันสักที ทั้งคู่มีเส้นทางชีวิตของตัวเองอาจจะดีบ้างแย่บ้างแต่ก็กลับมาเจอกัน, ไปเที่ยวด้วยกันตลอด โดยต่างฝ่ายต่างมีความรู้สึกที่เกินกว่าเพื่อนไปแต่ไม่กล้าเอ่ยออกมา เพราะบางความสัมพันธ์สำหรับคนที่เราคิดว่าใช่ก็ต้องรอเวลาที่ใช่ด้วย นี่คือหนังที่ดีมากๆอีกหนึ่งเรื่องที่ทำเอาผมน้ำตาคลอเลยทีเดียว
แฟนฉัน (2003) หนังในดวงใจของหลายๆคนรวมถึงตัวผมเองด้วย ถึงแม้จะผ่านกาลเวลามาสิบกว่าปีแล้วก็ตาม เรื่องราวความสัมพันธ์ของเจี๊ยบและน้อยหน่า,และแก๊งค์เพื่อนๆ ตอนออกฉายเมื่อตอนปี 2003 แฟนฉันดังเป็นพลุแตกและถูกพูดถึงกันอย่างกว้างขวาง นอกจากเรื่องราวความน่ารักและซึ้งของน้อยหน่ากับเจี๊ยบแล้ว ยังมีได้ความตลกจากแก๊งค์เด็กผู้ชายที่ทำเอาเพลงโอ้เยติดหูไปเลยช่วงนั้น หนังยังเหมือนไทม์แมชชีนที่พาเราย้อนกลับไปคิดถึงวันเก่าๆบรรยากาศบ้านเมือง, วิถีชีวิต, ที่หาไม่ได้แล้วในปัจจุบันเหลือแค่เพียงภาพความทรงจำเท่านั้น อีกอย่างเลยคือมันทำให้เรานึกย้อนกลับไปคิดถึงในช่วงวัยเด็กการเล่นกับกลุ่มเพื่อนต้องมีการทดสอบก่อนเข้าแก๊งค์หรือทำให้เรานึกถึงรักครั้งแรกเมื่อตอนเด็กๆเราก็คงเหมือนกับเจี๊ยบหรือน้อยหน่านี่แหละ อีกอย่างที่เราชอบมากๆเลยคือเพลงประกอบในเรื่องแต่ละเพลงเข้ากับช่วงเวลาในหนังมากๆ
When Harry Met Sally... (1989) เรื่องคือ แฮรรี่ (บิลลี่ คริสตัล) ได้กลับมาที่โรงเรียนพ่อมดแม่มดอีกครั้ง… คนละเรื่อง ! หยอกๆ แฮร์รี่เดินทางไปยังนิวยอร์กกับ แซลลี่ (เม็ก ไรอัน) ซึ่งตอนนั้นเขากำลังคบหากับเพื่อนของ แซลลี่ อยู่ในตอนนั้น โดยแฮร์รี่ก็บอกกับแซลลี่ว่า “ผู้ชายไม่มีวันเป็นเพื่อนกับผู้หญิงได้ เพราะพวกเขามักจะคิดเรื่องมีเซ็กส์กับเธอ” ซึ่งแซลลี่ไม่เห็นด้วยแน่นอน และรู้สึกไม่ค่อยพอใจกับแฮร์รี่ แต่เวลาผ่านไปๆ 5 ปี 10ปีทั้งคู่ก็กลับมาเจอกันเรื่อยๆ จนความสัมพันธ์เริ่มเปลี่ยนไป หนังความรักระหว่างเพื่อนที่มีความธรรมชาติมากๆ เราจะได้เห็นความสัมพันธ์ของทั้งคู่พัฒนาขึ้นอย่างช้าๆจากคนไม่ค่อยชอบกันจนกลายเป็นเพื่อนที่สนิทกันที่สุด เป็นหนังอีกเรื่องที่แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ที่เป็นเส้นขนานไม่มาบรรจบกันสักที เราชอบตรงบทสนทนาพระเอกกับนางเอกไม่ว่าจะเรื่องความรัก, ความสัมพันธ์, เรื่องบนเตียง แต่ละประโยคมันดูละมุ่นและคมคาย อีกอย่างที่ทำมให้ชอบหนังเรื่องนี้มากคือคู่พระนางนี่แหละที่เคมีของทั้งคู่เมื่อมาเล่นด้วยกันมันคือความลงตัวที่สุดไม่ต้องแต่งเติมอะไรเข้าไปเลย
โฆษณา