5 ก.พ. 2021 เวลา 13:43 • หนังสือ
∙ หนังสือที่อ่านเเล้ว ‘ตาสว่าง’ เเละเป็นโคตรมหาขุมทรัพย์ทางมุมมอง !! ❤️ (รู้นะว่าดองอยู่)
...คือผมเป็นคนเดินเข้าร้านหนังสือบ่อยมาก มาเป็นปีเเล้ว เรียกได้ว่าหนังสือที่เห็นว่าจะตั้งอยู่ในพื้นที่หนังสือเเนะนำเสมอ มาอย่างยาวนานนนนนนน ตามหลอกหลอนอยู่ในร้านหนังสือนานเป็นปี ไม่ตกเช้ลฟ์ซักที คือ ‘Sapiens : A Brief History of Humankind’ ที่คุ้นหน้าคุ้นตากันดีทั้งคนที่ชอบอ่านเเละไม่ชอบอ่านหนังสือ
∙ หนังสือประวัติศาสตร์ที่ขึ้นชื่อว่าเป็น Genre ของหนังสือที่ขึ้นชื่อเรื่องความน่าเบื่อ จะต้องเขียนอีท่าไหน มันถึงจะออกมาสนุกเหมือนหนังสืออ่านเล่นชิล ๆ เเละเปลี่ยนมุมมองชนิดพลิกชีวิตได้ขนาดนี้วะ ?
...สิ่งที่ผมประทับใจโคตร ๆ ในหนังสือเล่มนี้ที่อยากเอามาเเชร์ พร้อมกับชวนให้ไปซื้อมาอ่านได้เเล้วสำหรับคนที่เห็นหนังสือเล่มนี้เฉี่ยวตาไป ๆ มา ๆ อยู่หลายสิบครั้งเเล้วยังไม่ได้หยิบมาอ่านซักที 555
① สิ่งที่ผมชอบอย่างเเรกเลยคือ... ‘วิธีการเล่าเรื่อง’ - หนังสือเล่มนี้พยายามตกตะกอนข้อมูลทางประวัติศาสตร์ปริมาณมหาศาลมาให้อย่างเข้าใจง่ายโคตร ๆ พร้อมยกตัวอย่าง Scenario ที่ดูเข้าถึงยากให้มนุษย์ยุคไอทีอย่างเรา ‘อิน’ ได้ง่ายแบบโลกตะลึง เเละใช้วิธีการเล่าเรื่องที่เเตกต่างจากหนังสือประวัติศาสตร์ทั่วไปมากกกกกกกก พูดให้กระชับก็คือสนุกสัสครับ
4
...หนังสือประวัติศาสตร์เล่มนี้ทำให้ผมมีอารมณ์ร่วมว่าตัวละครในประวัติศาสตร์นั้นไม่ได้เป็นเเค่ตัวละครเเบน ๆ ไร้มิติเหมือนในหนังการ์ตูน ไม่ได้เป็นเเค่รอยหมึกที่เปื้อนอยู่บนหน้ากระดาษ เเต่เป็นตัวละครที่ผมสามารถลองเอาตัวเองเข้าไปสวมบทบาทได้จริง ๆ (อันนี้ส่วนตัวนะครับ ผมอาจจะเป็นบ้าอยู่คนเดียว)
3
② อย่างที่สองคือ... หนังสือเล่มนี้ทำให้ผมตั้งคำถามเเละครุ่นคิดกับความถูกต้องเเละนามธรรมต่าง ๆ ที่ผมยึดถืออยู่ในหัว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องศีลธรรม การปกครอง ค่านิยม หรือคตินิยมต่าง ๆ
...ทุกวันนี้ชุดความคิดที่เราทึกทักคิดว่ามันเป็นสากลนั้น มันเป็นแบบนั้นจริงหรือ ? เรามี Free Will จริงหรือ​ ? หรือจริง ๆ เเล้วความคิดเราเกือบทั้งหมดแค่ถูก Shape มาจากมรดกของความคิดที่ฝากเอาไว้กับวัฒนธรรมของคนรุ่นก่อนที่ส่งมาถึงคนรุ่นเรา ?​
...ชุดความคิดที่เป็นสากลเสมอ ความจริงเเท้ที่จีรังยั่งยืนเเละเเน่นอนเสมอมีจริงหรือ - ที่เห็นอย่างเดียวที่เเน่นอนเห็นจะมีเเต่ความไม่เเน่นอน เพราะมนุษย์อยู่กับการเปลี่ยนผ่านชุดความคิดเเละค่านิยมมาตลอดระยะเวลานับหมื่นปี เเละเแทบไม่มีชุดความคิดเเบบไหนที่มั่นคงสถาพรมาตลอดระยะเวลาหลายหมื่นปีนั้น !!
2
...เเละเเน่นอนว่ามนุษย์หนุ่มที่เพิ่งเกิดมาเเค่สามสิบปี (ตัวเลขสมมติ) อย่างผมคงไม่มีทางเห็นความจริงข้อใหญ่นี้ได้ด้วยตัวเองเลย เพราะช่วงเวลาสามสิบปีนั้นสั้นยิ่งกว่าสะเก็ดฝุ่นธุลีของไทม์ไลน์มนุษยชาติ
3
...ผมไม่มีทางรู้เลยว่าบริบทอะไรที่ส่งผลกับความคิดของผม สมมติถ้าชาติที่เเล้วผมผมเกิดในสมัยวิคตอเรียน ที่ปัจเจกนิยมยังเป็นเรื่องตลก สมัยที่ทุกคนถูกจัดให้นอนห้องรวม ความคิดผมเลยถูก Shape ให้ผมให้คุณค่ากับ ‘สิ่งที่ทุกคนมองมา’ เเละสิ่งนี้ผมยึดถือมันแบบจริงเสียยิ่งกว่าจริง ทำปฏิบัติตัวอย่างสุดความสามารถไม่ให้ชื่อเสียงต้องด่างพร้อย ปฏิบัติตามขนบยุ่บยั่บในยุคนั้นอย่างเคร่งครัด ถึงจะลำบากไปบ้าง เเต่ผมก็มีความสุขในเกียรติภูมิแบบไอ้หนุ่มวิคตอเรียน
4
...เเละในทางกลับกัน - เป็นผมในเวอร์ชันที่มาเกิดใหม่เเถวผืนดินสุวรรณภูมิ (ก็ชาตินี้เเหละ) ย่านคลองเเสนเเสบในปลายศตวรรษที่ 20 - ที่วัฒนธรรมปัจเจกนิยมรุ่งเรือง ทุกคนในสังคมให้ค่ากับคุณค่าความเป็นส่วนตัว ความคิดผมเลยถูก Shape ให้ผมให้คุณค่ากับ ‘สิ่งที่เรามองตัวเอง’ เเละคนอื่นเป็นอะไรที่ผมไม่ต้องเเคร์ ผมเเคทำตัวเองให้ดีก็พอ ส่วนขนบโบราณที่ผมเห็นว่าไม่ได้ belong กับผม ผมขอกองทิ้งไว้ ใครจะว่าอะไรผมไม่เเคร์
1
...เเล้วอะไรที่มันถูก - ผมในเวอร์ชันยุคโมเดิร์นหรอ​ ? เเน่นอน... ถ้าถามผมตอนนี้ผมก็มองว่าการคิดเเบบยุควิคตอเรียนเป็นเรื่องตลก เเต่ผมไม่สามารถมั่นใจได้เลยว่าถ้าผมไปเกิดยุคนั้นอีกครั้งผมจะไม่เห็นดีเห็นงามกันชุดความคิดแบบนั้น หนำซ้ำผมอาจจะหัวเราะเยาะความคิดปัญญาอ่อนเรื่องปัจเจกนิยม เเละสู้สุดใจเพื่อเกียรติภูมิของกษัตริย์อังกฤษด้วยซ้ำ
3
...เเละสิ่งนี้ยืนยันได้ว่าจริง ๆ เเล้วผมไม่สามารถคิดอะไรได้เองเลย ผมทำได้เเค่เป็นเฟืองตัวนึงทีเคลื่อนไหลไปตามพลวัตของบริบท ท้อว่ะ !!
1
...ไอมรดกทางความคิดของคนรุ่นก่อนนี่เเหละ ที่ Shape ความคิดเรา - บางทีเราไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเรารับมรดกทางความคิดอะไรจากบรรพชนมาบ้าง
1
...ผมยกตัวอย่างเช่นคนไทยสมัยโบราณที่นับถือผี ที่ยังคิดว่ามี ‘จอมขวัญ’ อยู่ที่หัว เขาเลยไม่ให้จับหัวกันเพราะกลัวขวัญจะหลุดไป ถ้าหลุดไปนาน ๆ เจ้าของร่างจะมีอันเป็นไป ความเชื่อเเบบนี้ค่อย ๆ จางลง เรายังคงไม่จับหัวกันอยู่เเละลืมที่มาของวัฒนธรรมนี้ไปเเล้วด้วยซ้ำ
2
...มาถึงศตวรรษนี้ การจับหัวก็ยังเป็นเรื่องที่ไม่สมควรกระทำอยู่ เเบบที่ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน ก็ถูกลดรูปมาอยู่ในระดับของ ‘มารยาท’ - ซึ่งผมเองก็ยึดถือมันเช่นกัน เเต่หารู้ไม่ว่า ‘มารยาท’ ในบางวัฒนธรรมก็เป็นมรดกทางความคิดเเบบนึงเหมือนกัน เเละผมและย้อนไปจนถึงรุ่นปู่ย่าผมก็ไม่รู้จักไอตำนานเรื่อง ‘ขวัญ’ อะไรนี่ด้วยซ้ำ
1
...เห็นไหมครับ... สิ่งที่หนังสือเล่มนี้พยายามจะบอกคือ จริง ๆ เเล้วเรื่องคตินิยมกับชุดการให้คุณค่านั้น ล้วนเป็นเรื่องที ‘สัมพัทธ์’ กับ ‘บริบท’ ทั้งสิ้น - หาได้มีสิ่งใดจริงเเท้เลย TT
3
เเละ ③ คือ... ความเข้าใจเรื่องเเบบเเผนทางจินตนาการ
“แบบเเผนทางจินตนาการคืออะไร ? - ก็ประมาณว่าเป็นกรอบหรือความเชื่อสมมติที่มีไว้เพื่อให้คนกลุ่มใหญ่ ๆ สามารถเกาะมันเอาไว้ได้ ทำให้มนุษย์จำนวนมาก ๆ สามารถอยู่ร่วมกันได้โดยไม่ฆ่ากันตายเสียก่อน”
∙ Social Innovation ทั้งหมดนั้นล้วนเป็นแบบเเผนจินตนาการทั้งสิ้น - กล่าวคือ จริง ๆ เเล้วไม่ได้มีอะไรจริงเเท้เเน่นอนเลย ตำนานเทวราชา อัตลักษณ์ชาติ ชาตินิยม ทุนนิยม ความเป็นไทย เงินตรา การตรากฏหมายขึ้นมา เเม้กระทั่งคำประกาศอิสรภาพของอเมริกาก็ตาม
2
...บอกก่อนว่าอ่านเล่มนี้ไม่ได้จะพยายามทำให้คุณเป็นพวกกบฎ หรือต่อต้านขนบทุกอย่างที่มีอยู่ในประเทศนี้หรือโลกนี้ เเต่สิ่งที่ผมตกตะกอนได้จากเล่มนี้คือเราต้องยอมรับความเปลี่ยนเเปลงให้ได้ พลวัตเกิดขึ้นตลอดประวัติศาสตร์โลก ไม่มีแบบเเผนในจินตนาการใดที่อยู่มานานหลายหมื่นปี เพราะฉะนั้นการยึดถือสิ่งนั้นราวกับมันเป็น “ความจริงเเท้” นั้นเป็นเรื่องเปล่าประโยชน์
2
...เเละ Plot Twist อีกครั้ง !! เพราะอีกอย่างที่หนังสือเล่มนี้บอกเราคือ... เเบบเเผนพวกนี้ไม่ว่าจะจริงแท้หรือไม่จริงแท้อย่างไร เเต่เราปฏิเสธไม่ได้เลยว่ามันคือเรื่องสำคัญ !!
1
...เพราะการมีอยู่ของสิ่งสมมติพวกนี้ สาระของมันไม่ได้อยู่ที่ความจริงเเท้ หากเเต่อยู่ที่ Ability ของมันในการผูกมนุษย์เข้าด้วยกัน เเละผลลัพธ์ข้อนี้เเหละที่ทำให้ Social Innovation พวกนี้เป็นเครื่องมือที่ไร้เทียมทาน... เเละยังคงเป็นอยู่เเม้กระทั่ง ณ ตอนนี้
2
“ผมไม่ได้คิดว่าผมเป็นคนรุ่นใหม่ที่ไม่ได้อิงแอบเเนบคิดกับขนบโบราณนั่นหมายความว่าผมหลุดพ้นเเล้วจากมรดกทางความคิดของบรรพชนทั้งหมดทั้งปวง”
...เราเเทบจะไม่มีหลุดจากมรดกทางความคิดเหล่านั้นได้เลย... เรายังคงต่อสู้เพื่อขนบเเบบใหม่ ที่เราคิดว่ามัน fit กับโลกยุคโมเดิร์นมากกว่า เเต่นั่นก็เป็นมรดกทางความคิดเเละผลจากบริบทในยุคที่เราอาศัยอยู่เช่นกัน เราต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชน เสรีภาพ เเละชุดคุณธรรมเเบบโลกสมัยใหม่ ก็เป็นสิ่งสมมติ เช่นกัน (ทัวร์อย่าเพิ่งลงผมนะครับ 555)
3
...เเละสิ่งนี้ทำให้ผมคิดต่อไปว่า ในอนาคตอีกซักสองร้อยปีข้างหน้า จะมีชุดคุณธรรมเเบบไหนที่จะ fit กับสังคมในอนาคตที่ผมไม่รู้จัก (เเละไม่เเม้เเต่จะนึกออกด้วยซ้ำว่ามันจะเป็นยังไง เพราะตอนนี้สังคมโลกเคลื่อนไหลด้วยสปีดที่ไวโคตร ๆ) ผมอยากรู้เหมือนกันว่าในเวลานั้นมนุษย์เราจะเอาอุดมการณ์เเละคุณธรรรมไปยึดเกาะกับแบบแผนในจินตนาการเเบบไหน
“เเต่ที่เเน่ ๆ ถ้าผมได้อยู่ในยุคนั้น ผมจะไม่เอาความคิดหรือขนบเดิมที่ fit กับบริบทของโบราณผมไปยัดใส่หัวคนที่ดำรงชีวิตในบริบทที่ต่างจากผมเเน่ ๆ”
3
...ยังไงก็เเล้วเเต่ ‘แบบแผนทางจินตนาการ’ หรือ ‘สิ่งสมมติ’ เหล่านี้ก็จำเป็น... เพราะถ้าไม่มี อาจมีหวังได้ไปเก็บของป่าล่าสัตว์เหมือนเดิมเเน่ เพราะมนุษย์จะไม่สามารถอยู่ร่วมกันเป็นกลุ่มก้อนใหญ่ ๆ ได้เลย เเละนั่นคงไม่ใช่อิสรภาพที่เราถวิลหากันเเน่ ๆ
1
∙ หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือที่ดีมาก เเละเป็นหนังสือที่ผมยกให้เป็นหนังสือที่ดีที่สุดที่ผมอ่านในปี 2020 จริง ๆ ...ทุกหน้าจะค่อย ๆ เปลี่ยนมุมมองที่ผมมีต่อโลก สังคม เเละมนุษย์ จริงๆ เเล้วอยากรีวิวให้ยาวกว่านี้เพราะยังมีอีกหลายพาร์ทที่ไม่ได้พูดถึง เพราะผมมีเรื่องอยากเล่าหมดในทุกพาร์ท เเต่เกรงจะยาวเกินไป ขอเบรคไว้เท่านี้ก่อน ส่วนถ้าอยากอ่านต่อ ผมขอวิงวอนให้ไปอ่านเอาเองนะครับ ไม่ใช่ขี้เกียจพิมพ์ เเต่เป็นเล่มที่ผมอยากให้อ่านด้วยตัวเองตั้งเเต่ต้นจนจบจริง ๆ
...เเละสุดท้าย... อยากให้หนังสือเล่มนี้ยึดครองพื้นที่เล็ก ๆ เเละตามหลอกหลอนอยู่บนชั้นหนังสือเเนะนำต่อไป
หนังสือเล่มนี้ให้อะไรมากกว่าที่คุณคิดจริง ๆ ครับ
ตอนอ่านนี่... ‘ว้าวทุกหน้า บ้าอยู่คนเดียว’ 🔥
ส่วนใครที่อ่านหนังสือเล่มนี้เเล้ว (น่าจะอ่านกันทั้งบางเเล้ว) ชอบพาร์ทไหนหรือตะกอนได้อะไรกันบ้างมาเเชร์กันได้นะครับ !! 🐱
//ลอย
ปล. THE BRIEFBOOK มี LINE OFFICIAL แล้วนะคร้าบบ❤️❤️
คลิ้กที่ลิงค์นี้ได้เลย ! : https://lin.ee/sBpT6V0
รู้นะว่าดองอยู่ !!
โฆษณา