เรื่องเกิดเมื่อ พ.ศ. 758 แผ่นดินจีนสมัยสามก็ก เมื่อ ซุนกวนซึ่งเป็นพันธมิตรกับ เล่าปี่ ยกกองทัพ 100,000 นาย บุกวุยก็กของโจโฉ ในขณะที่โจโฉไม่อยู่ยกกองทัพ ไปตีอีกแคว้นนึงซึ่งอยู่คนละฟากแผ่นดินกัน เส้นทางคือยกข้ามแม่น้ำแยงซี ตรงมุ่งเข้าฮูโต๋เมืองหลวงของวุยก็ก โดยระหวางทางจะต้องผ่านเมืองหนึ่งชื่อ หับป๋าซึ่งโจโฉจอมคนได้คาดการณ์ไว้ก่อนแล้วจึงวางทหาร 7,000
ที่นี่ กับเหล่าขุนพลของเขาคือ เตียวเลี้ยว,ลิเตียน และ
งักจิ้น พร้อมกับทิ้งจดหมายฉบับหนึ่งปิดผนึกไว้จ่าหน้าซองว่า "จงเปิดเมื่อข้าศึกมา" เมื่อข้าศึกมาถึงด้วยกำลังที่เหนือกว่าอย่างมากมาย เซวี่ยที่ขุนนางฝ่ายบุ๋นจึงเปิดจดหมายออกอ่าน ข้อความข้างในเขียนสั้นสั้นว่า "ให้เตียวเลี้ยวกับลิเตียนออกรบ งักจิ้นอยู่รักษาเมือง ส่วน เซวี่ยที่ไม่ต้องรบ" เหตุผลคือเตียวเลี้ยวกับลิเตียน กล้าหาญจึงออกรบ งักจิ้นหนักแน่นให้รักษาเมือง ส่วนเซวี่ยที่เป็นขุนนางฝ่ายบุ๋นให้ดูหนังสือราชการ ในขณะที่เหล่าขุนพลทราบคำสั่งกำลังงุนงงและเงียบงัน เนื่องจากข้าศึกเหนือกว่ามาก เตียวเลี้ยวก้าวออกมาก
ขันอาสารับศึกพูดออกไป "ขณะนี้ท่านแม่ทัพใหญ่อยู่ไกลมาช่วยคงไม่ทันคำสั่งชัดเจนอยู่แล้วให้เราออกรบ ซึ่งข้าศึกคาดไม่ถึง ถ้าเราทำลายข้าศึกได้ทหาร
เราจะฮึกเฮิมพร้อมป้องกันเมือง หากพวกท่านกังวลข้าจะออกไปรบเอง" ลิเตียนซึ่งปกติไม่ถูกกับเตียวเลี้ยวสนับสนุนขึ้น "ท่านสั่งมาได้เลย ข้าจะตามท่านไปเอง
ตกค่ำ เตียวเลี้ยวคัดทหารมา 800 นาย เชือดวัวเลี้ยง รุ่งเช้าขึ้นเตียวเลี้ยวเปิดเมืองถือทวนคู่นำทหาร 800 บุกตีแหวกกลางทัพข้าศึกเข้าไปโดยฝ่ายตรงข้ามไม่คาดคิดและไม่ใส่ใจนัก เตียวเลี้ยวฆ่าศัตรูไปหลายนายนายทหารสองนายฝ่าไปถึงกลางทัพ ถึงตรงนี้ไม่มีใครหยุดอยู่เตียวเลี้ยวบุกเข้าไปพร้อมตะโกนชื่อตัวเองมุ่งตรงไปหาซุนกวนและร้องท้าทายให้ออกมารบกัน ซุนกวนซึ่งกำลังตกใจหนีขึ้นไปบนเนินดิน เมื่อตั้งสติได้จึงสังเกตเห็นว่าเตียวเลี้ยวพาทหารมาน้อยจึงสั่งให้ทหารฝ่ายตนล้อมข้าศึกไว้หลายชั้น เตียวเลี้ยวโจมตีแหวกวงออกไปได้สำเร็จพร้อมทหารไม่กี่นาย ทันใดนั้นทหารที่เหลือซึ่งตกอยู่ในวงล้อมตะโกนว่า "ท่านแม่ทัพท่านทิ้งเราแล้วหรือ เตียวเลี้ยวจึงวกกลับไปเข้าตีวงล้อมนั้นและนำทหารที่เหลือออกมา ทหารซุนกวนต่าง เสียขวัญ เตียวเลี้ยวจึงนำกำลังกลับเข้าเมืองได้ปลอดภัย เมื่อข้าศึกกลับเข้าเมืองซุนกวนจัดทหารใหม่ล้อมเมืองไว้แน่นหนา ผ่านไปสิบกว่าวันยังไม่สามารถ. ตีเมืองได้เพราะการป้องกันที่แน่นหนา จึงเตรียมถอยทัพกลับทั้งนี้มีบันทึกว่าเกิดโรคระบาดในกองทัพซุนกวนด้วยเวลานั้น ซุนกวนยกทัพกลับโดยให้ทหารส่วนใหญ่ถอยไปก่อนข้ามแม่น้ำหุยที่ท่าข้ามเสียวเกียวซึ่งอยู่ไม่ไกลจากเมืองนัก ส่วนซุนกวนกับกำลังส่วนน้อยยังอยู่คนละฟากแม่น้ำรั้งท้าย เตียวเลี้ยวเห็นจังหวะจึงนำทหารจู่โจมอีกด้วยความฉับพลัน กำเหลง ลิบอง ขุนพลของซุนกวนต่างต่อสู้ตรึงทหารเตียวเลี้ยวไว้ ส่วนเล่งทองนำทหารองค์รักษ์พาซุนกวนหนีออกจากการรบ แล้ว
ตัวเล่งทองก็นำทหารวกกลับไปรบอีกครั้งทหารเหล่านั้นล้มตายจนหมดส่วนตัวเล่งทองก็บาดเจ็บ แต่เขารอจนมั่นใจว่าซุนกวนปลอดภัยแล้วจึงถอยกลับไป ซุนกวนหนีมาถึงสะพานเสียวเกียวกลับพบว่าสะพานขาดไปส่วนหนึ่ง กูลี่องค์รักษ์จึงใช้แซ่หวดม้าอย่างแรงม้าซุนกวนจึงกระโดดข้ามไปฝั่งตรงข้ามได้ เฮ่อฉีขุนพลของซุนกวนได้ข่าวว่าเจ้านายตัวกำลังลำบาก จึงนำทหารเรือ 3,000 แล่นไปรับซุนกวนจึงพ้นอันตรายในที่สุด และถอยทัพกลับไป การรบที่เกิดขึ้นนับเป็นชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ในชีวิตทหารของเตียวเลี้ยว แต่ไม่ใช่ของเตียวเลี้ยวคนเดียว ต้องนำรวมทหารทุกคนที่รบเคียงไหล่กับเขาด้วยจึง
จะถูก หลังจากการรบครั้งนั้นง่อก็กของซุนกวนขยาด
เตียวเลี้ยวกันมาก มีบันทึกว่าสมัยนั้นในง่อก็ก "ถ้าบ้านไหนเด็กร้องไห้ ขู่ว่าเตียวเลี้ยวมาเด็กถึงกับหยุดร้อง" ซึ่งเรื่องทั้งหมดนี้คือบันทึกที่เขียนในยุคโบราณ
ไม่สามารถการันตีได้ว่าเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงทั้งหมด แต่ก็พอยืนยันได้ถึงวีรกรรม ของเรื่องราวเหล่านี้เป็นอย่างดี
เนื่องด้วยผู้เขียนเพิ่งเขียนเป็นครั้งแรก อาจมีขาดตกบกพร่องด้วยยังไม่ชำนาญจึงขออภัยมา ณ ที่นี้ และจะปรับปรุงเรื่อยเรื่อยในโอกาสต่อไป และขอขอบคุณที่มาอ่านกัน
ด้วยความจริงใจครับ