6 ก.พ. 2021 เวลา 06:29 • หนังสือ
If you change everything changes 💭💬 พาชีวิตของคุณมองหาสิ่งใหม่ๆไห้กับตัวเอง ใส่พลังบวกเยอะๆพูดกับตัวเองทุกวันฉันทำได้ ฉันสำเร็จได้และไปถึงเป้าหมายได้ฉันภูมิใจในตัวเอง ฉันไม่กลัวกับการเปลี่ยนแปลง ใส่พลังไห้กับตัวเองแล้วคุณจะรู้สึกดีและมั่นใจในตัวเองมากขึ้น😉
การพัฒนาความคิดสร้างสรารค์นั้น ก็เหมือนกับการฝึกฝนทักษะอื่นๆที่จำเป็นต้องใช้ทั้งพรสวรรค์และพรแสวง และนอกจากฝีมือแล้ว ทัศนคติ ก็ยังเป็นสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันค่ะ ดังนั้นหากใครคิดอยากจะก้าวเข้าสู่โลกของความเป็น Creative แบบเต็มตัวแล้วละก็ ควรจะต้องฝึกฝนและปฏิบัติ ตามขั้นตอนดังต่อไปนี้ 1. ปรับทัศนคติ • ไตร่ตรองทุกครั้งเมื่อได้ฟังผลตอบรับ เพราะเป็นเรื่องธรรมดาที่ทุกๆ feedback ที่คุณจะได้รับนั้น ย่อมเต็มไปด้วยความคิดเห็นส่วนบุคคล จึงต้องพึงตระกนักไว้ว่าความเห็นของผู้อื่นนั้นไม่จำเป็นต้องถูกต้องเสมอไป ดังนั้น ยังไงก็ควรจะเชื่อใจตัวเองไว้เป็นหลัก • อย่ากลัวที่จะวิจารณ์งานของตน อย่าหลงรักงานของตนมากจนเกินไปจนไม่กล้าวิจารณ์หรือทำการเปลี่ยนแปลงแก้ไขมัน เพราะการวิจารณ์ตนเองนั้นเป็นสิ่งที่ดีต่อการพัฒนาทั้งความสามารถของตนเองและคุณภาพของงานเป็นอย่างยิ่ง • บนโลกนี้ไม่มีอะไรเพอร์เฟค บ่อยครั้งนิสัยแบบ Perfectionist นั้นมักจะกลายเป็นอุปสรรคขัดขวางการพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ของคุณ เพราะมันอาจทำให้งานของคุณดูฝืนเกร็งและไม่เป็นธรรมชาติ และที่สำคัญ ความสมบูรณ์แบบนี้เองแหละค่ะที่จะเป็นตัวการลดทอนความมี เอกลักษณ์ในผลงานของคุณเอง ดังนั้นจึงควรทำงานอย่างเป็นธรรมชาติ ใช้ความเป็นตัวของตัวเอง และพึงระลึกเอาไว้เสมอว่า “Nothing is Perfect” หรือ ไม่มีอะไรที่สมบูรณ์แบบ 2. เชื่อมั่นในตัวตน • อย่าปล่อยตัวไปตามกระแสนิยม แน่นอนว่าการติดตาม Trends นั้นย่อมเป็นเรื่องที่ Creative ทุกคนควรทำ เพื่อศึกษาหาความรู้และติดตาม สถานการณ์ปัจจุบัน แต่โดยธรรมชาติแล้ว Trends เป็นสิ่งที่เปลี่ยนไปเรื่อยๆตามกระแสของเวลาและปัจจัยแวดล้อมต่างๆ จึงไม่ใช่สิ่งที่ควรยึดถือ เป็นหลักหรือเอามาเป็นใช้เป็นแก่นของความคิดสร้างสรรค์อย่างแน่นอน • อย่ายึดติดกับผลงานของผู้อื่น การศึกษาผลงานที่ผ่านมาของผู้อื่นที่ตนชื่นชอบนั้น ย่อมเป็นสิ่งที่ดีต่อการกระตุ้นเชื้อเพลิงเพื่อสร้างแรง บันดาลใจในตัวคุณ อย่างไรก็ตามอย่าให้รูปแบบการทำงานเหล่านั้นมามีอิทธิพลต่อความคิดของคุณมากเกินไป ทางที่ดีคุณควรจะศึกษาผลงาน ที่หลากหลายและนำมาวิเคราะห์ใคร่ครวญข้อดีข้อเสีย จากนั้นจึงนำสิ่งที่คุณชอบมาประยุกต์ใช้กับความสามารถของคุณ แล้วจึงนำมาจุดประกาย พัฒนาต่อให้กลายเป็น Style เฉพาะตัวของคุณเอง • ใช้ความคิดสร้างสรรค์ในเวลาส่วนตัว ศิลปินหลายคนพบว่าพวกเขาสามารถใช้สมาธิและความคิดในการสร้างสรรค์ผลงานออกมาได้ดีเป็นพิเศษ ในเวลาที่อยู่เงียบๆคนเดียว ดังนั้น การลองจัดหาเวลาให้ตัวเองได้อยู่เงียบๆคนเดียวบ้างในแต่ละวัน อาจทำให้คุณสามารถค้นพบไอเดียสุดบรรเจิด และสร้างสรรค์ผลงานได้แปลกใหม่ไม่เหมือนใครก็ได้ 3. หมั่นทำแบบฝึกหัด ลับคมให้กับฝีมือ • หัดคิดหัดเขียนให้คล่องปรื๋อ แบ่งเวลาสัก 15-30 นาที ในแต่ละวัน มาใช้ในการลองเขียน Freewriting เป็นประจำ ซึ่งก็คือการเขียนเรียงความ หัวข้อใดหัวข้อหนึ่ง โดยต้องไม่หยุดเขียนความคิดที่พรั่งพรูออกมาอย่างอิสระ และเขียนให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ภายใต้เวลาที่จำกัด Freewriting เป็นวิธีการพัฒนาความคิดและการสื่อสารมันออกมาในรูปแบบของการเขียนที่ดีที่สุด และเมื่อฝึกฝนไปเรื่อยๆอย่างต่อเนื่อง คุณจะไม่เชื่อเลยว่า คุณสามารถสื่อสารได้เก่งขึ้นมากขนาดไหนภายในระยะเวลาสั้นๆเท่านั้น • ฝึกใช้เครื่องมือให้น้อยชิ้นเข้าไว้ คือลองตั้งเงื่อนไขเพื่อจำกัดวิธีการทำงาน การฝึกฝนแบบนี้จะเป็นการกระตุ้นให้ใช้ความคิดในมุมมองใหม่ๆ พร้อมๆ กันกับท้าทายความสามารถในการสื่อสาร เช่น หากคุณเป็นจิตรกร ลองวาดภาพให้สวยโดยใช้พู่กันเพียงขนาดเดียว และใช้สีเพียงไม่กี่สี หากคุณเป็นช่างภาพ ลองถ่ายรูปด้วยฟิล์มขาวดำให้ออกมาดูทันสมัย หรือหากคุณเป็นนักเขียน ลองจำกัดคำที่ใช้ โดยคิดว่าต้องสื่อสารโดยใช้ แค่คำศัพท์ที่เด็กประถมสามารถทำความเข้าใจได้ เป็นต้น
โฆษณา