7 ก.พ. 2021 เวลา 03:09 • หุ้น & เศรษฐกิจ
ใครเคยได้ยิน Blockchain, Proof of Work, Proof of Stake แต่ยังไม่รู้จักว่ามันคืออะไร
Blockchain ก็เหมือนการเอาคำมารวมกัน Block=กล่อง Chain=สายเชื่อม ธุรกรรม 1 อันก็คือกล่อง 1 ใบ ธุรกรรมใน Blockchain จะถูกตรวจสอบและยืนยันรายการด้วยดิจิตอลทั้งหมด แต่ว่าวิธีการของระบบยืนยันสามารถแบ่งเป็น 2 แบบคร่าวๆ
1. Proof of work : ก็จะแปลตรงตัวว่าใครขยันก็ได้เป็นคนตรวจสอบและได้รางวัลไป คือคนตรวจสอบธุรกรรมก็เป็นใครก็ได้ที่อยากจะทำแหละ แค่มีคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์ดิจิทัลอื่นๆ แล้วก็ Internet แรงๆ กับไฟฟ้า เราก็จะสามารถเป็นโหนด (Node) หรือนักขุดนั่นแหละ คือการที่ยืนยันธุรกรรม จะต้องไขรหัสทางคณิตศาสตร์ก่อน แล้วใครไขได้ก่อนก็จะได้เป็นคนยืนยันธุรกรรมแล้วก็ได้เหรียญเป็นรางวัลตอบแทนไป
แต่ทีนี้ทุกระบบมันก็มีจุดอ่อนแหละเนอะ ระบบนี้ใช้ไฟฟ้าเยอะมาก แล้วก็ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ ความยากของรหัสทางคณิตศาสตร์ที่จะต้องไขก็ยิ่งยากขึ้นๆ การทำงานของระบบก็อาจจะช้าลงได้ ทีนี้ก็เลยมีระบบใหม่อีกแนวนึงเกิดขึ้นมา
2. Proof of Stake : ระบบนี้เข้ามาจัดการในด้านความช้าของระบบ PoW (Proof of Work) ก็คือไม่ต้องมีการไขรหัสกันแล้ว คนที่อยากเป็นคนยืนยันธุรกรรมก็จะต้องมีเหรียญเก็บไว้เยอะในระดับที่มีความมั่นคงน่าเชื่อถือ ไม่ต้องใช้ไฟฟ้ามาผลาญกันอีกต่อไป
ในแง่นึงระบบนี้ก็จะคล่องตัวกว่าอันแรกเนอะ แต่เราว่าสุดท้ายมันขึ้นอยู่กับ Position ของเหรียญแต่ละแบบแหละ ว่าอยากเกิดมาเพื่อทำอะไร อยากเป็นตัวกลางในการเเลกเปลี่ยนก็ต้องเน้นความคล่องตัว แต่ถ้าอยากเกิดมาเพื่อเป็นตัวรักษาความมั่นคงก็คงต้องช้า ได้มายาก เน้นคุณค่าในการเก็บ
blockchain
โฆษณา