เขาสก - เขื่อนเชี่ยวหลาน – ป่าต้นน้ำบ้านน้ำราด
อำเภอ พนม บ้านตาขุน คีรีรัฐนิคม
จังหวัด สุราษฎร์ธานี
ทริปนี้ไปเมื่อกลางเดือนพฤศจิกาฯปีที่แล้ว สืบเนื่องจากความอยากเดินป่า เก็บความอัดอั้นตันใจจากทริปเชียงใหม่ที่ตั้งใจจะไปเดินกิ่วแม่ปาน แต่ช่วงนั้นเขายังไม่เปิดให้เดิน บวกกับเป็นช่วงหน้าฝนอันตรายต่อการเดินป่ามาก เลยจัดทริปนี้ไปเดินป่าเขาสกกัน
แต่! ลืมอะไรไปหรือเปล่าว่าช่วงที่ไปก็ยังเป็นหน้าฝนอยู่
เขาสกและเขื่อนรัชชประภาหรือที่รู้จักกันในชื่อ “เขื่อนเชี่ยวหลาน” อยู่ในอุทยานแห่งชาติเขาสก ซึ่งได้ชื่อว่าเป็น “ขุนเขาแห่งป่าฝน”
ผมเคยมาเดินป่าที่นี่แล้วครั้งหนึ่งเมื่อตอนเด็ก แต่จำอะไรไม่ได้แล้ว เวลาพูดถึงเขาสกผมจะนึกถึงอย่างแรกเลยคือ ดอกบัวผุด ซึ่งเป็นดอกไม้ชนิดดอกเดี่ยวที่ใหญ่ที่สุดในโลก ในประเทศไทยต้องมาดูที่นี่ (ผมเคยเห็นมาแล้วครั้งหนึ่งเมื่อตอนไปเดินป่าที่โกตาคินาบาลู บนเกาะบอร์เนียวตอนเหนือ ไว้มาเล่าให้ฟังในภายหลังครับ)
เขาสก - เขื่อนเชี่ยวหลาน - บ้านน้ำราด
วันที่ 1 เดินป่าเขาสก
เราเริ่มทริปด้วยการเดินป่าเขาสก ซึ่งจะมีเส้นทางเดินป่าให้เลือกหลายเส้นทาง ทั้งแบบเดินสบายๆครึ่งวันและแบบเดินทั้งวัน ซึ่งอย่างหลังต้องเตรียมข้าวห่อและไกด์ท้องถิ่นไปด้วย เราเลยเลือกเดินสบาย ไป-กลับประมาณ 3 กิโลเมตร ชื่อว่าเส้นทางศึกษาธรรมชาติ น้ำตกบางหัวแรด-น้ำตกโตนกลอยใช้เวลาเดิน 3-4 ชั่วโมงไม่เกินนี้ ทางส่วนใหญ่เป็นทางราบ มีขึ้นลงเขาบ้างนิดหน่อย ไม่ได้ยากลำบากอะไร
เดินไปเรื่อยๆเลียบลำธารน้ำตกจนไปถึงบ้านพักเจ้าหน้าที่อุทยาน จะอยู่ใกล้น้ำตกโตนกลอยและน้ำตกวิ่งหิน เราหาที่พักใต้ร่มไม้และถอดรองเท้าแช่เท้าให้ปลาเล็กปลาน้อยคอยตอดทำความสะอาดเอาหนังกำพร้าหลุดลอกออกไป จนใช้เวลาไปพักใหญ่เลยเวลาเที่ยงเข้าไปแล้ว จนได้เวลาที่จะต้องเดินกลับ
แดดสะท้อนสอดแทรกมาตามร่องใบไม้ พระอาทิตย์อยู่กลางหัวอยู่เมื่อครู่ เมื่อเดินมาสักพัก เหตุใดฝนกลับตกสาดลงมาอย่างหนักทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่มีวี่แววว่าฝนจะตก ทำให้เราต้องหาที่หลบฝนกันก่อน
ผ่านไปสักพัก คิดได้ว่าถ้าฝืนอยู่ต่อ ฝนตกในป่าดิบชื้นขนาดนี้คงไม่มีทีท่าจะหยุดง่ายแน่นอน เลยตัดสินใจที่จะตากฝนเดินกลับออกมา อาศัยเอากาบไผ่มากันฝนได้บ้างแต่ก็เปียกมอมแมมไปทั้งตัว
กลับถึงที่พักเพิ่งนึกขึ้นได้ เห้ย! ก็นี่มันหน้าฝนนี่หว่า แต่ใครเล่าจะคิดว่าฝนจะเทลงมาหนักขนาดนี้ เกือบไม่สบาย เป็นไข้แถมมีคนได้ของฝากกลับออกมาจากป่าด้วย “เจ้าทากตัวอ้วนนั่นเอง”
บริเวณใกล้ๆกับน้ำตกวิ่งหิน
วันที่ 2 สะพานแขวนเขาพัง - ล่องเรือ เดินป่า ดูถ้ำที่เขื่อนเชี่ยวหลาน
วันนี้มีจุดหมายคือไปเขื่อนเชี่ยวหลานและนอนแพบนเขื่อน แต่ก่อนถึงตัวเขื่อน เราแวะที่สะพานแขวนเขาพัง เป็นจุดยอดฮิตที่คนมักมาโพสท่าถ่ายรูป เดินไปเรื่อยๆจะไปเจอตลาดหมู่บ้านกลางสวนยาง ขายอาหารให้นักท่องเที่ยวได้ลองชิม เราลองซื้อ “หลามปลา” คล้ายๆห่อหมกในกระบอกไม้ไผ่ อร่อยใช้ได้เลยทีเดียว
ถึงเขื่อนเชี่ยวหลาน ทางแพที่จองไว้มีบริการเรือรับส่งและนำเที่ยวรวมอยู่ด้วย ซึ่งราคาค่อนข้างโอเคในภาวะโควิดแบบนี้ คนขับเรือเป็นผู้หญิงน่าจะอายุราว 40-55 ปี ป้าคนขับเรือได้พาพวกเราไปเก็บสัมภาระที่แพ พาล่องเขื่อนไปดูจุดแลนด์มาร์ค เขาสามเกลอ(กุ้ยหลินเมืองไทย)
(ความคิดเห็นส่วนตัว) ผมค่อนข้างที่จะไม่ปรารถนาชื่อพวกนี้นัก เขื่อนเชี่ยวหลานมันก็คือเขื่อนเชี่ยวหลานบ้านเรา มันมีเอกลักษณ์ของมัน ทำไมต้องไปคัดลอกความเป็นต่างประเทศมาด้วย ในกรณีของมัลดีฟส์เมืองไทยก็เช่นกัน ผมไปมัลดีฟส์มาเมื่อปี 2014 ผมก็เห็นว่ามัลดีฟส์มันก็สวยของมัน เขื่อนเชี่ยวหลานก็สวยของมันอีกแบบ ไว้ผมจะมาเล่าเรื่องมัลดีฟส์ในภายหลังอีกครั้ง
คุณป้าได้ขับเรือไปจอดที่จุดเดินป่า สอบถามคุณป้าว่าทางไม่ไกลมากระยะประมาณ 1.5 กิโลเมตร และคุณป้าจะเดินไปกับเราด้วย ระหว่างทางได้พูดคุยกับคุณป้าถามไถ่สารทุกข์สุขดิบ คุณป้าเล่าว่าในเขื่อนนี้แกเป็นคนขับเรือคนแรกที่เป็นผู้หญิง เส้นทางนี้แกเดินเกือบทุกวัน ผมประหลาดใจมากทีเดียวเพราะไม่คิดว่าจะแข็งแรงขนาดนี้ แกเล่าว่าช่วงโควิดนี้รายได้หายไปเยอะ เพราะส่วนใหญ่คนที่มาเที่ยว เดินป่า ปีนเขา จะเป็นลูกค้าฝรั่งสาย adventure พอล็อคดาวน์ทำให้ลูกค้ากลุ่มนี้หายไปทันที แต่ยังโชคดีที่ตอนนี้คนในประเทศเริ่มออกมาเที่ยวแล้วบ้าง (ตอนนั้นโควิดรอบ2ยังไม่ระบาด) เดินคุยไปเรื่อยแป๊บเดียวก็ถึงจุดลงแพไม้ไผ่
จุดลงแพ 500 ไร่ เป็นส่วนของทะเลในที่เรือเข้าไม่ถึง ต้องเดินป่าตามทางที่เราเดินมา ทุกคนอาจจะคุ้นหูอยู่บ้างเพราะอดีตเคยเป็นที่ตั้งของแพชื่อดัง เราลงแพไม้ไผ่เพื่อไปถ้ำปะการัง มีพี่เจ้าหน้าที่อุทยานคอยแนะนำเล่าความเป็นมา ลักษณะของหินงอกหินย้อยต่างๆว่าเหมือนกับอะไรแล้วแต่จินตนาการของผู้ที่พบเห็น
หลังจากนั้นก็ต้องเดินกลับมาทางเดิม แต่รอบนี้เมฆครึ้มอยู่บนหัว ฝนเริ่มตกลงมา รีบขึ้นเรือ
กลับแพที่พักแทบไม่ทัน ที่พักของเรามีให้เล่นน้ำ พายเรือเล่นด้วย แต่บังคับใส่เสื้อชูชีพด้วยนะ
สะพานแขวนเขาพัง - ตลาดกลางสวนยาง
เขื่อนเชี่ยวหลาน - แพไม่ไผ่ไปถ้ำปะการัง
วันที่ 3 เดินทางกลับ แวะป่าต้นน้ำบ้านน้ำราด
เช้าวันต่อมานัดกับป้าคนขับเรือคนเดิม เพื่อกลับไปที่ฝั่ง นั่งเรือประมาณ 40 นาที
ระหว่างทางคุณป้าตาดีเห็นช้างป่า 4 ตัวเดินลงมาเล่นน้ำที่ริมฝั่ง เลยแวะจอดให้พวกเราดู
พร้อมกับเรืออีก 2~3 ลำ คุณป้าเล่าว่า เราโชคดีมากที่ได้เห็นช้างพวกนี้ เพราะไม่ได้เห็นกันบ่อยนัก พร้อมกับให้เราเงี่ยหูฟังเสียงนกเงือก แต่เสียดายมากที่ไม่ได้เห็นเจ้า ผมอยากเห็นนกเงือกที่อยู่ตามธรรมชาติมาก เพราะเคยเห็นแต่ที่จัดแสดงในสวนสัตว์
ขับรถมาเรื่อยตามป้ายบอกทางและสัญญาณจีพีเอสจนมาถึงป่าต้นน้ำบ้านน้ำราด อยู่ไม่ไกลจากเขื่อนเชี่ยวหลานนัก เป็นครั้งแรกเลยที่มาที่นี่ เคยแต่เห็นคนรีวิวบนเฟซบุ๊คครั้งแรกเมื่อสัก 2 ปีที่แล้ว
ที่นี่น้ำใสมาก ไหลเย็นเห็นตัวปลาจริงๆ มีจุดให้เล่นน้ำและพายเรือชมวิวกินบรรยากาศ
เราใช้เวลาตรงนี้เป็นชั่วโมงเหมือนกัน เสียดายไม่ได้ลงเล่นน้ำ คงจะสนุกน่าดู แนะนำสำหรับใครที่มาเขื่อนเชี่ยวหลาน มาแวะที่นี่เป็นอีก 1 จุด stop ได้เลย อารมณ์เหมือนสระมรกตที่กระบี่ แต่คนน้อยกว่ามาก
ป่าต้นน้ำบ้านน้ำราด
เป็นอย่างไรกันบ้างครับ ใครอ่านมาถึงจุดนี้ผมขอขอบคุณมากที่อดทนอ่านจนจบ
ใครเคยไปเที่ยว มีคำแนะนำ ประสบการณ์สามารถแบ่งปันเล่าสู่กันฟังได้นะครับ
สำหรับทริปนี้คงจะเขียนเล่าไว้เพียงเท่านี้ ทริปต่อไปเราจะไปตะลอนที่ไหน รอติดตามกันนะครับ
ขอบคุณครับ
Fb Ig Blockdit : wanderzeenx
#wanderzeenx
#สุราษฎร์ธานี #เที่ยวสุราษ #เขื่อนรัชชประภา #เขาสก #ป่าต้นน้ำบ้านน้ำราด
- 1
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
